ตลอดระยะเวลากว่าสิบปีที่ผ่านมา ทุกแพลตฟอร์มการทำสำรวจจัดอันดับร้านอาหารอิตาเลียนแบบไฟน์ไดนิ่งที่ดีที่สุดในภูเก็ต จะต้องมีชื่อร้าน ACQUA PHUKET ของเชฟหนุ่มผู้เปี่ยมด้วยพรสวรรค์อย่าง Alessandro Frau อยู่ในอันดับต้นๆ อยู่เสมอ เพราะนอกจากจะเป็นร้านอาหารอิตาเลียนแนวร่วมสมัยที่มีชื่อเสียงในด้านรสชาติ คุณภาพวัตถุดิบ และความคิดสร้างสรรค์ คนที่ชื่นชอบอาหารของ Alessandro Frau จะรู้กันดีว่า พวกเขาจะได้มีความสุขกับอาหารชั้นเลิศ ที่ไม่รุงรังด้วยเรื่องเล่าโอ้อวดเพื่อปรุงแต่งสร้างมูลค่าจนเกินพอดี ในบรรยากาศและการบริการที่มีระดับแต่แฝงไว้ซึ่งความอบอุ่นเป็นกันเอง
เราได้ยินเชฟ Alessandro Frau ปรารภให้ฟังมาหลายปีแล้วว่า มีเสียงเรียกร้องมากมายให้ร้าน ACQUA ไปเปิดสาขาที่กรุงเทพฯ และเขาก็ใช้เวลาเตรียมความพร้อมอยู่นานจนกว่าจะมั่นใจ จนกระทั่งวันหนึ่ง เราก็ได้รับการบอกเล่าว่า ร้าน ACQUA ของเขาเปิดตัวอย่างสง่างามเป็นที่เรียบร้อยในกรุงเทพฯ ท่ามกลางการตอบรับอย่างล้นหลาม ซึ่งการขยายสาขาใหม่ของเขามาสู่เมืองหลวงนี้ถือเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ระดับปรากฏการณ์ เพราะเพียงแค่ทำเลที่เขาเลือกเปิดร้านกลางใจกรุงในซอยสมคิด ย่านเพลินจิต ก็เป็นทำเลที่ได้ชื่อว่า ราคาที่ดินแพงที่สุดและหรูที่สุดในประเทศไทย และร้านที่เขาเปิดก็ไม่ใช่ร้านเล็กๆ แต่เป็นร้านขนาดใหญ่ที่ออกแบบทุกโซนทั้งภายนอกและภายในอย่างสุดพิถีพิถัน บอกให้รู้ว่า Alessandro Frau พร้อมเต็มที่แล้ว สำหรับการนำพาร้าน ACQUA มาเป็นอีกหนึ่งร้านอาหารอิตาเลียนที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ !!!
ร้าน Acqua Restaurant Bangkok เกิดขึ้นจากความคิดสร้างสรรค์ที่มาพร้อมกับความใส่ใจในรายละเอียด ผู้มาเยือนจะได้ประทับใจกับบรรยากาศที่สวยสงบรื่นรมย์ตั้งแต่ทางเข้า ซึ่งมีอาคารรูปทรงป็นมิตรตั้งอยู่อย่างกลมกลืนกับหมู่แมกไม้ ด้านหน้าร้านเป็นสวนหย่อมผสมผสานทั้งพันธุ์ไม้ไทยและเทศอันร่มรื่น โดดเด่นด้วยกอโรสแมรี่ขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นทั้งวิวและเป็นม่านธรรมชาติช่วยสร้างบรรยากาศความเป็นส่วนตัวให้กับร้านที่เป็นผนังกระจกโดยรอบ การตกแต่งภายในใช้สีขาวดำและสีทอง อวดเส้นสายลวดลายบนวัสดุต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเพดานกรุด้วยโลหะที่มีผิวสัมผัสเหมือนผืนน้ำ หรือริ้วคลื่นบนผนังสีขาว สื่อถึงความพลิ้วไหวของสายน้ำตามชื่อ ACQUA แบ่งออกเป็นโซนไดนิ่ง ไวน์เซลลาร์ขนาดใหญ่ ครัวแบบเปิด โซนไพรเวทไดนิ่ง บาร์ที่เชื่อมกับโซนเอ๊าท์ดอร์ใกล้ชิดธรรมชาติ
แอบกวาดสายตามองลูกค้าในร้านที่จัดว่าคึกคักไม่เบาหากเทียบกับร้านระดับราคาใกล้เคียงกัน แต่ละมุมก็จะเห็นคนดังหน้าคุ้นๆในแวดวงสังคมธุรกิจ กับลูกค้าต่างชาติทั้งชาวตะวันตกและเอเชีย มีทั้งมาสังสรรค์ในกลุ่มมิตรสหาย ครอบครัว และคู่เดท ซึ่งทางร้านบอกว่า ที่เราเห็นว่า ร้านมีลูกค้าเยอะแล้วนั้น แต่บรรยากาศจะยิ่งคึกคักมากขึ้นหากเป็นช่วงวันศุกร์และเสาร์ บ่งบอกให้รู้ว่า ACQUA BANGKOK ที่เพิ่งเปิดตัวไม่นานนี้ประสบความสำเร็จติดลมบนเป็นขวัญใจคนกรุงเทพฯ ไปเรียบร้อยแล้ว
เชฟ Alessandro Frau บอกเล่าว่า อาหารที่เสิร์ฟในร้านนี้จะมาจากคอนเซ็ปต์ Memories and After ซึ่งหมายถึง เมนูที่ประกอบขึ้นจากความทรงจำในอดีตของเขา ผสมผสานกับการสร้างสรรค์ด้วยนวัตกรรมใหม่ๆที่เกิดจากการเรียนรู้ โดยในวันนี้เราได้ชิม Acqua Signature Degustation Menu ซึ่งเป็นคอร์สอาหารที่รวมเอาจานเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของ Acqua มาเสิร์ฟใน Testing Portion เพื่อให้การชิมอาหารแต่ละอย่างอยู่ในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่อิ่มจนเกินไป ทำให้เราสามารถชิมเมนูเด่นของร้านได้ครบถ้วน
เปิดคอร์สด้วย Chef Snack Selection แล้วเริ่มต้นที่เมนู Sicily meet Japan – การประชันรสชาติกันระหว่าง Sicilian Red Prawn กับกุ้งญี่ปุ่น Amaebi Prawn เสิร์ฟแบบ Crodo ก็คือกินแบบดิบๆสดๆ คู่กับ Smoked Mozzarella, Fish Egg (ไข่ปลาแซลมอน), Sea Urchin Sauce (ซอสไข่หอยเม่น) Squid Ink และ Sea Asparagus Oil จานนี้มีรสชาติหวานสดอร่อยของกุ้งอิตาลีกับกุ้งญี่ปุ่นเชือดเฉือนกันแบบไม่มีใครยอมใคร เสริมรสด้วยซอสที่อบอวลด้วยกลิ่นรสจากมหาสมุทร กินคู่กับไวน์ขาว อร่อยเห็นเดือนเห็นดาว ซึ่งโดยส่วนตัวคิดว่า การเสิร์ฟแบบ Crudo นี่เป็นความถนัดที่โดดเด่นของเชฟ Alessandro Frau เลยทีเดียว คือถ้าเขาเสิร์ฟของดิบ รับรองว่าอร่อยหายห่วงทุกจาน
เมนูต่อมาเป็นการโชว์ความคิดสร้างสรรค์ เพราะเป็น Squid Tagliatelle ที่เขาเอาเนื้อปลาหมึกมาทำเป็นเส้นพาสตา รสสัมผัสนุ่มหนึบ ปรุงรสด้วย Mint กับ Extra Virgin Olive Oil ตกแต่งโรยหน้าด้วย Syberian Cavier อร่อยเค็มๆมันๆ คู่กับความสดชื่นของ Cucamelon จานนี้เสิร์ฟกับไวน์ขาวเช่นกัน
เมนูที่สามก็ยังเป็นวัตถุดิบจากทะเล Sardinian Smoke Eel เสิร์ฟคู่กับผักดองรสชาติเปรี้ยวๆหวานๆใน White Balsamico Vinegar Sauce จานนี้ตกแต่งหน้าตาสวยหวานเหมือนดงดอกไม้ แต่เป็นอาหารคาว โดดเด่นด้วยรสชาติของปลาไหลอ้วนๆมันๆจากซาร์ดีเนียรมควันเนื้อสีขาวจั๊ว ซึ่งน่าจะเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับคนไทย (เพราะปกติเรากินแต่ปลาไหลย่างซอสเค็มหวานสีเข้มๆแบบญี่ปุ่น) การปรุงด้วยวิธีรมควันทำให้เนื้อปลามีกลิ่นหอม เสิร์ฟเย็นในรูปแบบคล้ายๆยำ มีเครื่องเคียงเป็นผักดองเปรี้ยวหวานกับไวท์บัลซามิค เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ทำได้ดี แม้จะไม่ใช่อาหารดิบแต่ยังรู้สึกถึงรสสัมผัสที่ชัดเจนของปลาไหล
พอมาถึงเมนูที่สี่ The Country side on Raining Days เชฟก็นำพาเราเข้าสู่พื้นที่ในความทรงจำ ด้วย Seasonal Wild Mushroom Risotto with Foie Gras and Snails จานนี้เสิร์ฟมาในรูปโฉมที่ชวนให้คิดถึงการเข้าป่าหาเก็บเห็ดในฤดูฝนอันชุ่มฉ่ำ สีน้ำตาลของรีซอตโตชวนให้คิดถึงขอนไม้ที่เปียกชุ่มในป่าที่มีสีเขียวของมอสปรากฎรำไร ความโดดเด่นของรสชาติอยู่ที่รีซอตโต เสริมด้วยความครีมมี่ของ Foie Gras และความนุ่มหนึบของ Snails
ตามมาด้วยเมนูที่ห้าที่รสสัมผัสหนักแน่นขึ้นด้วย Burretta’s Stuffed Tortelli with Wague Beef Cheeks Ragout Sous Vide 72 hours, Fresh Black Truffles Parmigiano Reggiano Fondue Topped with 25 years aged Balsamico เมนูนี้ให้ความรู้สึกอบอุ่นครบรสเหมือนมีเพื่อนชาวอิตาลีจูงมือพาไปกินอาหารหม้อโตๆ ที่ยายทำให้กินที่บ้านถึงในครัว เชฟบอกว่าบัลซามิกอายุ 25 ปีนั่นแพงระยับเลยเชียว จานนี้รสเข้มข้น ได้กินคู่กับไวน์แดงเข้ากันดีมาก
ปิดท้ายเมนูอาหารคาวด้วยจานปลาทอด Mediterranean Red Mullet Pan Fried with a light aromatized breadcrumb crust, Buffalo Mozzarella Sauce, Taggiasche Olive, Italian Tomato Datterino, Sililian Capers and Oregano from Pantelleria Island จานนี้ดูเหมือนง่ายๆเป็นกันเอง แต่วัตถุดิบน่าสนใจมาก เพราะล้วนแต่เป็นของที่ส่งตรงมาจากอิตาลี กลิ่นรสครบเครื่อง ละมุนละไมแต่ลึกซึ้ง เหมาะสำหรับตรวจสอบประสาทสัมผัสของนักชิมว่ายังว่องไวและแม่นยำดีแค่ไหน เพราะเครื่องเทศที่ใช้และวัตถุดิบต่างๆ มีกลิ่นรสที่แตกต่างจากอาหารทั่วไปที่ใช้วัตุดิบพื้นถิ่น ซึ่งก็ต้องขอบคุณปริมาณอาหารที่จัดมาพอเหมาะพอดีในจานก่อนๆหน้าที่ทำให้เรายังอร่อยได้เต็มที่มาจนถึงจานนี้โดยไม่อิ่มเสียก่อน
จบคอร์สด้วยของหวานจานอร่อยซึ่งเป็นเมนูจากความทรงจำของเชฟ Memories of “Fior di Latte” Milk Semifreddo, Foam, Gelatin, Sauce and Gelato ล้างปากด้วย กาแฟหอมกรุ่น กินกับ Petit Four ให้ถูกต้องตามธรรมเนียมอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งเป็นเมนูของหวานที่มีระดับความหวานลงตัวกำลังดี เหมาะกับยุคสมัยที่ผู้คนไม่นิยมบริโภคน้ำตาลในปริมาณมาก โดยเชฟก็บอกเล่าถึงของหวานว่า ตัวของเขาเองก็ไม่ใช่คนชอบกินหวานเหมือนกัน ดังนั้น เวลาที่ทำขนมหวานก็จะไม่ทำให้หวานมากเกินไป คนที่กลัวความหวานจะได้เอ็นจอยกับขนมของเขาได้อย่างไม่ต้องกังวลใดๆ
สิ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือความอร่อยของขนมปังร้านนี้ ที่ต้องยกนิ้วให้ด้วยความชื่นชม และการบริการของพนักงานที่มืออาชีพจริงๆ ทั้งคนไทยและคนอิตาเลียน สามารถต้อนรับขับสู้ได้อย่างน่าประทับใจและให้ข้อมูลแนะนำอาหารได้อย่างละเอียดครบถ้วน เป็นหนึ่งในจุดแข็งและเสน่ห์ที่โดดเด่นของ ACQUA ทั้งที่ภูเก็ตและกรุงเทพฯ เป็นส่วนผสมที่กลมกล่อมลงตัวระหว่างความรู้สึกหรูหรากับความจริงใจและเป็นมิตรซึ่งยากที่ใครจะเลียนแบบ จึงไม่น่าแปลกใจหาก ACQUA Restaurant Bangkok จะได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในร้านอาหารอิตาเลียนร่วมสมัยที่ดีที่สุดของกรุงเทพฯ และคงจะจองยากไม่น้อยหากได้รางวัลต่างๆที่คาดว่ากำลังจะทยอยกันมาในอีกไม่ช้านี้ เพราะเป็นสิ่งที่เชฟ Alessandro Frau นั้นคู่ควรจริงๆ
ข้อมูล: 22 กรกฎาคม 2566
Text: Wannasiri S.
————————-
Acqua Restaurant Bangkok
ซอยสมคิด ถนนเพลินจิต เขตปทุมวัน
โทร. 093-612-7000
http://www.acquarestaurantbangkok.com/