Kota Kinabalu

โดยทั่วไปแล้ว การท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาวประจำปีเป็นสิ่งที่ครอบครัวของเราซึ่งเดินทางบ่อยตลอดทั้งปีพยายามหลีกเลี่ยง เพราะไม่ต้องการไปลำบากกับการแย่งที่กิน ที่พัก หรือแย่งตั๋วเดินทางราคาแพงกับคนจำนวนมาก แต่ด้วยความบังเอิญที่ทริป “ท่องเที่ยว+ทำงาน” (Bleisure. The blurry line between business and leisure trips) ของเราตรงกับช่วงวันหยุดสงกรานต์พอดี จึงได้โอกาสพาลูกๆที่อยู่ในช่วงปิดเทอมไปเดินทางด้วย ซึ่งทริปนี้เป้าหมายของเราคือ Kota Kinabalu เมืองท่องเที่ยวในมาเลเซียที่กำลังเติบโตและมีชื่อเสียงในเรื่องธรรมชาติอันงดงามของทั้งป่าเขาลำเนาไพรและท้องทะเล อีกทั้งยังถึงพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เป็นที่ตั้งของโรงแรมชั้นนำระดับโลกหลายแห่ง และเจ้าภาพของเราสำหรับทริปนี้คือ โรงแรม Hilton Kota Kinabaluเป็นโรงแรมสวยงามใหม่เอี่ยมอ่องในทำเลสะดวกสบายกลางใจเมืองของรัฐซาบาห์ (Sabah) ประเทศมาเลเซีย

การเดินทางไปเที่ยวคินาบาลูถือเป็นเรื่องง่าย เพราะมีเที่ยวบินตรงของสายการบิน Thai Smile ที่ออกจากสุวรรณภูมิตอน 13.40 น. ไปถึงคินาบาลูตอน 17.00 น.แต่เวลาในมาเลเซียจะเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง เมื่อไปถึงสนามบินที่คินาบาลู ปรับนาฬิกาแล้วก็คือเป็นเวลา 18.00น.ของที่มาเลเซียพอดี

การเดินทาง / Grab Taxi ไปสนามบิน

เราออกจากบ้านไปสนามบินสุวรรณภูมิด้วย Grab Taxi เรียกรถแท็กซี่มารับที่บ้าน ตอน 10.30 น.เส้นทางจากย่านบางจากไปสนามบินสุวรรณภูมิในชั่วโมงเร่งด่วนที่ดีที่สุดคือ ขึ้นทางด่วนซอยสุขุมวิท 50 เสียค่าผ่านทาง 40 บาท แล้วไปเข้าด่านโทลเวย์ เสียค่าผ่านทาง 70 บาท ไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิประมาณ 11.30 น. ค่ารถ 250 บาท (ไม่รวมค่าทางด่วน)

การเดินทาง / สายการบิน Thai Smile

เราเดินทางโดยสารการบิน Thai Smile การจองตั๋วเดินทางกับ Thai Smile สามารถทำได้ทางออนไลน์ โดยเข้าไปที่เว็บไซต์ www.ThaiSmileAir.com
ในช่วงที่เราจองนั้น บนหน้าเว็บมีโปรโมชั่น บัตรโดยสารราคาพิเศษรวมค่าธรรมเนียมแล้วเริ่มต้นที่ 2,990 บาท สำหรับผู้ที่จองช่วงสงกรานต์เดินทางภายในเดือนเมษายน2560 แต่เราไม่ได้โชคดีพอที่จะได้ราคาแสนประหยัดนั้น

-               ตั๋วเดินทางของลูกสองคนซึ่งจองก่อน มีราคาไป-กลับ คนละ 7,880 บาท (คนละ 3,940 บาท ต่อเที่ยวบิน)

-               ตั๋วเดินทางของพ่อแม่ จองทีหลัง ได้ราคาไป-กลับ คนละ 7,380 บาท (คนละ 3,690 บาท ต่อเที่ยวบิน)

ในช่วงที่เราจองตั๋ว มีเรื่องน่ากังวลใจเล็กน้อยคือ เราไม่สามารถเลือกที่นั่งผ่านเว็บได้ ซึ่งเป็นปัญหาสำหรับคนกลัวที่แคบซึ่งต้องนั่งริมทางเดินอย่างผู้เขียน เพราะถ้าได้ที่นั่งประเภทที่มีคนแปลกหน้าขนาบซ้ายขวา อาจจะเครียดจนไม่อยากเดินทาง ประกอบกับในช่วงวันดังกล่าวมีข่าวแย่ๆเกี่ยวกับการบินเกิดขึ้นสองข่าว ข่าวแรกคือ สายการบิน United Airlines จัดการกับปัญหาขายตั๋วเกินด้วยการหิ้วผู้โดยสารออกจากเครื่องบินแบบรุนแรง และข่าวที่สองคือ มีลูกทัวร์ไทยจำนวนราวสองพันคนโดนหลอกมาลอยแพที่สนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้หวั่นใจว่า อาจจะเกิดความซวยแบบ United Airlines หรืออาจจะตกเครื่องเพราะคนแน่นสนามบินจนเช็คอินไม่ทัน โชคดีที่พอไปถึงสนามบินก็จัดการทุกอย่างได้เรียบร้อยดีตรงจุดเช็คอิน ไม่มีปัญหากวนใจใดๆเกิดขึ้น แม้จะไม่ได้นั่งติดกันทั้ง 4 คนพ่อแม่ลูก แต่ก็ได้นั่งสบายๆด้วยกันเป็นสองคู่ เพราะผู้โดยสารไม่เต็มเครื่อง

เรามีกระเป๋าสัมภาระโหลดใต้ท้องเครื่อง 3 ใบ และกระเป๋าขาตั้งกล้องไปโหลดในจุดสัมภาระขนาดใหญ่พิเศษอีก1 ใบ ถ้ามีของชิ้นใหญ่ควรเผื่อเวลาตรงนี้ไว้เป็นพิเศษด้วยถ้าไม่อยากตกเครื่องหรือวิ่งกระหืดกระหอบไปที่เกท เพราะจุดโหลดกระเป๋าปกติตรงเคาน์เตอร์เช็คอินกับจุดโหลดกระเป๋าใหญ่พิเศษนั้นอยู่แยกกัน รวมเวลาเข้าคิวซึ่งมีคนเพียงนิดเดียวบวกเวลาโหลดกระเป๋าเรียบร้อยก็ประมาณเกือบครึ่งชั่วโมง เสร็จราว 12.00 น.ซึ่งบอกให้เรารู้เป็นนัยว่า คราวหน้าต้องรีบมากกว่านี้ เพราะขนาดมีคนในคิวเพียงไม่กี่คน ยังใช้เวลาค่อนข้างนาน หากมีคนเยอะย่อมจะต้องนานยิ่งกว่านี้มากๆ จึงควรเผื่อเวลาให้มากเพื่อความปลอดภัยว่าจะไม่ตกเครื่อง และเมื่อโหลดกระเป๋าเรียบร้อยเราก็เตรียมไปแลกเงิน

แลกเงิน BHT – MRD

เราเตรียมเงินสดไปประมาณ 20,000 บาท แลกเงินมาเลเซียที่เคาน์เตอร์ของ SCB ในอัตรา 8.16 บาท ต่อ 1 ริงกิต ซึ่งจากที่เช็คอัตราในเว็บ อัตราแลกเปลี่ยนวันนี้อยู่ที่ 1 MYR : 7.76 BHT  เราแลกไป 20,000 บาท มีทอนมา 8 บาท ได้เป็นเงินมาเลเซียมา 2,450 ริงกิต  จากประสบการณ์ที่เราเคยไปเที่ยวมาเลเซียในทริปก่อนหน้านี้ คิดว่าเงินสดแค่นี้ก็น่าจะพอ เพราะพักอยู่ในโรงแรมมีอาหารกินครบทุกมื้อไม่ต้องใช้เงินสด และเวลาออกไปซื้อของฝากก็ใช้บัตรเครดิตเป็นส่วนใหญ่ เงินสดใช้แค่เป็นค่ารถและซื้อของริมทางนิดๆหน่อยๆ ให้พอมีติดตัวเอาไว้เท่านั้น ประกอบกับค่าครองชีพที่ซาบาห์ คินาบาลู ก็ใกล้เคียงกับกรุงเทพฯ หรืออาจจะถูกกว่าในหลายรายการ ราคาของกินของใช้โดยทั่วๆไปถือว่าถูก โดยเฉพาะค่าเดินทางของที่นี่จะถูกกว่าบ้านเรามาก เพราะพลังงานของเขามีต้นทุนต่ำกว่าเรา รถยนต์ที่เขาใช้ก็เป็นรถที่ผลิตในประเทศ ผู้คนท้องถิ่นที่ขับรถส่วนตัวไปมาบนท้องถนนก็เป็น UBER จำนวนมาก เปิด app เรียกแป๊บเดียวก็มา ราคาค่ารถก็ถูกแสนถูก ไม่เหมือนเมืองไทย และรถไม่ติด

เคล็ดไม่ลับในการแลกเงินและใช้จ่าย

-               1 RM (MYR) แลกเป็นเงินไทยได้ประมาณ 8 บาท หรือคิดง่ายๆให้แพงหน่อยเวลาซื้อของจะได้ไม่ซื้อเยอะเกินไป ก็คือ ริงกิตละ 10 บาท

-               หลักการซื้อขายไม่ให้ขาดทุน คือ เวลาซื้อของ ให้คิดว่า ริงกิตละ 10 บาท และ เวลาจะขายของ ให้คิดว่า ริงกิตละ 7 บาท ตอนซื้อก็จะแพงกว่าความเป็นจริงหน่อย ส่วนตอนขายก็จะน้อยกว่าความเป็นจริงหน่อย ด้วยวิธีนี้จะทำให้ปลอดภัยจากการซื้อแพง-ขายถูก เพราะความสับสนในค่าเงินต่างสกุลได้

-               ค่าครองชีพของมาเลเซียไม่ได้แพงมาก ไม่ว่าจะเป็นการซื้อของตามริมทาง หรือค่ารถแท็กซี่ เวลาแลกเงินจึงควรมีแบงก์ย่อยเอาไว้ด้วย เช่น ใบละ 1, 5, 10 และ 20 ริงกิต การใช้แบงก์ 50 หรือ 100 ริงกิต ก็เหมือนการใช้แบงก์ 500 และแบงก์ 1000 ในบ้านเรา ซึ่งคนขายรายย่อยหรือคนขับแท็กซี่เขาอาจจะไม่มีเงินทอน

 

ช้อปปิ้งของฝากที่ KING POWER DUTY FREE SHOP สนามบินสุวรรณภูมิ

หลังจากเช็คอินและแลกเงินเรียบร้อย เราเหลือเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนขึ้นเครื่อง คุณวศินแวะช้อปปิ้งในร้านโปรดทุกครั้งที่เข้าสนามบินคือ King Power Duty Free Shop ซื้อของฝากมิตรสหายและฝากตัวเอง สินค้าใน DUTY FREE SHOP นั้นนอกจากจะราคาดีแล้วยังมีแพคเกจที่สวยพิเศษน่าซื้อ เราได้ สก็อตช์ วิสกี้ครีม ขวดสวยแบบแพ็คคู่ไปฝากเพื่อน 1 ชุด กับ สก็อต วิสกี้ อีก 1 ขวด และ บุหรี่ Dunhill ไปฝากพรรคพวก 1 Carton

 

รองท้องก่อนขึ้นเครื่องที่ The Pizza Company

เนื่องจาก เด็กชายวิศ เป็นผู้ถือหุ้นที่ซื่อสัตย์ของหุ้น MINT (Minor Corp.) แม้จะมีเงินซื้อหุ้นเพียงไม่กี่หุ้น แต่ถ้าจะกินพิซซา เบอร์เกอร์ หรือไอศกรีม ก็ต้องใช้บริการของเครือ MINOR เสมอ เราจึงแวะกินพิซซาและปีกไก่กันก่อนขึ้นเครื่อง โดยสั่ง Hawaiian Pizza ถาดเล็ก 1 ถาด ที่มาเป็นชุดกับปีกไก่ 4 ชิ้น และเป๊บซี่ 1 แก้ว ในราคาเต็ม 485 บาท แต่ได้ส่วนลด 10% จาก AIS ก็เลยจ่ายในราคา 432 บาท

 

เดินทางกับ THAI SMILE

ตามเวลาในบอร์ดดิ้งพาส เครื่องบินของเราจะเปิดให้ขึ้นเครื่องเวลา 13.00 น.เพื่อออกเดินทางเวลา 13.40 น. เราไปนั่งรอที่ Gate F42A นั่งพักรอใกล้แท่นชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์ ก็ชาร์จแบตไว้ครู่นึง การมีแบตเตอรีเต็มเป็นความอุ่นใจอย่างหนึ่งของทุกการเดินทางแม้เราจะไม่ได้ใช้โทรศัพท์ก็ตาม และครั้งนี้ต้องไม่ลืมปิดการใช้ข้อมูล (data) ก่อนขึ้นเครื่อง เพราะคราวก่อนลืมปิด พอไปถึงต่างประเทศเสียค่าอินเตอร์เน็ตแบบ Roaming โดยไม่รู้ตัวไปหลายบาท กว่าจะรู้ก็เมื่อบิลมาถึงบ้านในเดือนถัดไป ตาเหลือกเลย

นั่งรอไปได้ราวยี่สิบนาที เจ้าหน้าที่ก็เรียกผู้โดยสารให้ขึ้นรถบัสไปขึ้นเครื่อง เป็นเครื่องขนาดเล็ก ถึงผู้โดยสารจะไม่มากแต่ก็ต้องใช้รถบริการสองคัน ก็ดีที่ไม่ต้องเบียดกันมากนักเพราะอากาศภายนอกร้อนจัดจนรู้สึกป่วยนิดๆ และแอบกังวลว่า เมื่อขึ้นไปบนเครื่องแล้วจะต้องทนอึดอัดอยู่นานก่อนเครื่องออก แต่ปรากฏว่าบนเครื่องบินไม่ได้ร้อนอึดอัด และการที่นั่งแยกกับเด็กสองคนที่มาด้วยกันก็ทำให้การเดินทางสงบสุขกว่าที่คิด แถวที่นั่งของดิฉันกับสามีคือ 54J อยู่ค่อนไปทางด้านหลังเครื่อง เป็นที่นั่งแบบสามแถวแบ่งซ้ายขวา มีทางเดินตรงกลาง ในที่นั่งสามแถวของเรามีที่ว่างหนึ่งที่ ทำให้กว้างสบายเป็นพิเศษ ส่วนเด็กๆ ที่นั่งกันด้านหน้านั้น มีที่ว่างสามแถวติดกันทั้งด้านหน้าและด้านหลัง จึงเลือกนั่งกันคนละสามเก้าอี้ได้อย่างแสนสบาย

แอร์โฮสเตสสาวสวยของ Thai Smile ในชุดสีส้ม ยิ้มแย้มน่ารัก ใส่ใจในบริการเป็นอย่างดี หลังจากเราหลับกันไปครู่หนึ่งด้วยความเหนื่อยล้า ตื่นมาพบว่าบนเครื่องมีเสิร์ฟอาหารเบาๆ พอดีกับที่เริ่มรู้สึกหิว ในชุดอาหารประกอบด้วย บะหมี่หน้ากุ้งกระเทียมกับผักกวางตุ้งและแครอท กินแกล้มกับไก่ย่างชิ้นน้อยที่มาพร้อมส้มตำรสอ่อนๆ บางคนอาจบ่นว่าจืดไป แต่จริงๆแล้วการกินรสอ่อนถือว่าดีสำหรับการเดินทาง เพราะถ้ารสจัดหรือเผ็ดเกินไปอาจไม่ปลอดภัยกับระบบทางเดินอาหารและเด็กเล็กอาจกินไม่ได้ โดยเฉพาะคนต่างชาติที่ไม่คุ้นกับรสชาติแบบไทย สิ่งที่น่าประทับใจคือมีข้าวเหนียวมะม่วงจัดมาในชุดเป็นของหวาน ประกอบด้วยข้าวเหนียวดอกอัญชันสีม่วงอ่อนสวยงาม กับมะม่วงชิ้นกำลังเหมาะที่แยกมาในอีกกล่องเล็ก เมื่อแกะออกมากินบนความสูงสองหมื่นสามพันฟุตแล้วรู้สึกอร่อยกว่ากินบนพื้นดินมาก เป็นหนึ่งเมนูที่ชื่นชอบสำหรับการเดินทางด้วย Thai Smile ในทริปนี้ ก่อนจะปิดท้ายด้วยกาแฟร้อนแก้ง่วง ช่วยให้ตาสว่างเต็มที่พร้อมลุยต่อ

นิตยสารที่วางบนเครื่องมีแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวตามเส้นทางบินของ Thai Smile ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่กำลังเริ่มโด่งดัง นอกจากจะมี Kota Kinabalu ที่มาเลเซีย แล้วก็ยังมีเกาะ Cebuเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่กำลังมาแรงในฟิลิปปินส์ รวมถึง Zhengzhouและอีกหลายเมืองท่องเที่ยวในจีน โดยลักษณะการโปรโมทเส้นทางของ Thai Smile นั้นมีจุดเด่นเรื่องการเดินทางท่องเที่ยวในแถบอาเซียนและประเทศใกล้เคียง อย่างเช่น อินเดีย ในลักษณะของการท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่เน้นเรื่องสิ่งแวดล้อม ชุมชน และวัฒนธรรมท้องถิ่น แตกต่างจากการโปรโมทในยุคก่อนๆที่หยิบยกเอาความเจริญ ทันสมัย และการยกระดับบริการให้ได้มาตรฐานจนทำให้ทุกแห่งหนที่ความเจริญไปถึง กลายเป็นสิ่งที่ดูเหมือนๆกันไปหมด มาสู่การแสวงหาอัตลักษณ์อันเป็นเสน่ห์ที่แตกต่างกันของแต่ละพื้นที่ และเคารพในวิถีดั้งเดิมของชุมชน

 

สนามบินนานาชาติ Kota Kinabalu

ถ้าไม่ได้เผลอหลับขณะเครื่องเตรียมลงจอดและไม่มืดค่ำจนเกินไป เราจะได้เห็นทัศนียภาพอันสวยงามจากมุมสูงของ โกตา คินาบาลู ที่ประกอบไปด้วยป่าเขาลำเนาไพร ภูเขาสูงๆต่ำๆ ชายหาดที่สวยงาม และหมู่เกาะโดยรอบ สีสันของพื้นที่โดยรวมยังคงเขียวขจี บอกให้รู้ถึงความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ บางจุดมีหมู่บ้านริมน้ำกระจุกตัวเรียงรายอยู่ริมฝั่ง ส่วนที่เป็นใจกลางเมืองมีตึกสูงทันสมัยอยู่พอสมควรแต่ก็ยังไม่หนาแน่น บางจุดมีหมู่บ้านหน้าตาคล้ายๆบ้านจัดสรรในเมืองไทย และมีบางจุดเป็นเขตชุมชนแออัดซึ่งเป็นที่พักอาศัยของแรงงานต่างชาติซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวฟิลิปปินส์ที่มีอยู่จำนวนมากมายในมาเลเซีย จนตั้งเป็นชุมชนและมีตลาดที่ขายของเฉพาะสำหรับแต่ละเชื้อชาติอยู่ในเขตที่ใกล้กับท่าเรือ และแถวริมชายฝั่ง

เครื่องบินลงจอดตรงเวลา ปรับนาฬิกาข้อมือจากห้าโมงเป็นหกโมง เดินออกจากเครื่องบินมาได้ไม่กี่ก้าวเจอร้าน DUTY FREE SHOP วศินก็แวะซื้อของอีกรอบ คนนี้เขาชอบร้านปลอดภาษีจริงๆ คว้าพาสปอร์ตไปได้แป๊บเดียวก็หิ้วของออกมาเต็มสองมือ พร้อมอธิบายว่า  DUTY FREE ที่นี่ขายบุหรี่หลายยี่ห้อกว่าที่อื่น โดยเฉพาะ Marlboro และ Dunhill แบบที่มีปุ่มกดกลิ่นหอมพิเศษซ่อนอยู่ภายในซึ่งหาซื้อไม่ได้ง่ายตามร้านทั่วไป ส่วนพวกที่นั่งรอก็ชมบรรยากาศในสนามบินไปพลางๆ ตรงข้ามร้านปลอดภาษีมีร้านขายของพื้นเมืองแบบชนเผ่าลวดลายสวยงามแปลกตา หยิบสร้อยลูกปัดยาวที่แขวนอยู่หน้าร้านมาดูเส้นหนึ่ง ก็สวยดี คิดเป็นเงินไทยแล้วราคาเกือบสี่พันบาท ไม่รู้ว่าเป็นวัสดุอะไร รู้สึกไปเองว่าแพง ก็เลยได้แต่ดูเฉยๆ ไม่ได้ซื้ออะไร แต่คุณวศินแกหมายมาดว่า ขากลับจะไปขึ้นเครื่องที่อีกปีกหนึ่งของสนามบิน จะเจอร้าน DUTY FREE ที่ใหญ่กว่าเดิม ก็เตรียมจะซื้อของอีกชุดใหญ่ คนชอบซื้อก็มีความสุขกับการซื้อเสมอ ส่วนจะมีเงินซื้อหรือไม่มีนั้นก็อีกเรื่องหนึ่ง…ค่อยไปเครียดตอนเห็นบิลบัตรเครดิตทีเดียว

ตรวจคนเข้าเมือง

ก่อนที่จะไปรับกระเป๋า เราต้องผ่านจุดตรวจคนเข้าเมือง นอกจากคณะของเราสี่คนแล้วก็มีกรุ๊ปทัวร์เล็กๆของคนไทย พอกรุ๊ปทัวร์ผ่านไปหมด เราก็ถือพาสปอร์ตไปให้เจ้าหน้าที่ประจำแต่ละเคาน์เตอร์ เขาดูพาสปอร์ตเรา แล้วถ่ายรูป จากนั้นก็ให้เราเอานิ้วชี้สองนิ้วทาบบนเครื่องแสกน พอผ่านขั้นตอนนี้เรียบร้อยก็เป็นอันเสร็จพิธี ตอนถ่ายรูปดิฉันยิ้มหวานใส่กล้อง เจ้าหน้าที่หนุ่มน้อยถามว่า เพิ่งเคยมาเป็นครั้งแรกหรือ ดิฉันตอบว่า เป็นครั้งที่สอง เจ้าหน้าที่ยิ้มรับอย่างเป็นมิตร ตำแหน่งที่นั่งตรวจคนเข้าเมืองนี้ออกจะเงียบเหงาอยู่พอสมควร เพราะคนเข้าออกไม่เยอะ วันๆแกคงไม่ค่อยได้คุยกับใครสักเท่าไหร่ หลังจากที่ตรวจเราแล้วก็คงต้องรออีกหลายชั่วโมงกว่าแกจะได้คุยกับใครอีกสักคำสองคำแก้เหงา หรือไม่เช่นนั้นเหล่าเจ้าหน้าที่ก็คงต้องจับกลุ่มคุยกันเองไม่ให้เหงาเกินไป

เมื่อผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง เราก็ไปรอรับกระเป๋า ก่อนนำกระเป๋าออกจากสนามบิน เราต้องผ่านจุดตรวจอีกครั้งหนึ่ง โดยยกกระเป๋าเข้าเครื่องแสกน เจ้าหน้าที่ตรงจุดนี้ดูเป็นมิตรเช่นกัน มีอัธยาศัยดี ยิ้มแย้มเต็มที่

ซื้อแพคเกจโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ต

หลังจากรับกระเป๋าเรียบร้อยเราแวะซื้อซิมการ์ดก่อนออกจากสนามบิน โทรศัพท์รุ่นที่เราใช้เหมาะกับการเดินทางเพราะใส่ซิมการ์ดได้สองเบอร์ ตามปกติเวลาเราไปประเทศไหนๆ ก็จะซื้อซิมการ์ดโทรศัพท์ของประเทศนั้นเอาไว้ด้วยเพื่อความสะดวกและประหยัดในการติดต่อสื่อสาร และมีซิมการ์ดของไทยเอาไว้รับสายจากทางบ้านเผื่อมีเหตุฉุกเฉิน แพคเกจที่เราซื้อวันนี้ ราคา 30 ริงกิต ใช้ได้ 7 วัน ใช้เน็ตได้ 500 MB เป็นอัตราที่แพงมากจากการตัดสินใจผิด เนื่องจากเรามีซิมการ์ดเดิมจากการเดินทางคราวก่อน และคิดไปเองว่า การเอาซิมการ์ดเดิมมาเติมเงินน่าจะประหยัดเงินได้มากกว่า แต่ความเป็นจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น

ในการซื้อซิมการ์ดที่นี่ มีร้านค้าในเมืองให้เลือกมากมาย ถ้าไม่รีบใช้ติดต่อใครทันทีก็ไม่จำเป็นต้องซื้อที่สนามบิน ไปใช้ Free WIFI ที่โรงแรมเอาก็ได้ และถ้าจำเป็นต้องซื้อซิมการ์ด เขาก็มีขายทั่วไปเหมือนบ้านเรานั่นแหละ ในร้านสะดวกซื้อก็หาซื้อได้ง่ายๆทุกแห่งหน และจะให้ได้ราคาปกติหรือราคาถูกๆควรซื้อซิมการ์ดใหม่ไปเลย

 

 

 

 

Related contents:

You may also like...