คนไทยกว่าค่อนประเทศรู้จักและสนับสนุนสินค้าจากธุรกิจที่บริหารงานภายใต้ร่ม ‘สิริวัฒนภักดี’ ส่วนคนในครอบครัวสิริวัฒนภักดีรวมถึงองค์กรที่พวกเขานั่งเก้าอี้บริหารก็ช่วยเหลือสังคมในบริบทต่างๆ ตามกำลังความสามารถ ฐาปน สิริวัฒนภักดี เล่าอดีตที่ส่งผลถึงปัจจุบันของเขา พร้อมยกตัวอย่างกุศโลบายซึ่งหล่อหลอมให้ตนเป็นผู้บริหารที่สืบทอดสายเลือดและวิธีการทำงานจากทั้งเจ้าสัวเจริญ และ คุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี
“ต้นแบบที่ใกล้ที่สุดก็คือคุณพ่อคุณแม่ ผมได้รับมาจากทั้งสองท่าน ในเรื่องการทำบุญนั้นเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคนเราที่ผันผ่านมา ตัวอย่างหนึ่งของความผูกพันที่ถูกสร้างและหล่อหลอมมาเป็นแบบนี้จนถึงทุกวันนี้ก็มาจากคุณพ่อคุณแม่ ผมนึกถึงว่าตั้งแต่เด็กมาก็มีความผูกพันเรื่องงานบุญงานประเพณี ยกตัวอย่างครอบครัวเราทุกวันเสาร์แรกของปีก็จะมีการทำบุญประจำปีเลี้ยงพระเพลที่วัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์) เพราะคุณพ่อเคยเป็นลูกศิษย์ที่วัดโพธิ์ ผมเองและน้องชายก็บวชเรียนที่วัดโพธิ์ จึงมีความผูกพันมาตลอด อาจเป็นสิ่งที่ถูกปลูกฝังเลี้ยงดูมาอย่างนี้ ซึ่งการบริจาคการทำบุญมันเป็นความเชื่อมโยงเกี่ยวโยงเป็นความต่อเนื่องตั้งแต่ที่เห็นมาถึงวันนี้ได้เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยตัวเอง ทำด้วยตัวเอง ใช้เวลาด้วยตัวเอง จึงเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเราในทุกวันนี้”
“การให้นำมาซึ่งความสุขใจหลายๆ ครั้ง มักมีคนบอกว่าคุณเจริญและคุณหญิงวรรณาทำสิ่งเหล่านี้แล้วทำไมท่านไม่พูด ไม่เอ่ย ไม่หยิบยกมากล่าว หรือหยิบยกมาพีอาร์ แต่ที่ท่านทำนั้นเป็นความตั้งใจแค่นี้ จนผมเข้ามารับผิดชอบเกี่ยวโยงอยู่ด้วยจึงมาจัดแบ่งเรียบเรียงเป็น 5 กลุ่ม และมีการติดตามกันใกล้ชิดมากขึ้น”
ด้านการบริหารงานต่อให้องค์กรเติบโตขยายขอบเขตเพียงใดหากยังคงเน้นความโปร่งใส การพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันทั้งภายในและกับพันธมิตรทางธุรกิจ ก่อให้เกิดความยั่งยืนนำพาความสำเร็จมาสู่ทุกภาคส่วน
“สำหรับบางธุรกิจ ณ วันนี้เรายังไม่ได้มีความสนใจเราจึงเน้นเฉพาะสิ่งที่เราทำอยู่เป็นสำคัญ เน้นการปรับศักยภาพที่เราทำอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพ การประกอบธุรกิจการค้ามานั้นเรามีคู่ค้า ถ้าจะเน้นไดเรคเซลส์เสียเองก็เท่ากับว่าเราข้ามหัวคู่ค้าไปขายตรงสิ่งนี้เราไม่ทำ จุดยืนของเราในการทำงานคือค้าขายกับคู่ค้าของเรา
“ยังมีธุรกิจอีกหลายสาขาที่กลุ่มของเรายังไม่ได้ไปลงทุนเอง เรียกได้ว่าอีกเยอะเลยครับ (หัวเราะ) ทุกเช้าคุณพ่อจะให้โจทย์ตลอด บอกว่ารีบให้โจทย์เพื่อไปทำการบ้าน แต่ก็มีหลายภาคส่วนที่เคารพซึ่งกันและกัน ไม่ใช่ว่าเราจะขยายไปทุกๆ ด้านนะครับ แต่สิ่งหนึ่งที่คุณพ่อพูดอยู่เสมอคือการที่เราทำธุรกิจก็ต้องมองถึงโอกาสในความก้าวหน้า ถ้าบริษัทไม่เติบโตก้าวหน้าแล้วปลายปีจะหารายได้อย่างไรมาให้ตามขั้น ฉะนั้นจึงเป็นภาระของผมและผู้บริหารในการบริหารองค์กร
เขากล่าวว่าสิ่งที่ทำอยู่ทุกวันนี้เป็นความผสมผสานและเรียนรู้มาจากคุณพ่อคุณแม่ โดยวิธีการทำธุรกิจมุมมองวิสัยทัศน์จากคุณพ่อ ส่วนความละเอียดมาจากคุณแม่ที่มองถึงเรื่องจิตใจความรู้สึก ในการทำงาน
“ถึงเราจะเห็นไทยเบฟฯ เป็นองค์กรขนาดใหญ่แต่ในอีกมุมหนึ่งก็มีความเป็นกันเอง มีความคุ้นเคยเป็นพี่เป็นน้อง เป็นอาเป็นหลาน เป็นเพื่อนฝูง เราเป็นครอบครัวที่อยู่ด้วยกันและผูกพันกัน แน่นอนว่าก็ย่อมมีความคิดเห็นตรงกันบ้างต่างกันบ้าง แต่ความสุขในการทำงานของผมคือเห็นทีมงานที่ทำงานแล้วรู้สึกว่าเราเป็นทีมเดียวกัน และเราจะทำอะไรที่สำเร็จร่วมกัน ไม่ต้องมองสิ่งที่จะมาถึงแต่จากตรงนั้นนั่นคือความสำเร็จ
“เพราะนอกเหนือจากครอบครัวเราก็ยังมีครอบครัวใหญ่ๆ ที่ทำงานมาด้วยกันและเจอะเจอมาตั้งแต่เด็ก จำได้ว่าเมื่อตอนเด็กวิ่งเล่นรอบบ้านเตะฟุตบอลพอร้อนก็เข้ามาในห้องแอร์เห็นคุณพ่อนั่งประชุมอยู่ก็จะได้เจอะเจอคุณลุงคุณป้าคุณอาคุณน้าที่ทำงานกับคุณพ่อคุณแม่ ผมหยิบเก้าอี้มานั่งข้างๆ ฟังเขาคุยไปด้วย นั่นคือความเป็นครอบครัว จะให้แยกก็คงแยกไม่ออก หากถามว่าทำงานแล้วรู้สึกอย่างไรบอกได้เลยว่าท้าทายไม่ใช่ย่อย ทำงานกับคุณเจริญนี้ไม่สบายนะครับ! (หัวเราะ)”