BANGKOK’S AUTHENTIC CANTONESE RESTAURANT : MAN FU YUAN
THE EDITOR’S CHOICE
HiclassSociety.com : BANGKOK’S AUTHENTIC CANTONESE RESTAURANT 2015
ด้วยหน้าที่การงานที่ต้องพบปะกับผู้คนมากมาย ดิฉันมักโดนถามอยู่เรื่อยว่า บรรดามหาเศรษฐีและบุคคลชั้นนำทั้งหลาย นิยมไปกินอาหารตามร้านแบบไหน คนรวยๆ เขาคงกินกันแต่ของแต่ของดีๆใช่ไหม สงสัยว่าแต่ละร้านที่คนใหญ่คนโตหรือเจ้าสัวมหาเศรษฐีทั้งหลายโปรดปรานคงจะเป็นร้านหรูแพงลิบลิ่วจนคนทั่วไปทาบไม่ไหว ซึ่งคำตอบก็คือ ไม่จริงเสมอไปค่ะ ที่แน่ๆคือ ไม่ว่าจะคนใหญ่คนโต นักการเมือง มหาเศรษฐี หรือคนธรรมดาสามัญทั้งหลาย สิ่งที่คนเราทุกคนชอบเหมือนกันก็คือ อาหารอร่อย ทำมาจากวัตถุดิบชั้นเลิศ และปรุงโดยผู้มีฝีมือเยี่ยม แต่สิ่งที่อาจจะต้องการมากกว่าคนทั่วไปหน่อยก็คือ บรรยากาศที่ดี การบริการที่ดี และมีความเป็นส่วนตัวสูง เพราะถ้าเขามานัดคุยเรื่องสำคัญระดับประเทศ หริือคุยธุรกิจ ก็คงอยากให้เป็นส่วนตัวจริงๆ
และถ้าพูดถึงอาหารจีนกวางตุ้งในระดับที่อร่อยถูกปากเจ้าสัวหมื่นล้าน อย่างเครือไทยเบฟฯ จนถึงขนาดยกเมนูความอร่อยจากร้านต้นตำรับที่สิงคโปร์มาเปิดในเมืองไทย ชื่อของ “Man Fu Yuan” (หม่าน ฟู่ หยวน) ก็เป็นที่รู้กันในหมู่นักชิมดีว่า นอกจากรสชาติจะไม่เป็นสองรองใครแล้ว ราคาก็แข่งขันได้สบายๆ เพราะไม่ได้แพงกว่าร้านอาหารจีนดีๆทั่วไปในบ้านเราเลย ถึงคุณจะไม่ได้ยิ่งใหญ่ระดับนายกรัฐมนตรี เป็นนักการเมืองแถวหน้า หรือเป็นนักธุรกิจใหญ่ ก็สามารถพามิตรสหายและครอบครัว มาอร่อยกับเมนูเด็ดที่ Man Fu Yuan แห่งนี้ได้ และอาจโชคดีได้สบตากับเหล่าบุคคลสำคัญๆของเมืองไทย เสมือนได้เข้าไปร่วมเฟรมในหน้าข่าวสังคมเลยทีเดียว เพราะร้านนี้มีคนใหญ่คนโตแวะเวียนเข้ามาสังสรรค์กันไม่ขาดสาย
เมนูที่เราได้ลิ้มลองในวันนี้ แบ่งออกเป็น 4 ส่วนคือ เมนูติ่มซำเรียกน้ำย่อย ประกอบด้วย ฮะเก๋ากุ้ง กุยช่ายกุ้งและเห็ดหอม ข้าวเหนียวห่อไก่และเห็ดหอมทอด มะม่วงพันกุ้งกับซอสวาซาบิ เมนูซุป ซึ่งมีให้เลือกระหว่าง ซุปกระดูกอ่อนหูฉลามกับกระเพาะปลา กับ ซุปไก่ตังถั่งเฉ้ากับเนื้อไก่ ตามมาด้วยเมนูหลัก คือ เป็ดอบใบชา ปลาหิมะนึ่งกระเทียม หมี่อีฟูกุ้งแม่น้ำ ปิดท้ายด้วย เมนูของหวาน ก็คือขนมไหว้พระจันทร์รสต่างๆ และคัสตาร์ดลาวาเปานึ่ง กินคู่กับชาสูตรเฉพาะของร้านที่มีกลิ่นรสพิเศษไม่เหมือนใคร โดยก่อนที่จะเริ่มเสิร์ฟตามรายการในเมนู คุณแพทริค อึ้ง ที่ปรึกษาธุรกิจด้านอาหารและเครื่องดื่ม ห้องอาหาร หม่าน ฟู่ หยวน และ เชฟลีออง ซิง ก็ได้เสิร์ฟเมนูแรกเพื่อเปิดสัมผัสการรับรสด้วย แมงกะพรุนคลุกน้ำมันงาและหมูกรอบชิ้นจิ๋วที่กัดแล้วกรอบได้ใจ เคียงคู่มากับถั่วลิสงต้มพะโล้รสหวานๆเค็มๆ เคี้ยวเพลิน
ให้คะแนนร้านอาหาร
|
สูงสุด = 5 ดาว
|
หมายเหตุ
|
รสชาติ | วัตถุดิบชั้นเลิศ สด ปรุงอย่างพิถีิถัน | |
บรรยากาศ/สถานที่/การเดินทาง | ในร้านตกแต่งสวยงาม แต่การเดินทางค่อนข้างไกล จากย่านใจกลางเมือง ก่อนไปต้องศึกษาเส้นทางให้ดี บางช่วงอาจรถติด ในคลับมีที่จอดรถสะดวกสบาย และปลอดภัย | |
การบริการ | ดีเยี่ยม | |
ราคา-ความคุ้มค่า | คุณภาพสมราคา | |
ความประทับใจ | อาหารอร่อย บริการดีมาก บรรยากาศหรูหราสวยงาม แต่อบอุ่นเป็นกันเอง เหมาะแก่การแต่งกายลำลองค่อนข้างสุภาพ พาผู้ใหญ่หรือลูกค้ามาเลี้ยงรับรอง เพราะสถานที่มีความเป็นส่วนตัว เงียบสงบดี |
………………………………………………………………………………………………………
ความโดดเด่นอย่างหนึ่งของร้านนี้คือ เมนูชาที่เสิร์ฟคู่กับอาหาร ชาจีนหม่าน ฟู่ หยวน 5 องค์ประกอบ (Man Fu Yuan Special 5 Elements Blend) ผสมผสานชาจีน 5 ชนิดอย่าลงตัวโดยการเบลนด์ใบชาทั้ง 5 ชนิด จนได้น้ำชาจีนสีทองหอมกลิ่นดอกไม้อ่อนๆ เป็นรสชาติเฉพาะที่หม่าน ฟู่หยวนเท่านั้น ชาจีนหม่าน ฟู่ หยวน 5 องค์ประกอบจะแตกต่างจากชาจีนทั่วไปที่มักเสริฟ์แบบร้อน แต่ทางร้านเลือกที่จะเสริฟ์แบบเย็นเพื่อให้สอดคล้องกับความนิยมของผู้บริโภคชาวไทย ซึ่งแน่นอนว่าน้ำแข็งที่ใช้เป็นการนำน้ำชามาเป็นวัตถุดิบ ทั้งนี้เพื่อให้ความกลมกล่อมที่ดีของใบชาชั้นเยี่ยมยังอยู่ครบรส ถือว่าเป็นหนึ่งในความละเอียดถี่ถ้วนที่ขาดไม่ได้ สำหรับการบริการสำหรับบุคคลระดับมหาเศรษฐีจริงๆ และเมื่อผู้บริหารร้านเลือกที่จะนำรายละเอียดนี้มาเป็นส่วนหนึ่งของจุดขาย ก็ทำให้บุคคลทั่วไปที่มาลิ้มลอง ได้รับประสบการณ์ดุจเดียวกับเจ้าสัวหมื่นล้าน ซึ่งเป็นเหตุผลสำหรับความ ‘เหนือชั้น’ ที่แตกต่าง ของ Man Fu Yuan นอกเหนือจากรสชาติอาหาร
บนโต๊ะมีซอสสามประเภทวางไว้ให้ประจำที่แขกแต่ละคน ด้านซ้ายเป็น ซอสเอ็กซ์.โอ. เป็นซิกเนเจอร์ ซึ่งวิธีปรุงแบบพิเศษด้วยสูตรลับของทางร้าน ลองตักมาชิมเปล่าๆก็อร่อยดี ตรงกลางเป็นซีอิ๊ว และด้านขวาเป็นซอสสีแดงมีรสเปรี้ยว ชิมแล้วนึกถึง ค้อมเจือง หรือ ห่อยชิ้นเจือง ซึ่งทำจากมันเทศ ถั่วลิสงต้มจนสุกเปื่อยนำไปโม่จนละเอียด แล้วปรุงแต่งด้วยน้ำตาล น้ำส้ม เกลือ ต้มจนเดือดแล้วเคี่ยวต่อด้วยความร้อน ที่ร้านอาหารจีนกวางตุ้งในจังหวัดทางภาคใต้บ้านเรา นิยมใช้จิ้มติ่มซำหรือบ๊ะจ่าง
บรรดาซอสทั้งหลายที่เขาวางเตรียมไว้นั้น ก็เพื่อใช้จิ้มกับติ่มซำประเภทต่างๆ เช่น ฮะเก๋ากุ้ง กุยช่ายกุ้งและเห็ดหอม ข้าวเหนียวห่อไก่และเห็ดหอมทอด มะม่วงพันกุ้งกับซอสวาซาบิ แต่ด้วยความที่รสชาติของติ่มซำแต่ละอย่างนั้นอร่อยลงตัวมากอยู่แล้ว ก็เลยไม่ค่อยได้จิ้มซอสอะไร ฮะเก๋ากุ้งแป้งบางมีกุ้งกรุบกรอบเต็มปากเต็มคำ ส่วนมะม่วงพันกุ้งกับซอสวาซาบิเมื่อกัดแล้วกรอบอร่อยครบรสทั้งหวานเค็มและเปรี้ยวเบาๆของมะม่วงตัดเลี่ยนได้ดี โดยมีกุยช่ายรสเข้มข้นเป็นไคลแม็กซ์ของจานติ่มซำ ก่อนจะลดระดับลงมาปิดท้ายกับรสนุ่มนวลของข้าวเหนียวห่อไก่และเห็ดหอมทอด
เสร็จจากติ่มซำก็มาเลือกว่า จะกินซุปตังถั่งเฉ้าซึ่งมีคุณสมบัติเป็นยาบำรุงกำลังชั้นยอดราคาแพงสุดๆ หรือจะเติมคอลลาเจนกระชากวัยด้วย ซุปกระดูกอ่อนหูฉลามกับกระเพาะปลา เมนูขึ้นชื่ออีกหนึ่งรายการ ที่มีกรรมวิธีในการปรุงด้วยการเคี่ยวกระดูกอ่อนหูฉลาม 6-8 ชั่วโมง เพื่อให้ไขกระดูกซึ่งอุดมด้วยคอลลาเจนละลายออกมาในซุป แต่งรสซุปด้วยหอยเชลล์แห้ง เก๋ากี้ ดิฉันเลือกซุปหูฉลามกระเพาะปลา และคิดว่าเลือกไม่ผิด เพราะรสชาติครีมข้นนุ่มลิ้น ช่วยล้างปากจากติ่มซำที่ถึงรสถึงชาติ เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่เมนคอร์สได้ดี โดยกระเพาะปลาที่ใช้ทำซุปเป็นกระเพาะปลาสด แต่ต้มนานจึงไม่มีกลิ่นคาวหลงเหลือเลย ได้ยินว่าเป็นเมนูบำรุงสุขภาพที่ขึ้นชื่อและถูกอกถูกใจของคนใหญ่คนโตหลายคนทีเดียว
เมื่ออิ่มอร่อยกับซุปแล้วก็มาถึงเมนคอร์ส ทุกจานที่เสิร์ฟล้วนเป็นเมนูที่โด่งดังของร้านทั้งสิ้น ใช้วัตถุดิบคุณภาพเดียวกับร้านต้นตำรับที่สิงคโปร์ อิมพอร์ตมาถึงกรุงเทพฯ คุณไม่ต้องบินไกลไปถึงสิงคโปร์ “เป็ดอบใบชา” ที่มีขั้นตอนการทำพิถีพิถันด้วยการตุ๋นเป็ดกับใบชาและเครื่องเทศนานกว่าสามชั่วโมง ทำให้แห้งสนิทแล้วจึงนำไปอบ จึงได้เป็ดที่หอมกลิ่นใบชาหนังกรอบเนื้อเป็ดนุ่ม
ดิฉันชิมแล้วชอบกลิ่นหอมที่ซับซ้อนของใบชา เนื้อเป็ดที่นุ่ม และชอบรสชาติน้ำซอสที่ไม่หวานเกินไป ไม่เหมือนกับเป็ดย่างหรือเป็ดอบรมควันทั่วๆไปที่มักทำออกรสหวาน ข้อดีของการทำรสไม่หวานจัดคือทำให้คีบกินได้เรื่อยๆ โดยไม่ต้องกินกับข้าว ไขมันบางๆที่แทรกระหว่างผิวและเนื้อเป็ดนั้นทำให้เคี้ยวแล้วได้รสชาติ และผิวสัมผัสที่น่าลิ้มลองอย่างยิ่ง โดยเป็ดอบใบชาที่เป็นเมนคอร์สนี้เขาเสิร์ฟมาเป็นจานกลางเหมือนเวลาไปกินโต๊ะจีนทั่วไป เพราะมันเยอะ กินคนเดียวคงไม่หมด
ส่วนเมนคอร์สอีกเมนุหนึ่งที่เสิร์ฟแยกของใครของมัน ก็คือปลาหิมะนึ่งกระเทียม ความสดของปลาและความสุกของการปรุงที่กำลังดีทำให้เนื้อปลานุ่ม หวาน ราดซอสรสเค็มปนหวานอ่อนๆ กินกับคะน้าอ่อนๆหวานกรอบ
ขณะที่กินปลาหิมะก็ต้องระวังไม่ให้อิ่มจนเกินไป เพราะยังมีไฮไลท์จานเด็ด เป็นหมี่อีฟูกับกุ้งแม่น้ำ เส้นหมี่นั้นคุณแพทริคต้องอิมพอร์ตเข้ามา เพราะบอกว่าหาที่ไหนดีเท่ากับต้นตำรับไม่ได้จริงๆ ส่วนกุ้งแม่น้ำนั้น ของไทยเราดีที่สุดไม่เป็นสองรองใคร จานนี้ตอนยกมาหอมฉุย ได้กลิ่นแล้วน้ำลายสอกันทีเดียว และเมื่อชิมก็ไม่ผิดหวัง แม้จะเป็นวัตถุดิบนำเข้า และต้นทุนกุ้งแม่น้ำก็คงไม่น้อย แต่ราคาขายกลับไม่แพงอย่างที่คิด จานนึงไม่ถึงสี่ร้อย ถ้าอยากชิมหลายอย่าง กลัวจะอิ่มเกินไป สั่งมาจานเดียวแบ่งกันชิมสองคนก็ยังได้
สิ่งที่คู่กับอาหารจีนได้อย่างลงตัวก็คือชา ที่ Man Fu Yaun นั้นเก๋ไก๋ตรงที่เขามีคอลเลคชั่นของใบชามากมายหลายสูตร และมีผู้เชี่ยวชาญมาทำ Tea Pairing คือจัดชุดน้ำชาเสิร์ฟคู่กับอาหารได้ ทำนองเดียวกับการทำ Wine Pairing ของชาวตะวันตกนั่นเอง
ซึ่งนอกจากจะมีชาสารพัดให้เลือกแล้ว ยังมีไวน์หลากชนิดจากทั่วทุกมุมโลก เพื่อบริการแก่ลูกค้า โดยทางร้านได้นำเข้าไวน์ Yuan Jiang ซึ่งเป็นไวน์ชั้นดีจากประเทศจีน รวมถึงไวน์ประเภทต่างๆ อีกมากมาย อาทิ Mautai และ Nu-Er-Hong ซึ่งจะทำให้อาหารมื้อพิเศษของคุณได้อรรถรสมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอาหารประเภทเนื้อหรือซีฟู้ดส์ ซึ่งทางร้านได้จัดโปรโมชั่นพิเศษจำหน่ายไวน์ต่างประเทศในราคาเพียงขวดละ 999 บาทเท่านั้น ตั้งแต่วันนี้ – 31 ตุลาคม 2558
อีกหนึ่งไฮท์ไลท์สำคัญของมื้อเด็ดที่ Man Fu Yuan คือเมนูของหวาน ที่มีพระเอกคือ คัสตาร์ดลาวาเปานึ่ง หรือที่เรียกกันเล่นๆว่า ซาลาเปาไส้ลาวา กัดแล้วเจอไส้ครีมหวานมันอร่อยเต็มอิ่ม จิบชาร้อนๆคู่กันเพลินอย่าบอกใคร อีกทั้งยังเป็นเจ้าตำรับขนมไหว้พระจันทร์รสเลิศ ทั้ง ขนมไหว้พระจันทร์ไส้เม็ดบัวกับไข่แดง ขนมไหว้พระจันทร์ไส้ถั่วรวมและแฮม ขนมไหว้พระจันทร์ไส้ชาเขียวญี่ปุ่นกลิ่นมะลิ
โดยส่วนตัวแล้ว ดิฉันเคยเกลียดขนมไหว้พระจันทร์ไส้โหงวยิ้งหรือไส้ถั่วรวมกับแฮมมากๆ แต่พอได้ชิมของ Man Fu Yuan ถึงกับต้องเปลี่ยนใจ กลายมาเป็นรสโปรด นอกเหนือจากไส้ชาเขียวที่หอมชาเขียวเจือกลิ่นมะลิอ่อนๆ และไส้เม็ดบัว ซึี่งที่นี่เขาใช้เม็ดบัวเต็มๆ ไม่ได้ปนอย่างอื่นเพื่อลดต้นทุนตามที่ขายกันทั่วไป เพราะคงคอนเซ็ปต์ว่าที่นี่เป็นอาหารตำรับเจ้าสัว จึงต้องใช้ของดี ถึงทุนจะสูง ก็ยังต้องเลือกของดี เมนูเศรษฐีจึงเน้นที่การใส่ของดีๆลงไปเต็มที่ เรื่องความอร่อยจึงไม่ต้องห่วงเลย จะพาคนสำคัญมาเลี้ยงฉลอง รับรองลูกค้ารายใหญ่ หรือสั่งซื้อไปเลี้ยงใครก็ไม่ต้องกลัวเสียชื่อ เพราะเขาเน้นรักษาคุณภาพและชื่อเสียงเป็นที่สุด
หนึ่งในเมนูพิเศษที่ไม่มีในรายการคือ ขนมหวานที่ทำจากทุเรียนสายพันธุ์อินโดนีเซีย ซึ่งต่างจากของไทยตรงที่เขาใช้ทุเรียนสุกคาต้น ไม่มีการใช้สารกันบูด หรือสารบ่มให้สุกเหมือนทุเรียนส่งออกบ้านเรา กลิ่นรสจึงยังคงความหอมหวานเต็มที่ แต่จะเก็บไม่ได้นาน ต้องเข้าตู้เย็นเท่านั้น
บุคคลสำคัญผู้เป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ Man Fu Yuan เป็นร้านอันดับหนึ่งของสิงคโปร์ และเป็นหนึ่งในใจผู้หลักผู้ใหญ่ บรรดาเจ้าสัวเมืองไทย นอกจากจะเป็น เชฟชื่อดังจากฮ่องกง ลีออง ซิง และเชฟ ฉง สวน เทง จากหม่าน ฟู่ หยวน ประเทศสิงคโปร์ แล้วก็คือ คุณแพทริค อึ้ง ที่ปรึกษาธุรกิจด้านอาหารและเครื่องดื่ม ห้องอาหาร Man Fu Yuan นี่เอง
คุณแพทริค อึ้ง เป็นผู้ที่มีประสบการณ์ด้านธุรกิจร้านอาหารมาชั่วชีวิต อีกทั้งยังเป็นผู้ที่มีทักษะของนักบริหารธุรกิจบริการขั้นสูง ที่ไม่เพียงแต่สามารถถ่ายทอดสิ่งดีๆให้ทีมงานทุกสร้างนำมาสร้างสรรค์เป็นความสำเร็จได้ดังใจ แต่ยังเป็นผู้มีรสนิยมเป็นเลิศ และมีหัวใจบริการ ทุ่มเทให้กับการสร้างความสำเร็จกับ Man Fu Yuan อย่างไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก โดยเดินทางไปกลับระหว่างบ้านกับที่ทำงาน คือ กรุงเทพฯ กับสิงคโปร์ ทุกสัปดาห์ เหมือนคนนั่งรถจากพัทยามาทำงานที่กรุงเทพฯแล้วกลับบ้านเสาร์อาทิตย์
และด้วยการต้อนรับอย่างอบอุ่น บวกกับการบริการแสนประทับใจ ก็ทำให้ Man Fu Yuan เป็นหนึ่งร้านอาหารจีนกวางตุ้งในดวงใจ ที่ดิฉันสัญญากับตัวเองว่า จะต้องบอกต่อกับคนรอบข้าง และกลับมาเยี่ยมเยือนอีกในไม่ช้า
Man Fu Yuan @ Rajpruek Club
Concept: Authentic Cantonese Cuisine
Location: 1st Floor, Rajpruek Club in North Park
100 Moo 3, Vibhavadee-Rangsit Road, Thung Song Hong, Lak si Bangkok 10210
Capacity: 150 pax, 6 Private rooms
Operating Hours: 7 days per week
Lunch 11:30 a.m.- 3:00 p.m.
Dinner 5:30 p.m.- 10:00 p.m.
Tel: 02-955-0403
Email: mfybkk@gmail.com
EDITOR’S REVIEW by : Wannasiri Srivarathanabul
Editor@HiclassSociety.com