ดร. จินตนันท์ ชญาต์ร ศุภมิตร สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ

ดร. จินตนันท์ ชญาต์ร ศุภมิตร สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ผู้เสนอร่างกฎหมาย สื่อลามกเด็ก

คงไม่ต้องแนะนำตัวกันมาก สำหรับชื่อเสียงเรียงนามของผู้หญิงเก่งอย่าง ดร. จินตนันท์ ชญาต์ร  ศุภมิตร ดาวสังคมที่เจิดจรัสค้างฟ้า ด้วยความเพียบพร้อมทั้งความสามารถและชาติตระกูลอันทรงเกียรติ ดร. จินตนันท์ หรือที่แวดวงสังคมเรียกขานอย่างคุ้นเคยว่า ดร.ฝัน เป็นทายาทสุดที่รักของท่านผู้หญิงพึงจิตต์ ศุภมิตร คุณข้าหลวงผู้ใหญ่ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ชีวิตวัยเยาว์ของเธอ เติบโตมาในรั้วในวัง กับครอบครัวที่ได้สนองงานใต้เบื้องพระยุคลบาท จึงมีเรื่องราวน่าประทับใจมากมายจากสังคมชั้นสูงแท้ๆ ได้มีโอกาสชื่นชมพระจริยาวัตรอันงดงามของเหล่าเจ้านายผู้ทรงงานหนักเพื่อพสกนิกรอย่างใกล้ชิด อันเป็นวิถีชีวิตที่มีนิยามและรายละเอียดแตกต่างกันอย่างสุดขั้ว กับภาพสังคมไฮโซ ที่ดูหรูหรา ฉาบฉวย ตามหน้าสื่อทั่วไป ซึ่งไม่เพียงหล่อหลอมให้เธอมีความรักใคร่เทิดทูนในสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่ยังมีจิตสำนึกที่มุ่งมั่นในการอุทิศตนเพื่อประโยชน์ของส่วนรวมและประเทศชาติมาโดยตลอด

หลายคนอาจคุ้นหน้าคุ้นตา ดร. จินตนันท์ ชญาต์ร  ศุภมิตร  ตามหน้าข่าวสังคม  บ้างก็อาจเคยได้ชื่นชมลีลาความสามารถทั้งการแสดงบนเวที การร้องเพลง หรืองานพิธีกร  รวมถึงบทบาทนักวิชาการ เป็นอาจารย์ที่เคารพรักของลูกศิษย์ลูกหาในมหาวิทยาลัย  ด้วยบุคลิกภาพที่ร่าเริง มีความเป็นกันเองกับผู้คนรอบข้าง จนกระทั่งเมื่อเธอได้รับการแต่งตั้งเป็น สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ก็ยิ่งทำให้ใครๆพากันทึ่ง ในความสามารถ เพราะเธอเป็นคนที่ไม่วางฟอร์ม ทำตัวสบายๆ  จึงดูสดใสอ่อนกว่าวัย จนบางคนสงสัยว่าเธอจะทำงานได้จริงหรือ  แต่หากได้ทราบประวัติการทำงานและประสบการณ์ที่ผ่านมาของเธอคนนี้ ก็จะไม่แปลกใจเลยที่เธอได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งสำคัญระดับประเทศ และล่าสุด  ดร. จินตนันท์ ชญาต์ร  ศุภมิตร   ก็กำลังสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในฐานะผู้เสนอร่าง กฎหมายสื่อลามกเด็กที่จะช่วยปกป้องเยาวชนจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศ และกำจัดหนึ่งในสาเหตุที่เป็นต้นตอของการค้ามนุษย์ทั้งในระดับประเทศ ไปจนถึงระดับภูมิภาคเอเชีย และระดับโลก

 

“ดิฉันเคยทำงานบริษัทโฆษณามาก่อน เรียนเมืองนอกกลับมาก็มาทำงานด้านประชาสัมพันธ์ เป็นพีอาร์เอเจนซี่ของสปาฯ ดูแลโปรดักส์ต่างๆ เช่น โซนี่ , 30 ปีโตโยต้า, ลิโพ ฯลฯ จากนั้นก็มาเป็นผู้จัดการฝ่ายโฆษณาและส่งเสริมการขายของวอลโว่ สวีเดนมอเตอร์ ทั้งแข่งรถ เปิดตัวรถ ทำแคมเปญต่างๆ ถัดมาก็มาทำบริษัทมัลติเนชั่นแนล ชื่อบริษัทเต็ดตรา แพ็ค เป็นเจ้าของแพ็คเกจจิ้งนมยูเอชทีทั่วโลก ทำเรื่องมาร์เก็ตติ้งเซอร์วิส ก่อนที่จะไปร่วมงานกับบริษัทลินตัส ซึ่งเป็นบริษัทเอเจนซี่โฆษณา ที่ประเทศจีน ดูแลโปรดักส์จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ตอนนั้นอยู่เซี่ยงไฮ้สามปี ย้ายมาสิงค์โปร์ปีครึ่ง แล้วก็กลับไทยมาทำสำนักพระราชวัง ทำนิตยสารวิมานเมฆอยู่พักนึง แล้วก็ไปเป็นที่ปรึกษาให้ซีพีออลล์ของเซเว่น ปัจจุบันมาทำงานเป็นอาจารย์ ประจำภาควิชาจิตรกรรมและศิลปกรรม วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล เนื่องจากมีประสบการณ์ในการทำบริษัททีวีโปรดักส์ชั่นเป็นของตัวเอง เคยเป็นเจ้าของสถานีทีวีดาวเทียม เคยดูแลเป็นผู้บริหารช่องทีวีดาวเทียมของทหารอากาศ”

 

นอกเหนือจากความสามารถในด้านธุรกิจ การตลาด การโฆษณาประชาสัมพันธ์แล้ว ดร.จินตนันท์ ยังเป็นคนที่มีพรสวรรค์ทางศิลปะอย่างหาตัวจับยาก ไม่เพียงการร้อง เต้น เล่นละคร เธอยังมีพรสวรรค์ทางด้านการเขียน โดยเป็นคอลัมนิสต์ให้กับนิตยสารชั้นนำต่างๆและมีผลงานพ้อคเก็ตบุ๊คของตัวเอง ‘เรื่องผีที่แม่เล่า’ ในนามปากกา ‘จินต์ชญา’ ซึ่งดูเหมือนว่า เรี่ยวแรงของเธอจะยังเหลือเฟือ เมื่อได้รับการทาบทามและเสนอชื่อเป็น สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เธอจึงยินดีรับอย่างเต็มใจ

ดร. จินตนันท์ ชญาต์ร ศุภมิตร สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ผู้เสนอร่างกฎหมาย สื่อลามกเด็ก

“ดิฉันไม่ได้อยากไปยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งกับรัฐประหาร แต่การที่ คสช. มาบริหารประเทศ เป็นโอกาสที่สามารถออกกฎหมายใหม่ๆได้ จึงตัดสินใจยื่นจดหมายถึงประธาน คสช. ขอให้แก้กฎหมายสื่อลามกเด็ก เพราะกฎหมายนี้เกือบทุกประเทศทั่วโลกเขามีกันหมดแล้วทั้งยุโรปทั้งอเมริกา การมีสื่อลามกเด็กมันผิดกฎหมาย แต่ทางกลุ่มประเทศอาเซียนเรายังไม่มีมันเป็นเรื่องซีเรียส

ปกติดิฉันก็ไม่ได้ถึงกับเป็นนางงามรักเด็กมาก แต่เห็นว่าการที่เอารูปเด็กมาลงแล้วละเมิดเด็กนั้นไม่แฟร์ เด็กควรจะได้รับการปกป้องคุ้มครอง ไม่ว่าเด็กอยากจะโชว์เองหรือว่าวุฒิภาวะไม่มีก็ควรจะได้รับการคุ้มครอง พอยื่นจดหมายไปก็เลยมีโอกาสได้มาทำตรงนี้ เริ่มงานวันแรก 2 ตุลา เข้ามาล็อตหลัง 28 คนหลัง

มีความตั้งใจอยากจะทำเรื่องนี้มานานแล้วตั้งแต่ต้นค่ะ ได้ดำเนินการติดต่อวิ่งเต้นมาแล้ว คุยกับทุกคน แต่ด้วยปัจจัยอะไรหลายๆอย่าง 8 ปี 4 รัฐบาลมันไม่เกิด เข้ามาเราไม่รู้จักใครเลย เข้ามาวันแรกก็กินข้าวคนเดียว รู้จักเป็นบางคนเพื่อนแม่ (ยิ้ม) แต่ก็ไม่ได้สนิทไม่ได้ไปยุ่งกับเขา ดิฉันเป็นคนไม่มีแบ็คกราวน์ทางการเมือง พอเข้ามาเราต้องทำความรู้จักคนนั้นคนนี้แล้วคนก็ยังไม่รู้จักเรา

ก็คิดว่าในการทำงานอะไรก็ตามเราจะต้องทำความรู้จักกับคน เราทำคนเดียวไม่ได้หรอกต้องขอความสนับสนุนจากคนส่วนใหญ่ ก็อยู่ไปเรื่อยๆจนเดือนมกรา ก็ได้มีการเรียนรู้เรื่องอะไรต่างๆ ได้ทราบว่า สนช.สามารถร่างกฎหมายได้ ถ้าได้ลายเซ็นต์ 25 ชื่อ 25 คน ก็คิดว่าเราคงต้องเริ่มเอง ก็เลยไปปรึกษาท่านประธานสภาฯ ศาสตราจารย์พรเพชร วิชิตชลชัย เริ่มต้นด้วยการเสนอร่างไปเลยว่า ต้องการแก้กฎหมายอาญา ซึ่งแก้ยาก ต้องการแก้ 2-3 มาตรา  ก็เข้าไปขอคำแนะนำหลังจากนั้นก็เริ่มปรึกษาคนนั้นคนนี้ ก็ได้รับการสนับสนุนดีมาก ทุกคนเห็นด้วยหมด ไม่มีปัญหาอะไร ดิฉันเข้าไปมีคนร่วมเซนต์ชื่อถึง 50 คน มากกว่าที่กำหนดเท่านึง

จากนั้นก็ได้มีโอกาสยื่นต่อสภาครั้งแรก 19 กุมภา ในประวัติศาสตร์ สนช. ไม่เคยมีสนช.เสนอกฎหมายมาก่อน ส่วนใหญ่กฎหมายจะมาจากรัฐบาล ดิฉันก็ไปยืนแถลง เสร็จสนช.ก็ยังรับเรื่องไว้ไม่ได้ ท่านรองนายกฯ วิษณุ รับเรื่องไว้ก่อนแล้วเอาไปส่งให้ ครม.แล้วจะต้องกลับมาภายใน 20 วัน กระทั่งโหวตวาระ 1 วันที่ 19 มีนาคม สนช. โหวตรับร่างในที่ประชุมสภา

ความที่มันเป็นครั้งแรก ดิฉันก็ไม่รู้ว่ามันต้องมีทีม นึกว่ายังแถลงที่เดิม ปรากฎว่าพอถึงเวลาประธานท่านให้แถลงข้างบนบัลลังก์ ดิฉันไม่ใช่ทั้งนักกฎหมายและไม่มีประสบการณ์มาก่อน รู้ว่ามันเป็นประวัติศาสตร์แล้ว ก็แถลงไปขอให้ทุกคนสนับสนุน ใช้ความจริงใจและแถลงถึงปัญหาทำให้ ทุกคนให้การสนับสนุนดี โหวตรับวาระ 1 ก็ตั้งกรรมมาธิการพิจารณา ท่านประธานสภาก็ส่งกรรมาธิการแต่ละท่านมาให้ มีคนเก่งๆทั้งนั้น เพราะมันเป็นกฎหมายอาญาผลกระทบมันเยอะ ทุกคนในประเทศต้องอยู่ภายใต้กฎหมายนี้ ก็ได้ท่านปลัดกระทรวงยุติธรรม พล ต.อ. ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ สุขสมจิตร์ เป็นประธาน แล้วก็มีอาจารย์จรัญ ภักดีธนากุล, พล.ต.อ. เอก อังสนานนท์, พล.ต.ท.วิบูลย์ บางท่าไม้, คุณสุธรรม พันธุ์ศักดิ์, คุณมนตรี ศรีเอี่ยมสะอาด ฯลฯ มีทั้งอัยการ, ศาล, กระทรวงต่างๆ ฯลฯ

ในที่สุดก็โหวตรับร่างวาระ 2-3 ผ่าน โดยที่สาระสำคัญของกฎหมายนี้มี 3 อย่าง คือการแยกสื่อลามกเด็กออกจากสื่อลามกผู้ใหญ่ เพราะสื่อลามกผู้ใหญ่มีอยู่บ้านมันไม่ได้มีกฎหมายบอกว่าเป็นความผิดอะไรจะผิดก็ต่อเมื่อขาย แต่สื่อลามกเด็กมีอยู่ไม่ได้เพราะมันละเมิดเด็ก เราควรต้องปฎิบัติตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กของสหประชาชาติที่ได้กำหนดไว้ เพราะฉะนั้นเด็กต่ำกว่า 18 ปีทางสหประชาชาติถือว่าเด็ก ในกฎหมายนี้ได้กำหนดคำนิยามแยกสื่อลามกจากเด็กกับผู้ใหญ่ค่ะ สื่อลามกหรืออนาจารเด็กหมายถึงวัตถุหรือสิ่งที่ทำให้รู้หรือเห็นถึงการกระทำทางเพศของเด็กหรือต่อเด็ก รูปเรื่องหรือสื่อไปทางลามกอนาจาร แล้วถ้าเด็กอยากโชว์เองล่ะ คือถ้าเด็กอายุ 15 อยากโชว์นมแลกไลค์เนี่ย มันควรจะได้รับการปกป้อง เพราะว่าถ้าเขาอายุ 25 เขาอาจจะเสียใจก็ได้ ว่าเขาไม่น่าทำ โตขึ้นมีงานทำ มีสามี มีลูก แต่รูปในเน็ตมันยังอยู่ตลอดไป อย่างรูปเก่าสุดคือรูปจากปี ค.ศ. 1950 คือเด็กคนนั้น 70-80 แล้ว รูปก็ยังอยู่ก็วนเวียนอยู่อย่างนี้ในเน็ต แน่ใจเหรอว่าตัวเองทำแบบนี้แล้ว 35 อยากให้มีอยู่ในนั้น เด็กพวกนี้เขาไม่มีวุฒิภาวะอยู่แล้ว

อย่างที่สองเรากำหนดว่าการมีสื่อลามกเด็กเป็นความผิด อย่างที่สามคือสื่อลามกเด็ก มีโทษสูงสุด

  • ผู้ครอบครอง จำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ก็คงไม่ได้รับโทษเท่ากันหมด อยู่ที่ศาลท่านจะลงเท่าไหร่
  • ผู้กระทำผิด ส่งต่อ ส่งต่อถือว่าเจตนา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับ 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  • ทำการค้า ต้องระวางโทษจำคุก 3-10 ปี ปรับตั้งแต่ 60,000 -200,000 บาท อันนี้มีกำหนดโทษขั้นต่ำด้วยอัตราสูงสุดด้วย

 

สิ่งที่เกิดขึ้นคือพวกผู้ใหญ่จะเอาเปรียบเด็ก แล้วสื่อลามกอนาจารเด็กส่วนใหญ่ที่น่าตกใจคือเด็ก 2-10 ขวบ ซึ่งคนสมัยนี้มันโรคจิต สามารถทำกับเด็กเล็กๆได้ อันนี้น่ากลัวมาก แล้วคนที่มีจิตใจวิปริตพวกนี้ดูไม่ออก ส่วนมากเป็นคนที่มีความรู้ มีสตางค์ มีคอม อยู่ในดาร์กเน็ต คือชมรมผู้ที่ชอบมีเพศสัมพันธ์กับเด็ก เขาจะจ่ายสตางค์เข้าไป แล้วพอมีอะไรกับเด็กก็ชอบถ่ายรูปเก็บไว้ อันนี้เราสามารถเอาหลักฐานไปจับได้

มีคำถามว่าถ้าคนส่งไลน์มาแล้วฉันจะติดคุกไหม มันอยู่ที่เจตนาความผิดทางกฎหมายอาญา มันจะมีฐานความผิดคือเจตนา สมมติว่าใครส่งรูปมาเราไม่ได้เซฟ เราลบทิ้งเราไม่ผิด แต่ถ้าดูเสร็จแล้วเซฟ ก็คิดได้ว่าอาจเก็บไว้เพื่อส่งต่อ โทษนี้จะร้ายแรงเพราะถือว่าเจตนาไงคะ เพราะฉะนั้นบางทีใครส่งต่อเยอะๆต้องระวัง เรื่องแชร์มันอันตรายนะ ทุกคนต้องมีวิจารณญาณในการดู เพราะสื่อตอนนี้มันเยอะ เวลาแชร์อะไรต้องมีวิจารณญาณในการแชร์ แชร์เรื่องอื่นก็มีโทษเหมือนกัน เช่น เรื่องหมิ่นสถาบัน เรื่องหมิ่นประมาทบุคคล ไม่ได้แปลกกว่าเรื่องอื่นๆ

กฎหมายแบบนี้ยากมากที่จะผ่าน ถ้าในวาระปกติ เพราะเด็กโหวตเองไม่ได้ มีคนมาถามว่ามีกฎหมายนี้ออกมาจะทำให้อาชญากรรมทางเพศลดลงไหม ก็ไม่แน่นะคะ แต่อย่างน้อยไม่มีดูก็ไม่เกิดอารมณ์กับเด็ก แล้วก็ไม่ได้ไปโชว์ให้เด็กดูว่าใครๆก็ทำกัน ก็อาจป้องกันได้ระดับหนึ่ง แล้วรูปเด็กที่มันโชว์ในเน็ตก็น่าจะลดลงอย่างน้อยครึ่งนึงก็ยังดี เอามาโชว์ก็เหมือนโดนข่มขืนซ้ำก็ไม่แฟร์”

ดร. จินตนันท์ ชญาต์ร ศุภมิตร สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ผู้เสนอร่างกฎหมาย สื่อลามกเด็ก

แม้จะมีภารกิจที่มากมายที่ต้องต่อสู้ ทั้งงานที่ทำในหน้าที่เดิม งานสอน งานวิจัย งานที่ปรึกษา นักเขียนคอลัมน์ และงานในบทบาท สนช. ที่เพิ่มเข้ามาจนหาเวลาว่างให้ตัวเองได้น้อยเต็มที อีกทั้งยังต้องผลักดันกฎหมายให้เป็นผลสำเร็จ แต่ดร. จินตนันท์ ชญาต์ร  ศุภมิตร ก็เห็นว่าเป็นความยากลำบากที่คุ้มค่า ภายใต้หัวโขนของตำแหน่งทางการเมืองที่ได้รับ นี่คือโอกาสที่จะได้เปลี่ยนแปลงโลกและเปลี่ยนแปลงสังคมไปสู่สิ่งที่ดีขึ้นตามความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างแรงกล้าของเธอ

 

“มาทำตรงนี้ก็ไม่ได้อะไร ทุกคนทำเพื่อส่วนรวม แต่ทุกคนให้ความร่วมมือดีมาก ทั้งๆที่ก่อนมาเป็น สนช.ก็ไม่รู้จักใคร ทุกคนก็ยินดีช่วย เป็นสภาที่น่ารักมาก โหวตคะแนนท่วมท้น ตอนนี้ผ่านแล้ว อยู่ในระหว่างทูลเกล้าฯลงพระปรมาภิไธย ประกาศในราชกิจจานุเบกษา 90 วัน ก็จะประกาศใช้เป็นกฎหมาย มีผลบังคับ คาดว่าตุลาได้ใช้แล้ว คาดว่าน่าจะดีขึ้น

อย่างน้อยเรามีโอกาสได้เข้ามา เราสามารถเปลี่ยนแปลงสังคมได้ มันไม่ได้ใหญ่อะไร ตำแหน่งมันเป็นหัวโขน แต่อย่างน้อย เราก็มีโอกาสทำเพื่อสังคมได้บ้าง ตอนเราเป็นคนนอกเราก็เอาแต่ด่าแต่ทำอะไรไม่ได้ แต่พอมาอยู่ตรงนี้เราก็ช่วยสังคมได้ อะไรไม่ดีเราไม่เห็นด้วยก็มีสิทธิจะวอยซ์ ชนะไม่ชนะอีกเรื่อง  มันไม่มีอะไรจะเสีย แต่ดิฉันจะไม่ยุ่งการเมืองเลยนะ เราจะยุ่งกับเรื่องเด็ก เรื่องสังคม เรื่องศิลปวัฒนธรรม เรื่องที่เราสนใจเท่านั้น ณ วันนี้ก็พอใจในผลงานตัวเอง ตอนนี้งานเยอะมาก ประชุมทุกวันเช้าเย็น แต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวพ้นตำแหน่งก็ได้พัก

แล้วก็จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจว่า ตอนที่มีโอกาสทำไมไม่ทำ ตอนที่มีตำแหน่งทำไมไม่ทำ จะได้ไม่มานั่งพูดว่า…รู้อย่างนี้ทำไมไม่ทำ”

ขอขอบคุณรูปภาพจากนิตยสารอุ๊ปส์

ขอขอบคุณรูปภาพจากนิตยสารอุ๊ปส์

บทบาทและตัวตนของ ดร. จินตนันท์ ชญาต์ร  ศุภมิตร สมาชิก สนช. ผู้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับสภานิติบัญญัติของไทยคนนี้ น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีและแรงบันดาลใจให้กับใครอีกหลายคน ที่ปรารถนาจะเป็นคนเพื่อสังคมตัวจริง ด้วยการหันมาสร้างชื่อเสียงจากการทำสิ่งที่มีประโยชน์ต่อส่วนรวมอย่างจริงจัง แทนการกรีดกรายแต่งตัวออกจากบ้านไปยืนถือแก้วถ่ายรูปตามงาน ให้เวลาในชีวิตหมดไปวันๆอย่างไร้ค่า โดยเฉพาะเหล่าคนในแวดวงสังคมชั้นสูง ที่มีศักยภาพและมีโอกาสมากมายในการทำสิ่งดีๆเพื่อประเทศชาติ จะได้หันมาแบ่งปันเวลา กำลังกาย กำลังใจ และกำลังสติปัญญา เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศของเราไปสู่สิ่งที่ดีขึ้นร่วมกัน


Text by  : Wannasiri Srivarathanabul
                    Porntip Thongkwanjai

Editor@HiclassSociety.com

 

ดร. จินตนันท์ ชญาต์ร ศุภมิตร (อาจารย์ประจำภาควิชาจิตรกรรมและศิลปกรรม วิทยาลัยนานาชาติ ม.มหิดล)

วัน เดือน ปีเกิด :: 21 ธันวาคม 2508

คุณวุฒิ :: ศิลปศาสตรบัณฑิต (ภาษาอังกฤษ) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

Master of Arts University of Leicester , สหราชอาณาจักร

ดุษฎีบัณฑิต (หลักสูตรนานาชาติ) (การจัดการมรดกทางสถาปัตยกรรมและการท่องเที่ยว) มหาวิทยาลัยศิลปากร

การอบรมและสัมมนา :: หลักสูตร การบริหารเศรษฐกิจสาธารณะสำหรับนักบริหารระดับสูง รุ่นที่ 1 จาก สถาบันพระปกเกล้า

หลักสูตร Executive MBA รุ่นที่ 2537 จาก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

หลักสูตร Super Brand Manager รุ่นที่ 10 จาก สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย

สถานที่ติดต่อ :: 82 ซอย69 ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบางพลัด เขตบางพลัด จังหวัด กรุงเทพมหานคร รหัสไปรษณีย์ 10700

อาชีพก่อนได้รับการเลือกตั้ง/สรรหา/แต่งตั้ง :: นักวิชาการและนักเขียนอิสระ

ตำแหน่ง :: อาจารย์มหาวิทยาลัย

ประสบการณ์ :: ที่ปรึกษาบริษัทซีพีออล์ จำกัด (มหาชน)

อนุกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ มูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม

กรรมการบริหารบริษัท ทีวีอาลาคาร์ต จำกัด

ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและการขาย นิตยสารวิมานเมฆ สำนักพระราชวัง

Group Account Director บริษัท Amirati Puris Lintas เมืองเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน

ที่ปรึกษาแผนกพัฒนาอย่างยั่งยืนและแผนกอนุรักษ์ ของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์

บรรณาธิการหนังสือ

กรรมการมูลนิธิพิทักษ์และคุ้มครองเด็ก

กรรมการตรวจรับและกรรมการอำนวยการฝ่ายการตลาดและการสื่อสาร สถานีโทรทัศน์ Mahidol Channel

กรรมการฝ่ายเผยแพร่วิชาการ สภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์

Related contents:

You may also like...