Le Maverick

cover

ช่วยไม่ได้จริงๆ หากประสบการณ์ที่ได้ชิมอาหารฝรั่งเศสในแต่ละครั้ง จะทำให้เราเต็มไปด้วยความคาดหวังว่าจะพบกับความตื่นตาตื่นใจ และความพึงพอใจเหนือกว่าครั้งที่ผ่านๆมาเสมอ โดยเฉพาะร้านอาหารฝรั่งเศสที่ประกาศตัวว่า ‘เป็นผู้นำเสนอมิติใหม่ของอาหารสไตล์ฝรั่งเศส’ ย่อมจะทำให้เราตั้งเป้าที่จะได้ทึ่งกับรสชาติใหม่ๆ และการนำเสนอที่เปี่ยมด้วยความคิดสร้างสรรค์ ยิ่งกว่าการกลับไปหารสชาติต้นตำรับของร้านในสไตล์คลาสสิคแบบดั้งเดิม ซึ่งประสบการณ์ของการมากลับเยือน “LE MAVERICK” ครั้งนี้ ซึ่งเคยสร้างความประทับใจที่ดีให้เรามาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อหลายเดือนก่อนนั้น ก็ไม่ได้ทำให้ทำให้เราผิดหวังแม้แต่น้อย อีกทั้งยังสร้างความประทับใจใหม่ที่เหนือความคาดหมาย

Maverick 03

ผู้ที่มาเยือน LE MAVERICK จะสัมผัสได้จาก Passion ในการสร้างสรรค์ของ คุณ Eric ในทุกรายละเอียด เริ่มตั้งแต่การตกแต่งบรรยากาศร้านในแบบร่วมสมัย ที่มีหนังสือด้านศิลปะ การออกแบบ และตำราปรุงอาหารหลายร้อยเล่มที่เขาสะสมเป็นงานอดิเรก เป็นส่วนหนึ่งที่บอกเล่าเรื่องราวและสื่อสารถึงความหลงใหลนี้ได้เป็นอย่างดี

Maverick 02  IMG_0149

7 9

สำหรับคนที่หลงรักในศิลปะทั้งการกินดื่มและทัศนศิลป์ ย่อมคุ้นเคยกับชื่อของ ร้าน LE MAVERICK ซึ่งตั้งอยู่ที่ซอย 3 ถนนสุขุมวิท 21 (อโศก) เป็นอย่างดี ร้านนี้บริหารด้วยวิสัยทัศน์และด้วยหัวใจที่รักในสุนทรียศาสตร์ตัวจริง ของ คุณ Eric Paul นักชิมผู้หลงใหลในอาหารรสเลิศที่มีสไตล์สวยงามแปลกใหม่ ทั้งยังเป็นเจ้าของเครือข่ายช่องสัญญาณโทรทัศน์และผู้พัฒนาเนื้อหาทั้งสำหรับรายการโทรทัศน์และแอพพลิเคชั่นมือถือในเอเชีย

เอริค พอล ผู้บริหารสูงสุดและเจ้าของห้องอาหารมาเวอริค นักชิมผู้หลงใหลในอาหารรสเลิศที่มีสไตล์สวยงามแปลกใหม่ ทั้งยังเป็นเจ้าของเครือข่ายช่องสัญญาณโทรทัศน์และผู้พัฒนาเนื้อหาทั้งสำหรับรายการโทรทัศน์และแอพพลิเคชั่นมือถือในเอเชีย เอริค พอล จึงเกิดแนวคิดเปิดกิจการห้องห้องอาหารฝรั่งเศสแนวใหม่เพื่อขยายฐานลูกค้าในกรุงเทพฯ เพื่อนําเสนอสถานที่สังสรรค์อันเก๋ไก๋สไตล์ภัตตาคารชื่อดังในกรุงนิวยอร์ก ซึ่งผสานกลิ่นอายสไตล์ฝรั่งเศสแบบคลาสสิกเข้ากับบรรยากาศที่หรูหราทันสมัยแบบอเมริกันได้อย่างลงตัว

เอริค พอล ผู้บริหารสูงสุดและเจ้าของห้องอาหารเลอ มาเวอริค นักชิมผู้หลงใหลในอาหารรสเลิศที่มีสไตล์สวยงามแปลกใหม่ ทั้งยังเป็นเจ้าของเครือข่ายช่องสัญญาณโทรทัศน์และผู้พัฒนาเนื้อหาทั้งสำหรับรายการโทรทัศน์และแอพพลิเคชั่นมือถือในเอเชีย เอริค พอล จึงเกิดแนวคิดเปิดกิจการห้องห้องอาหารฝรั่งเศสแนวใหม่เพื่อขยายฐานลูกค้าในกรุงเทพฯ เพื่อนําเสนอสถานที่สังสรรค์อันเก๋ไก๋สไตล์ภัตตาคารชื่อดังในกรุงนิวยอร์ก ซึ่งผสานกลิ่นอายสไตล์ฝรั่งเศสแบบคลาสสิกเข้ากับบรรยากาศที่หรูหราทันสมัยแบบอเมริกันได้อย่างลงตัว

คุณ Eric เปิดกิจการ LE MAVERICK ห้องอาหารฝรั่งเศสแนวใหม่เพื่อขยายฐานลูกค้าในกรุงเทพฯ เพื่อนําเสนอสถานที่สังสรรค์อันเก๋ไก๋สไตล์ภัตตาคารชื่อดังในกรุงนิวยอร์ก ซึ่งผสานกลิ่นอายสไตล์ฝรั่งเศสแบบคลาสสิกเข้ากับบรรยากาศที่หรูหราทันสมัยแบบอเมริกันได้อย่างลงตัว โดยปรัชญาการนำเสนอเมนูอาหาร “รสชาติดั้งเดิมในรูปลักษณ์ใหม่” ของมาเวอริค คือความท้าทายใหม่ของ คุณ Eric และทีมงานในการนำเสนอเมนูอาหารที่เติมเต็มความอิ่มเอมใจ ให้รสชาติเข้มข้นของวัตถุดิบและอยู่ในระดับราคาที่ลูกค้าทั่วไปสามารถลิ้มลองได้แบบสบายกระเป๋า นอกจากนี้ ห้องอาหารมาเวอริคยังมอบโอกาสใหม่ให้เอริคในการประยุกต์พื้นที่ครัวที่ทันสมัยและหรูหราให้กลายเป็นสตูดิโอชั้นเยี่ยมในการผลิตรายการโทรทัศน์ของมาเวอริคเอง ซึ่งได้แพร่ภาพออกอากาศแล้วในปัจจุบัน

ผู้ที่มาเยือน LE MAVERICK จะสัมผัสได้จาก Passion ในการสร้างสรรค์ของ คุณ Eric ในทุกรายละเอียด เริ่มตั้งแต่การตกแต่งบรรยากาศร้านในแบบร่วมสมัย ที่มีหนังสือด้านศิลปะ การออกแบบ และตำราปรุงอาหารหลายร้อยเล่มที่เขาสะสมเป็นงานอดิเรก เป็นส่วนหนึ่งที่บอกเล่าเรื่องราวและสื่อสารถึงความหลงใหลนี้ได้เป็นอย่างดี

และผู้ที่ร่วมสร้างความฝันของ คุณ Eric ให้สมบูรณ์แบบ ก็คือ สุดยอดเชฟชาวดัทช์  Dessi de Vries ผู้รังสรรค์เมนูอาหารอันเปี่ยมด้วยความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ และคุณ Bruno Bischoff ผู้จัดการห้องอาหาร ซึ่งถือได้ว่าเป็นหนึ่งในบุคคลระดับตำนานของห้องอาหารชั้นสูงในเมืองไทย ที่ดูแลการบริการเพื่อสร้างความพึงพอใจในระดับห้าดาวแก่ลูกค้า ด้วยประสบการณ์กว่า 25 ปี ถ้าใครไปกินแล้วเจอคุณ Bruno ทำหน้าเข้มๆหน่อยอย่าตกใจ เพราะแกจริงจังมากกับการให้บริการ เพื่อมอบความรู้สึก Exclusive สุดๆให้ลูกค้าอย่างแท้จริง ให้อารมณ์เหมือนพ่อบ้านคนสำคัญ ของมาสเตอร์บรูซ ในหนังเรื่อง Batman ยังไงยังงั้นเลยเชียว

บรูโน บิสชอฟฟ์ ผู้จัดการ ห้องอาหารมาเวอริค สั่งสมประสบการณ์ในธุรกิจร้านอาหารมากว่า  25 ปี ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารและผู้บริหารงานห้องอาหารระดับสูงหลายแห่งในเมืองไทย รวมถึงห้องอาหารภายในโรงแรม ดิ โอเรียนเต็ล และห้องอาหาร เลอ บันยัน ในช่วงปี ค.ศ. 1989 – 2010 รวมถึงห้องอาหารชื่อดังอีกหลายแห่งในกรุงเทพฯ

บรูโน บิสชอฟฟ์ ผู้จัดการ ห้องอาหารเลอ มาเวอริค สั่งสมประสบการณ์ในธุรกิจร้านอาหารมากว่า 25 ปี ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารและผู้บริหารงานห้องอาหารระดับสูงหลายแห่งในเมืองไทย รวมถึงห้องอาหารภายในโรงแรม ดิ โอเรียนเต็ล และห้องอาหาร เลอ บันยัน ในช่วงปี ค.ศ. 1989 – 2010 รวมถึงห้องอาหารชื่อดังอีกหลายแห่งในกรุงเทพฯ

Dessi

เชฟ เดสซี่ เดอ วรีส์ เชฟชาวดัชต์ทึ่มีประสบการณ์กว่า 22 ปีในการบริหารงานครัวของร้านอาหารระดับสูง โดยเชฟผู้เป็นแรงบันดาลใจสำคัญของเดสซี่คือ ไมเคิล บราส และ ริชาร์ด เอคคาบัส ซึ่งเดสซี่ได้ต่อยอดแนวคิดของสองสุดยอดเชฟเพื่อสร้างสรรค์อาหารฝรั่งเศสแนวใหม่ให้มีสีสัน รสสัมผัส และรสชาติอันน่าหลงใหลในแบบฉบับของตนเอง ผสานกับการจัดวางอาหารให้สวยงามสะดุดตาเพื่อสร้างความประทับใจแก่นักชิมรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบความแตกต่าง

ความเชี่ยวชาญด้านการปรุงอาหารของเชฟเดสซี่ ครอบคลุมทั้งเมนูฝรั่งเศสแบบดั้งเดิม เมดิเตอร์เรเนียน และเอเชีย ซึ่งเดสซี่มีประสบการณ์ทั้งในฐานะเชฟห้องอาหารของโรงแรมและรีสอร์ทระดับ 5 ดาว ห้องอาหารมิเชลินสตาร์ทั้งระดับหนึ่งและสองดาว รวมไปถึงการบริหารธุรกิจร้านอาหารที่มีพนักงานกว่า 120 คน ซึ่งครอบคลุมทั้งงานครัว การขนส่งวัตถุดิบ การออกแบบรายการอาหารและการตกแต่งอาหารให้มีความโดดเด่น ฝีมือของเดสซี่เป็นที่ยอมรับทั้งในฮอลล์แลนด์ ฝรั่งเศส เกาะกูราเซาในเนเธอแลนด์ เกาะอารูบาในแคริบเบี้ยน เวเนซูเอล่า ซูรินัม หมู่เกาะมัลดีฟส์ เวียดนาม รวมถึงเมืองไทย

สำหรับอาหารเมนูเด็ด ที่เราได้ลิ้มรสกันในครั้งนี้ จะจับคู่มากับไวน์ที่เข้ากันได้อย่างลงตัว โดยเริ่มต้นเรียกน้ำย่อยด้วยรสชาติสดๆของ อาหารทะเลที่มีให้เลือกชิม ตั้งแต่ เมนูหอยนางรม เนื้อปูที่จัดมาในรูปสลัดพอดีคำเจือด้วยรสหวานของทับทิม ก่อนที่จะได้ตื่นเต้นกับความอร่อยหอมมันของเอสคาร์โก้ ที่เสิร์ฟมาในกะทะหลุมคล้ายขนมครก จานนี้เป็นเมนูที่ทุกคนต่างยกนิ้วให้และแนะนำว่า…ห้ามพลาด

 

Amuse Bouche : Oyster >> Champagne poached / lime foam / limoncello-cucumber jelly/lemon balsam

Pairing with:  Sancerre “Les Cailloux Blances” 2012 Chereau Carre, Loire

Amuse Bouche : Oyster >> Champagne poached / lime foam / limoncello-cucumber jelly/lemon balsam

Amuse Bouche : Oyster >> Champagne poached / lime foam / limoncello-cucumber jelly/lemon balsam

 

Crab >> Cannelloni/apple structure / pomegranate / avocado espuma / impregnated celery
Pairing with:  Sancerre “Les Cailloux Blances” 2012 Chereau Carre, Loire

Crab >> Cannelloni/apple structure / pomegranate / avocado espuma / impregnated celery

Crab >> Cannelloni/apple structure / pomegranate / avocado espuma / impregnated celery

 

ในส่วนของ Starters นั้น นอกจากจะมี Escargot แล้วก็ยังมี Foie Gras และ Pulled pork ให้เลือกชิม โดยรสชาติจะไปในทิศทางเดียวกันคือ มีความหอมเค็มมันและเจือหวานบางเบา เข้ากันได้ดีกับ Macon-Vergisson La Roche 2011, Bourgogne ที่มีรสชาติละมุนละไม

 

———————————————————————–

Signature starters to share: Escargots / Pulled pork / Foie gras
Pairing with: Macon-Vergisson La Roche 2011, Bourgogne

 Escargots

Escargots : ปรุงด้วยเนย ใส่มาในถ้วยหลุมเหมือนขนมครกค่ะ รสชาติหอมเค็มมัน ผิวสัมผัสกรุบๆหวานๆเนื้อหอย น้ำซอสอร่อยมาก เขามีขนมปังให้จิ้ม เช็ดจานจนเกลี้ยงเลยค่ะ

Pulled pork

Pulled pork

 

หลังจากลิ้มรสหวานๆเค็มๆของ starters ทั้งสามเมนูแล้ว ก็อุ่นกระเพาะด้วย Crustacean Bisque รสเค็มมันปะแล่มๆหอมกลิ่นทะเล แต่ไม่มีความคาว ก่อนจะเลือกอาหารจานหลักตามชอบใจ เป็นเนื้อนุ่มๆ ที่เลือกได้ทั้ง อกเป็ด และ แกะ ซึ่งทั้งสองจานนี้มาในรูปแบบ slow cook จึงมีสัมผัสที่นุ่มนวล เคี้ยวง่าย ให้ความรู้สึกเต็มอิ่มยิ่งขึ้นเมื่อจับคู่ กับ M2 De Matallana Telmo Rodriguez 2008, Ribera Del Duerao

 

Crustacean Bisque: Traditional Bisque / gamba carpacio / cognac foam / crostini / rouille / saffron / parsley gel

Pairing with: Macon-Vergisson La Roche 2011, Bourgogne

 

Crustacean Bisque: Traditional Bisque / gamba carpacio / cognac foam / crostini / rouille / saffron / parsley gel

Crustacean Bisque: Traditional Bisque / gamba carpacio / cognac foam / crostini / rouille / saffron / parsley gel

 

Duck:  Slow cookef breast / rillette of the leg / butternut / iodized grapes / ginger / Maderlira-poultry jus / red onion marmalade
Pairing with: M2 De Matallana Telmo Rodriguez 2008, Ribera Del Duerao

Duck:  Slow cookef breast / rillette of the leg / butternut / iodized grapes / ginger / Maderlira-poultry jus / red onion marmalade Pairing with: M2 De Matallana Telmo Rodriguez 2008, Ribera Del Duerao

Duck: Slow cookef breast / rillette of the leg / butternut / iodized grapes / ginger / Maderlira-poultry jus / red onion marmalade
Pairing with: M2 De Matallana Telmo Rodriguez 2008, Ribera Del Duerao

 

 Lamb: ”Sous vide” cooked, boneless saddle / potato confit / eggplant marmalade / Jerusalem artichoke / smoked garlick jus / red beetroot
Pairing with: M2 De Matallana Telmo Rodriguez 2008, Ribera Del Duerao

 Lamb: "Sous vide" cooked, boneless saddle / potato confit / eggplant marmalade / Jerusalem artichoke / smoked garlick jus / red beetroot Pairing with: M2 De Matallana Telmo Rodriguez 2008, Ribera Del Duerao

Lamb: “Sous vide” cooked, boneless saddle / potato confit / eggplant marmalade / Jerusalem artichoke / smoked garlick jus / red beetroot
Pairing with: M2 De Matallana Telmo Rodriguez 2008, Ribera Del Duerao

 

พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวงคือเมนูของหวานที่ไม่ใช่ทำหน้าที่แค่ ‘ล้างปาก’ แต่มาพร้อมกับความตื่นตาตื่นใจทั้งในรสชาติและรูปโฉมที่มาจากความคิดสร้างสรรค์ จึงงดงามราวกับเสพชิ้นงานศิลปะเข้าไป ไม่ว่าจะเป็น  Sugar apple , Tofu-Passion fruit cheese cake , poire Williams และ moelleux ซึ่งอยากแนะนำว่า หากควงคนรู้ใจหรือพาลูกค้าคนสำคัญมาสร้างความประทับใจที่ MAVERICK จะต้องไม่ลืมสั่งของหวานร้านนี้มาเพื่อดึงความพึงพอใจถึงระดับสูงสุด และแน่นอน ถ้ากินของหวาน ก็ต้องสั่งมา คู่กับไวน์แดงอิตาลี ที่เหมาะสุดๆในการจับคู่กับของหวานอย่าง Lungarotti Dulcis Vino Liquoroso 2005, Umbria เป็นไวน์หวานค่ะ มีกลิ่นหอมเหล้า แต่หวานหอมคล้ายคอนยัค  หรือถ้าใครรู้สึกว่าหนักไปหน่อยกลัวจะขับรถกลับไม่ไหว จะเปลี่ยนเป็นชาหรือกาแฟ ก็ไม่เลวเหมือนกัน

แต่สำหรับก๊วนนักชิมของเราในวันนี้ คุณ Eric แอบทิ้งท้ายด้วยเครื่องดื่มแห่งไมตรีจิต Guatemala Whisky กลิ่นยวนใจ รสชาติหนักแน่น นุ่มนวล หอมหวานกลมกล่อม จิบแล้วลืมไม่ลง ดีกรีกำลังเหมาะ ที่ทำให้มิตรภาพกระชับแน่นได้อย่างรวดเร็วด้วยความสุขสำราญหลังมื้ิออาหารรสเลิศ ซึี่งต้องปรบมือดังๆให้กับความสำเร็จของ 3 ทหารเสือ ที่ประกอบด้วย เจ้าของร้าน  Eric Paul ผู้จัดการร้าน Bruno Bischoff  และเชฟ Dessi de Vries  ที่ช่วยกันสร้างศิลปะแห่งรสชาติให้เราได้ดื่มด่ำกันอย่างอิ่มเอม ณ ร้าน LE MAVERICK แห่งนี้

——————-

Desserts: Sugar apple / Tofu-Passion fruit cheese cake / poire Williams / moelleux
Pairing with: Lungarotti Dulcis Vino Liquoroso 2005, Umbria

Sugar apple

Sugar apple – - – ประทับใจในรสชาติ และวิธีการกินที่สนุกสนานดีค่ะ มันตื่นเต้นตอนเคาะให้แตกโป๊ะ… กินกับ Lungarotti Dulcis Vino Liquoroso 2005, Umbria เป็นไวน์หวานค่ะ มีกลิ่นหอมเหล้า แต่หวานหอมคล้ายคอนยัค เข้ากันมากๆ

 

Tofu-Passion fruit cheese cake

Tofu-Passion fruit cheese cake

 

poire Williams

poire Williams

 

Dark chocolate moelleux

Dark chocolate moelleux

Once you've become friend with the Ceo, he'd serve you  Guatemala Whisky ... :)

Once you’ve become friend with the Ceo, he’d serve you Guatemala Whisky … :)

 

 

ให้คะแนนร้านอาหาร
สูงสุด = 5 ดาว
หมายเหตุ
รสชาติ   เยี่ยม มากด้วยความคิดสร้างสรรค์
บรรยากาศ   เท่ สบายๆ เป็นส่วนตัว
การบริการ   อบอุ่น เป็นมิตร แต่ได้มาตรฐาน 5 ดาว
ราคา-ความคุ้มค่า    ราคามิตรภาพ
ความประทับใจ    เจ้าของร้านอัธยาศัยดีเยี่ยม

…………………………………………………………………………………………………………………

เวลาเปิดบริการ:

มื้อกลางวัน          เปิดบริการวันจันทร์ – ศุกร์  เวลา 11:30 – 14:30 น.

มื้อค่ำ                 เปิดบริการวันจันทร์ – เสาร์ เวลา 17:30 – 24:00 น. (ปิดรับออร์เดอร์เวลา 23:00 น.)

ปิดบริการวันอาทิตย์

จำนวนที่นั่งรองรับผู้ใช้บริการ 90 คน เพิ่มจำนวนได้ในพื้นที่สังสรรค์บริเวณบาร์เครื่องดื่ม และโต๊ะของพื้นที่ครัวเปิดเพื่อชมการปรุงอาหาร

จำนวนพนักงานพนักงานครัว 13-14 คน พนักงานต้อนรับ 5-6 คน

เครื่องดื่มไวน์นำเสนอไวน์ชั้นเลิศกว่า 200 ชนิด พร้อมบริการไวน์ยอดนิยม 24 ชนิดด้วยเครื่องรินไวน์อิเล็กทรอนิกส์

เว็บไซต์: http://www.maverickbangkok.com


EDITOR’S REVIEW by : Wannasiri Srivarathanabul
Editor@HiclassSociety.com

Related contents:

You may also like...