ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์แถลงข่าวมุมมองเศรษฐกิจโลก โดย ดร.สุทธาภา อมรวิวัฒน์ Chief Economist และ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า “เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มที่ดีขึ้นกว่าช่วงต้นปีที่ผ่านมา ความกังวลจากปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรปผ่อนคลายลงบ้างในระยะสั้นจากมาตรการช่วยเหลือด้านการคลังและสภาพคล่อง เศรษฐกิจของสหรัฐฯ เริ่มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจนอาจไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินอีกรอบ ในส่วนของประเทศจีน ถึงแม้ว่าทางการจะออกมาประกาศลดเป้าหมายการเติบโตของเศรษฐกิจลง แต่ก็มีมาตรการเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจจีนยังสามารถขยายตัวได้ดี”
สำหรับสถานการณ์ในยุโรป ดร.สุทธาภา มองว่า “ความเสี่ยงที่ลดลงจากการปรับโครงสร้างหนี้ของกรีซ ประกอบกับการอัดฉีดสภาพคล่องระยะยาว (LTRO) ของธนาคารกลางยุโรป ทำให้ภาคการเงินมีเสถียรภาพมากขึ้น ต่างจากเมื่อปลายปีที่ผ่านมาที่ระบบธนาคารมีปัญหาสภาพคล่อง มาตรการช่วยเหลือเหล่านี้มีส่วนสำคัญที่ทำให้ประเทศใหญ่ๆ เช่น อิตาลี และ สเปน ได้รับประโยชน์จากการกู้ยืมเงินที่ถูกลง ปัญหาของยุโรปตอนนี้จึงกลับมาเป็นการที่เศรษฐกิจโดยรวมขาดแรงกระตุ้นเนื่องจากทั้งภาครัฐและเอกชนต้องรัดเข็มขัด ซึ่งความอ่อนแอของอุปสงค์เป็นปัญหาในระยะยาวของยุโรป อย่างไรก็ดี หากเศรษฐกิจเริ่มมีการฟื้นตัว เราควรจับตามองอัตราเงินเฟ้อที่อาจเพิ่มสูงขึ้นรวดเร็วจากสภาพคล่องจำนวนมากในระบบ”
สำหรับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ดร.สุทธาภา มองว่า “โดยรวมมีภาพการฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้น เห็นได้จากการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 17 และยอดค้าปลีกที่ขยายตัวได้ดี ล่าสุด การที่ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวเพิ่มสูงขึ้นเร็วกว่าผลตอบแทนของพันธบัตรระยะสั้น สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองของนักลงทุนที่คาดว่าดอกเบี้ยระยะสั้นในอนาคตจะปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งน่าจะมีสาเหตุมาจากความมั่นใจต่อสภาพเศรษฐกิจที่มีมากขึ้น”
สำหรับเศรษฐกิจจีน ดร.สุทธาภา มองว่า “ทางการจีนแสดงเจตนาที่จะให้ความสำคัญกับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจมากขึ้น เห็นได้จากการมีมาตรการควบคุมภาคอสังหาริมทรัพย์จนทำให้ราคาบ้านที่เคยเข้าสู่ภาวะฟองสบู่ปรับลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 หรือแม้แต่การประกาศเป้าหมายการเติบโตของ GDP ที่ 7.5% ซึ่งต่ำกว่าระดับ 8% ที่เป็นเป้าหมายมาตั้งแต่ปี 2005 อย่างไรก็ดี ตัวเลข 7.5% คงจะเป็นเพียงขอบล่างของเป้าหมายเนื่องจากเศรษฐกิจจีนโตได้ดีกว่าเป้าหมายมาโดยตลอด นอกจากนี้ ทางการจีนยังเริ่มออกนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น การประกาศให้ช่วงเดือนเมษายน เป็นเดือนแห่งการบริโภค และการที่ธนาคารเพื่อการพัฒนาของจีนจะทำข้อตกลงกับธนาคารเพื่อการพัฒนาของประเทศอื่นในกลุ่ม BRIC เพื่อเพิ่มการค้าขายระหว่างกันและให้เงินหยวนมีบทบาทเพิ่มขึ้นในการค้า ซึ่งสร้างความมั่นใจได้ในระดับหนึ่งว่าเศรษฐกิจจีนในปีนี้น่าจะมีศักยภาพที่จะเติบโตได้ดี”
การที่เศรษฐกิจหลักๆ มีเสถียรภาพมากขึ้นมีผลดีกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย “อุปสรรคต่อการฟื้นตัวของไทยในระยะสั้น เช่น การที่อัตราแลกเปลี่ยนมีความผันผวนสูง หรือ แม้แต่การที่สภาพคล่องของเงินสกุลต่างประเทศมีความตึงตัว มีน้อยลง อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงภายนอกอื่น เช่น การเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันจากความตึงเครียดในตะวันออกกลาง ที่ภาคธุรกิจจะต้องจับตามอง” ดร.สุทธาภา กล่าวสรุป
สื่อสารองค์กร ธนาคารไทยพาณิชย์จำกัด (มหาชน)
กุณฑลี โพธิ์แก้ว (ผึ้ง) โทร 0254445012