มีข้อมูลการศึกษามากว่าพันปีเกี่ยวกับ apitherapy(bee therapy) ที่เป็นเทรนด์ล่าสุดเห็นจะเป็นการนำพิษผึ้ง(bee sting) มาใช้ในด้านความงามและการต้านริ้วรอย บางข้อมูลอ้างว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดรองจากโบท็อกซ์เลยทีเดียว
ดร.ฮัน นักวิจัยของสถาบันวิทยาศาสตร์การเกษตรของเกาหลีใต้ ตีพิมพ์ผลวิจัยชี้ว่า “พิษผึ้งช่วยกระตุ้นการผลิตเซลล์ที่เรียกว่าเคอราติโนไซต์ซึ่งทำหน้าที่เป็นปราการป้องกันแบคทีเรีย การสูญเสียน้ำและผิวเสียเพราะแดดด้วยเคอราติโนไซต์เป็นเซลล์ที่อยู่ส่วนบนสุดของผิวหนังซึ่งช่วยให้แลดูอ่อนเยาว์ แต่เมื่อเรามีอายุมากขึ้นจำนวนเซลล์จะลดน้อยลง ทำให้ผิวหนังลดความยืดหยุ่น และเกิดริ้วรอยและตีนกา พิษผึ้งบริสุทธิ์ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า ช่วยเพิ่มจำนวนของเคอราติโนไซต์ ซึ่งจะช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นยิ่งขึ้น”
การได้มาซึ่งพิษจากเหล็กไนของผึ้งจะทำให้ผึ้งตายหรือไม่
การเก็บพิษจากผึ้งจะใช้เครื่องมือพิเศษ ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อผึ้ง โดยใช้กระจกปิดที่ปากทางเข้าออกของรวงผึ้ง แล้วปล่อยกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ เข้าไป ผึ้งจะออกมาต่อยที่กระจก ซึ่งใช้เป็นตัวเก็บพิษ เนื่องจากผึ้งต่อยที่พื้นผิวกระจกจึงต่อยไม่เข้า ท้องของมันจึงไม่มีเหล็กไนทะลุออกมา มันจึงไม่ตาย จากนั้นพิษจะถูกนำมาอบแห้ง แล้วนำไปเก็บเอาสิ่งเจือปนออก เช่น ฝุ่น เกสรดอกไม้
ผลิตภัณฑ์จากพิษผึ้งออกฤทธิ์กระตุ้นอย่างแผ่วเบาต่อผิวหนังซึ่งจะลวงให้ร่างกายเข้าใจว่าถูกผึ้งต่อย เลือดจะถูกส่งมาหล่อเลี้ยงบริเวณที่สัมผัสพิษและกระตุ้นให้ผลิตคอลลาเจน อิลาสติน ซึงทำให้ผิวหนังเต่งตึง เนียนเรียบ ลดริ้วรอยร่องลึกของผิว ดูอ่อนวัยไร้ริ้วรอย
มีหลายยี่ห้อที่ผลิตครีมเซรั่มที่มีส่วนผสมของเอนไซน์พิษผึ้ง ซึ่งเหล่าคนดัง ดาราฮอลลี่วูดที่ใช้ครีมตัวนี้ อาทิ เคท มิดเดิลตัน, วิตอเรีย เบ็คแฮม, กวินเนต มีข่าวว่าระดับ คามิลลา ดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์ นำพิษผึ้งนี้ไปทำทรีตเม้นพระพักตร์ด้วยเช่นกัน
Reference : http://www.dna2life.com/insects/bee-sting
Thanks to images from http://www.allthatslap.com/wp-content/uploads/2013/03/Honey-bee-venom.jpg
http://1.bp.blogspot.com/-94oN0VgamA0/UnCtLwvRVfI/AAAAAAAABrw/mq0yKZvBaas/s1600/bee.jpg
