กรณีบ้านแตกที่สามีไม่ทำการบ้านแล้วภรรยาแอบจับได้ว่า “เขาช่วยตัวเองแทน” สร้างความหมองหมางใจให้กับภรรยาน้อยเนื้อต่ำใจว่า “อุโมงค์สวรรค์” สู้ “อุ้งมือ” ของเขาไม่ได้
บางครั้งผู้ชายก็ไม่ได้ต้องการสอดใส่ แต่เขาเพียงแค่อยากมีความสุขเล็กๆในไม่กี่นาทีด้วยตัวเขาเอง เพราะการช่วยตัวเองนั้นไม่ได้โหมแรงหนักเท่ากับการขุดอุโมงค์กับสาวๆอย่างคุณ เรื่องแบบนี้จัดเป็นเรื่องที่อ่อนไหวที่สุดเรื่องหนึ่งที่ภรรยาจะเอามาพูดกับสามีในสิ่งที่เขาแอบเห็นหรือรับรู้มาด้วยตัวเขาเอง
ในแง่มุมที่อธิบายได้ในมุมมองของวิทยาศาสตร์ ว่าการช่วยตัวเองนั้นมีข้อดี ข้อเสีย ต่อสุขภาพทั้งทางกายและทางใจอย่างไร อย่างที่จะได้นำเสนอต่อไปนี้ สำหรับผู้ชายถึงบรรทัดนี้ผมคงไม่ต้องอธิบายว่าการช่วยตัวเองคืออะไรใช่ไหมครับ ส่วนผู้หญิงนั้นโดยปกติแล้วผู้หญิงจะถึงจุดสุดยอดทางเพศ ได้หลายครั้ง (Multi-orgasms) ซึ่งถ้าเป็นผู้ชายจะได้เพียงครั้งต่อครั้งเท่านั้น
จากผลงานวิจัยในหัวข้อ “Sexual behavior in the United States: results from a national probability sample of men and women ages 14-94” ที่ทำการสำรวจพฤติกรรมทางเพศของหญิงชายในสหรัฐฯจำนวน 5,865 คนในช่วงที่มีอายุตั้งแต่ 14-94 ปีพบว่า 94% ของเพศชายยอมรับว่าได้มีการช่วยเหลือตัวเอง ในขณะที่อีก 85% ของผู้หญิงยอมรับว่ามีการช่วยเหลือตัวเองเช่นกัน (นั่นคือผู้หญิงยอมรับน้อยกว่าผู้ชายถึง 9%- แต่ถ้าในประเทศไทยตัวเลขสองตัวนี้คงต่างกันหลักหลายสิบเปอร์เซนต์เลยทีเดียว) ในจำนวนนี้ 18.3% ของเด็กชายที่มีอายุ 16-17 ปี และ 22.4% ของเด็กหญิงวัยเดียวกัน ยอมรับว่ามีการทำออรัลเซ็กส์ (เน้นย้ำนะครับ ว่าไม่ปลอดภัย 100 % ด้วยประการทั้งปวง) นอกจากนี้ มากกว่าครึ่งของตัวอย่างประชากรทั้งหมดในช่วงอายุตั้งแต่ 18 ถึง 49 ปียอมรับว่ามีการทำออรัลเซ็กส์ ผลการทดลองยังระบุว่าหญิงชายในกลุ่มประชากรจะมีความถี่ในการมีเพศสัมพันธ์บ่อยที่สุดในช่วงอายุ 20 – 40 ปีโดยประมาณหลังจากนั้นจะเริ่มลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
กลับมาที่การช่วยตัวเองซึ่งเป็นสิ่งทีเรากำลังพูดถึงกันในหัวข้อนี้ ความเชื่อของการช่วยตัวเองนั้นมีมากมายหลายหลากผ่านช่วงเวลาในประวัติศาสตร์ ซึ่งมีความเชื่อมั่นว่ามนุษย์คงไม่ได้พึ่งคิดค้นการช่วยตัวเองได้เมื่อไม่นานมานี้ แต่มันคงเกิดขึ้นมาพร้อมๆกับมนุษย์ยุคแรก เวลาผ่านไปมีปัจจัยทางสังคม ทางศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้การแสดงออกในเรื่องนี้นั้นไม่ง่ายอย่างที่คิด ยิ่งในโลกปัจจุบันที่เรารับเอาความคิดความอ่าน ทัศนคติทางเพศมาจากยุควิคตอเรียนแบบเต็มๆ ทำให้เรื่องนี้ยิ่งเป็นเรื่องน่าอาย น่ากระมิดกระเมี้ยนและเป็นเรื่องที่อ่อนไหวเกินกำลังจะมาถกเถียง
แต่ท่านๆที่อ่านอยู่นี้ไม่ได้มาจากยุควิคตอเรียนนี่นา …
เชื่อหรือไม่ครับว่า เมื่อก่อนนั้นมีความเชื่อแปลกๆเกี่ยวกับการช่วยตัวเองอยู่มาก เช่น ความเชื่อที่ว่าการช่วยเหลือตัวเองมากๆทำให้ตาบอดได้ หรืออาจเลยเถิดไปถึงการเป็นบ้าเสียผู้เสียคนไปเลย หรือแม้กระทั่งการช่วยตัวเองมากๆทำให้อวัยวะเพศเสียสภาพและใช้งานไม่ได้อีกเลยก็มี โชคดีทีเราเกิดในยุคที่วิทยาการและวิทยาศาสตร์เฟื่องฟู เป็นเหตุเป็นผลที่ทำให้เรามีคำอธิบายใหม่ๆเกี่ยวกับเรื่องนี้และโชคดีที่สุดที่เราได้รู้ว่า ในความเป็นจริงแล้ว การช่วยเหลือตัวเองอย่างพอเหมาะนั้นดีต่อสุขภาพ
ดีอย่างไร ?
ผู้เชี่ยวชาญเรื่องเพศจากมหาวิทยาลัยซิดนีย์ในออสเตรเลียได้ให้คำอธิบายอันน่าชื่นใจไว้ว่า สำหรับผู้หญิงการช่วยตัวเองนั้นสามารถลดการติดเชื้อในช่องคลอดรวมถึงโรคทางเดินปัสสาวะอักเสบได้ เพราะในขณะที่มีอารมณ์กระตุ้นเร้าจากการช่วยตัวเองนั้น บริเวณปากมดลูกจะเปิดออกและมีการหลั่งน้ำเมือก(Mucous)ต่างๆจากช่องคลอดซึ่งจะทำให้เกิดการไหลเวียน ระบาย และขับแบคทีเรียต่างๆออกมา นอกจากนี้นักวิชาการยังบอกอีกด้วยว่า การช่วยตัวเองนั้นส่งผลให้ลดโอกาสเกิดเบาหวาน(type-2 diabetes) ได้อีกด้วย ซึ่งคาดว่าคำอธิบายเบื้องหลังน่าจะอยู่ที่สุขภาพจิตและกายโดยรวมอีกทีหนึ่ง แถมยังช่วยให้หลับสบายเพราะได้ปลดปล่อยฮอร์โมนที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากไปกว่านี้คือช่วยให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน (pelvic floor)แข็งแรงเนื่องจากการขมิบบ่อยครั้งในขณะที่ถึงจุดสุดยอดทางเพศ
สำหรับผู้ชายพบว่าการช่วยตัวเองนั้นช่วยลดโอกาสการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก ซึ่งน่าจะเกี่ยวข้องกับการที่ต่อมลูกหมากได้ระบายของเหลวออกมาอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ยังอธิบายกว่าการช่วยตัวเองยังช่วยในเรื่องของระบบภูมิคุ้มกันโดยการเพิ่มระดับของฮอร์โมนคอร์ติซอลให้อยู่ในปริมาณที่กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันได้(ฮอร์โมนนี้จัดเป็นฮอร์โมนแห่งความเครียดชนิดหนึ่งหากมีปริมาณมากเกินไปในกระแสเลือด และไม่ดีต่อร่างกาย)แถมการช่วยตัวเองยังปลดปล่อยฮอร์โมนเอนโดรฟินซึ่งทำให้ร่างการผ่อนคลายและลดความกังวลลง นักวิชาการยังบอกอีกด้วยว่าการช่วยตัวเองนั้นเป็นการทำให้ตัวเองมีความสุขสมทางเพศที่ปลอดภัยและไม่ทำให้เกิดความเสี่ยงจากการติดโรคทางเพศสัมพันธ์จากคู่นอนที่เราไม่รู้จักได้อีกด้วย
อ่านมาถึงตรงนี้ คิดว่าผู้อ่านคงจะได้เก็บเล็กผสมน้อยเกี่ยวกับเกร็ดความรู้ในการช่วยตัวเองไปได้บ้างนะครับ สิ่งที่ผมอยากเห็นในสังคมของเราก็คือเราควรจะได้พูดถึงเรื่องนี้ให้จริงจังมากขึ้น จริงจังในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการพูดถึงเรื่องนี้อยากหมกมุ่น แต่หมายถึงการพูดถึงเรื่องนี้ในฐานะที่มันเป็นกิจกรรมที่ตอบสนองความต้องการพื้นฐานของร่างกายที่เบสิคที่สุดอย่างหนึ่ง เด็กวัยรุ่นควรได้รับการเรียนการสอนถึงเรื่องนี้อย่างจริงจังและซื่อสัตย์ เพื่อจะได้สร้างความเข้าใจและทัศนคติต่อเรื่องนี้เสียใหม่และผมก็เชื่อลึกๆว่าถ้าเรากล้าที่จะพูดเรื่องแบบนี้ในที่สาธารณะอย่างจริงจังจนมันกลายเป็นเรื่องธรรมดาได้เมื่อไหร่นั้น มันจะช่วยแก้ปัญหาทางเพศในสังคมได้อีกทางหนึ่ง ลดปัญหาการตั้งครรภ์ก่อนวัยเรียน ลดปัญหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และอาจจะไปถึงการลดปัญหาอาชญากรรมทางเพศเลยก็เป็นได้ จริงไหมครับ
Stay happy and Healthy
- Kae Porramate
Thanks to image from http://www.weeklytimesofindia.com/wp-content/uploads/2011/09/man_sleeping.jpg
http://ourmasculineheart.files.wordpress.com/2013/11/sexy_men_on_the_beach_1600x1200_zps38086412.jpg
http://www.capitalfm.co.ke/lifestyle/files/2013/09/man.jpg