เสี่ยงโรค เมื่อเผชิญอากาศร้อน

article-new

ขณะนี้สภาพอากาศร้อนจัดกว่าทุกปีทำให้ประชาชนมีความเสี่ยงในการเจ็บป่วยหลายโรค เช่น โรคในระบบทางเดินอาหารที่เกิดจากการรับประทานอาหารและน้ำที่มีเชื้อโรคปน เปื้อนเข้าไปซึ่งเกิดบ่อยที่สุด แต่โรคที่มีการพูดถึงกันน้อย คนเป็นบ่อยช่วงหน้าร้อนคือ “โรคฮีทสโตรก” หรือ “โรคลมแดด” (Heat Stroke) แต่บางที่ก็เรียกว่า “โรคอุณหพาต” หรือ “โรคลมเหตุร้อน” นั้นเอง

เห็นแดดจัดๆ อย่างนี้จะให้ดีหลีกได้ก็หลีก เพราะแดดจัดเป็นสาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดโรคหวัดแดดได้ด้วย ร้อนๆ อย่างนี้อาจป่วยได้ เพราะ ลมแดด(Heat Stroke) หรือที่เราคุ้นหูกันว่า หวัดแดด (Summer Flu) เกิดจากการที่ร่างกายได้รับความร้อนมากเกินไปจน ทำให้ความร้อนในร่างกาย (core temperature) สูงกว่า 40 องศาเซลเซียส อาการที่เบื้องต้น ได้แก่ เมื่อยล้า อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน วิตกกังวล สับสน ปวดศรีษะ ความดันต่ำ หน้ามืด ไวต่อสิ่งเร้าง่าย และยังอาจมีผลต่อระบบไหลเวียน ซึ่งอาจมีอาการเพิ่มเติมอีก ได้แก่ ภาวะขาดเหงื่อ เพ้อ ชัก ไม่รู้สึกตัว ไตล้มเหลว มีการตายของเซลล์ตับ หายใจเร็ว มีการบวมบริเวณปอดจากการคั่งของของเหลว หัวใจเต้นผิดจังหวะ การสลายกล้ามเนื้อลาย ช็อค และเกิดการสะสมของ fibrin จนไปอุดตันหลอดเลือดขนาดเล็กทำให้อวัยวะต่างๆ ล้มเหลว ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีอาจทำให้เสียชีวิตได้ ซึ่งสาเหตุเกิดขึ้นได้จากติดเชื้อไวรัส ซึ่งเชื้อที่ก่อให้เกิดโรคได้บ่อย ได้แก่ Influennza virus ยิ่งถ้าช่วงนั้นร่างกายอ่อนแอ สุขภาพไม่เต็มร้อยแล้วก็มีโอกาสติดเชื้อไวรัสได้ง่ายๆ

สำหรับครอบครัวที่มีเด็ก การที่เด็กวิ่งเล่นอยู่กลางแจ้งอยู่นานๆอาจได้รับนำหรืออาหารไม่เพียงพอเพราะมัวแต่เล่นสนุก เมื่อได้รับเชื้อโรคจากอากาศและสิ่งแวดล้อมร่วมกับร่างกายอ่อนแอทำให้เกิด ติดโรคหวัดขึ้นมาได้

Heat

สาเหตุการเกิดโรคออกเป็น 2 ประเภท

  • Classical Heat Stroke เกิดจากความร้อนในสิ่งแวดล้อมที่อาศัยอยู่มีมากเกินไปส่วนใหญ่เกิดในช่วงที่ มีอากาศร้อน พบบ่อยในผู้ที่มีอายุมากและมีโรคเรื้อรัง มักเกี่ยวกับความผิดปกติของระบบประสาทส่วนกลาง อาการที่สำคัญ คือ อุณหภูมิร่างกายสูง ไม่มีเหงื่อ
  • Exertional Heat Stroke เกิดจากการออกกำลังที่หักโหมเกินไป มักจะเกิดในหน้าร้อนโดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้แรงงานและนักกรีฑา อาการคล้ายกับ Classical แต่ต่างตรงที่กลุ่มผู้ป่วยประเภทนี้จะมีเหงื่อออก นอกจากนี้ยังพบการเกิดการสลายเซลล์กล้ามเนื้อลาย โดยจะมีอาการแทรกซ้อน ได้แก่ ระดับโพแทสเซียมในเลือดสูง ระดับฟอสฟอรัสในเลือดสูง ระดับแคลเซียมในเลือดต่ำ และพบไมโอโกลบินในปัสสาวะด้วย บุคคลที่มีความเสี่ยงว่าจะเกิดโรคลมแดด


สัญญาณสำคัญของโรคลมแดด

สัญญาณสำคัญของโรคลมแดด ก็คือ ไม่มีเหงื่อออก ตัวร้อนจัดขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกกระหายน้ำมาก วิงเวียน ปวดศีรษะ มึนงง คลื่นไส้ หายใจเร็ว อาเจียน ซึ่งต่างจากการเพลียจากแดดทั่วๆ ไป ที่จะพบว่ามีเหงื่อออกด้วย หากเกิดอาการดังกล่าวจะต้องหยุดพักทันที

วิธีการป้องกันโรคลมแดด

  • หากรู้ว่าจะต้องไปทำงานท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อน ก็ควรเตรียมตัวโดยการออกกำลังกายกลางแจ้งอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้งๆ อย่างน้อย 30 นาที เพื่อให้ร่างกายชินกับสภาพอากาศร้อน
  • ดื่มน้ำ 1-2 แก้ว ก่อนออกจากบ้านในวันที่มีอากาศร้อนจัด และหากต้องอยู่ท่ามกลางสภาพอากาศร้อนหรือออกกำลังกลางสภาพอากาศร้อน ควรดื่มน้ำให้ได้ชั่วโมงละ 1 ลิตร แม้จะไม่รู้สึกกระหายน้ำก็ตาม และแม้ว่าจะทำงานในที่ร่มก็ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว
  • สวมใส่เสื้อผ้าที่มีสีอ่อน ไม่หนา น้ำหนักเบา และสามารถระบายความร้อนได้ดี
  • ก่อนออกจากบ้านควรใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 25 ขึ้นไป
  • หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดในวันที่อากาศร้อนจัด
  • หลีกเลี่ยงการกินยาแก้แพ้ แก้น้ำมูก โดยเฉพาะก่อนการออกกำลังกายหรือการอยู่ท่ามกลางสภาพอากาศร้อนเป็นเวลานาน
  • หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และยาเสพย์ติดทุกชนิด
  •  ในเด็กเล็กและคนชราควรได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ต้องจัดให้อยู่ในห้องที่อากาศระบายได้ดี และอย่าปล่อยให้เด็กหรือคนชราอยู่ในรถที่ปิดสนิทตามลำพัง

 

heat-exhaustion

Reference : nursestip
Thanks to images from : http://www.nursestip.com/files/Heat%20Stroke.jpg
http://www.picsauditing.com/blog/wp-content/uploads/2013/07/heat-exhaustion.jpg

Related contents:

You may also like...