ดิฐวัฒน์ อิสสระ

เลือดใหม่ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ปลาทู-ดิฐวัฒน์ อิสสระ ในตำแหน่งครีเอทีฟ ไดเรกเตอร์ บมจ. ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ มองความรุนแรงในบ้านนี้เมืองนี้ที่เคยได้รับการขนานนานว่าเป็นสยามเมืองยิ้มในสายตาชาวต่างชาตินั้นเปลี่ยนแปลงไปมากจากที่เขารับรู้และภูมิใจทุกเมื่อในขณะที่อยู่ต่างแดน ต่อเมื่อทำงานอยู่ในบ้านเกิดปัญหาภายในของประเทศส่งผลต่อความคิดสร้างสรรค์ในการทำงานเป็นอย่างยิ่ง แม้แต่การเข้าสังคมกับเพื่อนฝูงเขายังต้องเผชิญหน้ากับคำถามที่นอกเหนือจากตัวเขาไม่อยากตอบแล้ว แม้แต่ได้ยินใครก็ตามเอ่ยเรื่องนี้เขายังอยากเดินหนี

“ช่วงที่ผ่านมามันซีเรียสเยอะมากเลย ความสงบสุขของสังคมจะกลับมาก็ต้องมาจากการที่คนต้องรู้ความจริง ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าอะไรจริงหรือไม่จริง แต่ข้อมูลก็เป็นสิ่งสำคัญ และถึงอย่างไรก็ตามต้องทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น ยิ่งคนไม่มีเงินก็ยิ่งหาทางหาเงิน และบางทีที่เราแบ่งพรรคแบ่งพวกกันมันไม่ใช่เพราะว่าเราคิดว่ามันถูกหรอกแต่แบ่งเพื่อความจำเป็น การต่อสู้นอกเหนือขอบเขตส่งผลลุกลามอย่างที่เราเห็นกันก็คือประเทศเราเสียหายไปเยอะ
“สำหรับคนที่อยู่ในวงการธุรกิจ หรือแม้แต่ผมเองก็ไม่แน่ใจว่ามันจะทำอะไรได้ที่จะทำให้สถานการณ์มันดีขึ้น ผมคิดว่าผมจะรอดูแต่ชีวิตผมก็ต้องเดินต่อไปเหมือนปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้ แค่เศรษฐกิจโลกไม่ดีนั่นก็แย่พอแล้วแต่เมื่อมีสถานการณ์บ้านเมืองขึ้นมาอีกก็ทำให้ชีวิตนั้นเดินไปได้ลำบากแต่ถึงอย่างไรก็ตามมันต้องเดินต่อไปเพราะมันไม่มีทางอื่น (หัวเราะ) เพื่อนผมที่มองว่า Thailand land of smile เขาเห็นว่าความยิ้มแย้มมันหายไป ผลกระทบคือคนไทยนั่นแหละที่โดนฝ่ายเดียวฝรั่งเขาไปเที่ยวที่อื่นก็ได้โลกนี้มันใหญ่จะตายมีอีกหลายที่ให้เขาไปเที่ยว ตอนนี้เราเหมือนกับว่าเรากำลังฆ่าตัวตาย”
“สมานฉันท์คืออะไรเหรอครับ? ผมมองว่าพวกที่คุมประเทศอยู่ต้องเห็นแก่ประเทศและพยายามเข้าใจกัน ไม่รู้ว่ามันยากขนาดไหน ข้อมูลที่ผมได้ ณ วันนี้ก็ยังไม่รู้เลยว่ามันจริงหรือไม่จริง เมื่อเราคุยกันไปคุยกันมาบางทีคุยกับเพื่อนทะเลาะกันก็มีบ้างแล้วปรับความเข้าใจกันแต่สุดท้ายจบแค่นั้นไม่ได้มีผลที่ดีขึ้นออกมา อาจเข้าใจกันมากขึ้นหน่อยแต่ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องเดียวกันมันก็ยังแบ่งเป็นสองฝ่าย ถามว่าเรารู้ไหมอันไหนถูกอันไหนผิด ใครโกหกใครปรุงแต่งมารกน้อย มันพูดลำบากนะครับ”
“ผมไม่ประกาศว่าผมจะเป็นสีอะไรหรอกนะครับ แต่ถ้า ณ บัดนี้ผมรอดูอยู่ แต่อย่างไรก็ยกพระเจ้าอยู่หัวเป็นที่หนึ่ง ผมไม่ได้เป็นสีไหนเลย ผมแค่เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวช่วยคนไทยมาเยอะแล้ว ผมคิดว่าและผมแน่ใจอย่างน้อยนี่คือสิ่งที่ผมแน่ใจที่สุด แต่ความสงบจะเกิดขึ้นมันคงไม่ง่ายหรอก แม้จะหวังว่ามันจะจบได้เร็วก็ตาม พิษภัยจากโรคระบาดแม้จะอยู่นอกเหนือการควบคุมของคน แต่ความขัดแย้งในประเทศอยู่ในมือคนเพียงไม่กี่คน แต่ที่น่าประหลาดคือโรคระบาดเรายังพอจะควบคุมได้”

Text : วสิน ทับวงษ์ Photo : สรวิชญ์ หอมสุวรรณ

 

 

profiler01

Related contents:

You may also like...