เมื่อพูดถึงโรคเบาหวานคนส่วนใหญ่มักนึกถึงกลุ่มผู้ใหญ่วัยเกิน 40 ปี และโฟกัสไปที่คนอ้วน ผู้สูงอายุ แต่ทุกวันนี้ไม่ใช่เฉพาะกลุ่มผู้ใหญ่เท่านั้นที่เป็นโรคเบาหวาน เพราะที่โรงพยาบาลศิริราชพบเด็กอายุ 8 ขวบ เป็นโรคเบาหวานเหมือนกับผู้ใหญ่
“เบาหวาน” เป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง แต่ป้องกันได้ กระทรวงสาธารณสุขรายงานจากการสำรวจสภาวะสุขภาพคนไทย ครั้งที่ 3 ประมาณการว่ามีผู้ป่วยเบาหวาน 3.9 ล้านคน แต่มีเพียง 1.7 ล้านคนที่เข้าถึงบริการทางการแพทย์ ซึ่งยังไม่รวมผู้ที่มีสภาวะเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานอีก 2 ล้านคน
เด็กและวัยรุ่นเกี่ยวข้องกับเบาหวานอย่างไร
เบาหวานที่พบในเด็กและวัยรุ่น แบ่งเป็น 2 ชนิด
- ชนิดที่ 1 เบาหวานชนิดพึ่งอินซูลิน เบาหวานชนิดนี้พบบ่อยที่สุดในเด็กและวัยรุ่น เกิดจากการที่ร่างกายไม่สามารถผลิตอินซูลินได้ อินซูลินเป็นฮอร์โมนทำหน้าที่นำน้ำตาลเข้าไปใช้ในเซลล์ทำให้เกิดพลังงาน ถ้าร่างกายไม่สามารถผลิตอินซูลินได้ เซลล์ต่างๆของร่างกายจะไม่สามารถนำน้ำตาลที่เกิดจากการกินอาหารพวกคาร์โบไฮเดรต (เช่น ข้าว แป้ง) ไปใช้เป็นพลังงานได้ ระดับน้ำตาลในเลือดก็จะสูงขึ้นเรื่อยๆเกิดเป็นโรคเบาหวาน
- ชนิดที่ 2 เบาหวานชนิดไม่พึ่งอินซูลิน โรคเบาหวานชนิดนี้ร่างกายผลิตอินซูลินได้ แต่เซลล์ต่างๆไม่ตอบสนองต่ออินซูลิน(ดื้อต่ออินซูลิน) เรียกว่าเบาหวานชนิดไม่พึ่งอินซูลิน พบบ่อยในผู้ใหญ่และเด็กวัยรุ่นที่เป็นโรคอ้วน สมัยก่อนถือว่าเบาหวานชนิดนี้เป็นโรคของผู้ใหญ่และเกี่ยวข้องกับพันธุกรรม ครอบครัวที่มีโรคเบาหวานชนิดนี้ โอกาสที่ลูกจะเป็นเบาหวานก็มีมาก แต่มักจะเป็นในผู้ใหญ่ที่อายุเกิน 40 ขึ้นไปและสัมพันธ์กับโรคอ้วน เนื่องจากภาวะอ้วนทำให้ร่างกายดื้อต่ออินซูลิน ปัจจุบัน เด็กเป็นโรคอ้วนกันมากทำให้พบโรคชนิดนี้มากขึ้นในเด็กและวัยรุ่น
สังเกตอย่างไรว่าผู้ป่วยเป็นเบาหวานชนิดที่ 2
อาการของผู้ป่วยเบาหวานมีมากน้อยแตกต่างกันขึ้นอยู่กับระดับน้ำตาลในเลือด ผู้ป่วยเบาหวานที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูงไม่มากอาจไม่มีอาการแต่อย่างใด แต่ตรวจพบจากการตรวจสุขภาพประจำปี ในรายที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงจะมีอาการดังต่อไปนี้
- ปัสสาวะบ่อย ทำให้หิวน้ำบ่อย
- น้ำหนักลดโดยไม่มีสาเหตุ (ปัสสาวะออกมาก สูญเสียน้ำตาลทางปัสสาวะ)
- บางรายอาจจะมาด้วยเป็นแผลเรื้อรัง เพราะระดับน้ำตาลสูงในเลือดจะทำให้เม็ดเลือดขาวทำงานกำจัดเชื้อโรคได้ไม่ดี เป็นแผลหายยาก
- บางรายมาด้วยเป็นเชื้อรา ติดเชื้อราตามผิวหนัง เชื้อราที่ช่องคลอด
- บางรายมาด้วยอาการน้ำตาลในเลือดสูงมาก จนกระทั่งร่างกายขาดน้ำรุนแรง มีภาวะช็อก มีภาวะเลือดเป็นกรดได้
อย่างไรก็ตามอาการของโรคเบาหวานนั้นมีตั้งแต่รุนแรงมากจนกระทั่งไม่มีอาการอะไรเลย รายที่ไม่มีอาการอะไรเลยส่วนใหญ่จะมาพบแพทย์เพราะอ้วนมาก คุณหมอที่ดูแลหรือคุณพ่อคุณแม่กังวลเรื่องอ้วน มักจะมีประวัติในครอบครัวเป็นเบาหวาน เมื่อมีการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดก็พบว่าเป็นเบาหวาน
ปัจจัยสำคัญของเบาหวานชนิดที่ 2 คือ ภาวะอ้วน
จากการเก็บรวบรวมข้อมูลผู้ป่วยเด็กและวัยรุ่นที่มาพบแพทย์ด้วยโรคอ้วนที่ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีผู้ป่วยเป็นโรคอ้วน อายุตั้งแต่ 6-18 ปี 125 ราย น้ำหนักเฉลี่ย 80 กิโลกรัม พบว่ามีร้อยละ 3 เป็นเบาหวานแล้วแต่ไม่มีอาการเลย ร้อยละ 21 ตรวจน้ำตาลพบว่าผิดปกติ แต่ยังไม่ถึงขั้นเบาหวาน ซึ่งผู้ป่วยที่เริ่มมีระดับน้ำตาลสูงผิดปกติแต่ยังไม่ถึงขั้นเบาหวาน มีโอกาสเป็นเบาหวานในอนาคต ถ้าไม่สามารถลดน้ำหนักได้
พ่อแม่สามารถสังเกตลูกหลานของตนเองได้อีกวิธีหนึ่งก็คือถ้าลูกเริ่มมีภาวะอ้วนร่วมกับสังเกตที่ต้นคอเด็กจะเห็นมีรอยดำๆหนาๆถูเท่าไหร่ก็ไม่ออกหนำซ้ำบางคนคิดว่าเป็นขี้ไคล รอบคอที่ดำเป็นปื้นหนานี้บ่งบอกว่า เริ่มมีภาวะดื้อต่ออินซูลินแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นเบาหวานทุกราย แต่ถ้าสังเกตพบปุ๊บจะต้องให้หมอตรวจระดับน้ำตาลดูว่าสูงผิดปกติหรือไม่ ถึงแม้ว่าพ่อแม่จะไม่มีประวัติเป็นเบาหวานก็ตาม
น้ำตาลในเลือดเท่าไหร่ถือว่าปกติ
น้ำตาลปกติคือ น้อยกว่า 100 มก./(เดซิลิตร, ดล.) การทดสอบน้ำตาลในเลือดมี 2 วิธีคือ เจาะเลือดตรวจน้ำตาล หลังงดน้ำ งดอาหารประมาณ 8 ชั่วโมง จะถือว่าเป็นเบาหวาน ถ้าน้ำตาลหลังงดน้ำ งดอาหาร มากกว่าหรือเท่ากับ 126 มก./ดล.
แต่ถ้าอยู่ระหว่าง 100-125 เรียกว่าเริ่มผิดปกติ อีกวิธีหนึ่งคือให้กินกลูโคสและอีก 2 ชั่วโมงเจาะเลือดตรวจน้ำตาลหลังกินกลูโคส คนปกติน้ำตาลต้องน้อยกว่า 140 มก./ดล. ถ้าเป็นเบาหวานคือมากกว่าหรือเท่ากับ 200 มก./ดล. ถ้าอยู่ระหว่าง 140 จนถึง 199 ถือว่าเริ่มมีภาวะผิดปกติแล้ว
เบาหวานในเด็กและผู้ใหญ่ต่างกันหรือไม่
คำว่า “เด็กเป็นเบาหวาน” ก็เหมือนกับผู้ใหญ่เป็นเบาหวาน โรคนี้เป็นโรคเรื้อรังตลอดชีวิต มีภาวะแทรกซ้อนตามมา เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนเหมือนในผู้ใหญ่ เช่น
- เบาหวานขึ้นจอตา ทำให้ตามองเห็นไม่ชัด อาจจะต้องมีการยิงเลเซอร์รักษา
- โรคไต การเป็นโรคเบาหวานนานๆ และคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ไม่ดี ทำให้ไตเสื่อม ปัจจุบันเบาหวานชนิดที่ 2 เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดที่ทำให้เกิดโรคไตวายในคนไทย
- ปลายประสาทเสื่อม มีอาการชา การรับความรู้สึกที่มือ เท้า ลดลง
- หลอดเลือดแดงตีบแข็งกว่าปกติ โอกาสจะเป็นหลอดเลือดสมองขาดเลือดหรือ อัมพาต กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หัวใจวายมากขึ้น
จุดเริ่มต้นจากเบาหวานจะไปสู่สาเหตุของโรคเรื้อรังอื่นๆแต่สามารถชะลอและป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ ถ้าควบคุมระดับน้ำตาลให้ดี
สิ่งที่สำคัญมากคือผู้ป่วยเบาหวานจะต้องดูเรื่องของผลน้ำตาล ดูแลตนเองให้ระดับน้ำตาลอยู่ใกล้เคียงปกติมากที่สุด เพื่อป้องกันและชะลอการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆเหล่านั้น เบาหวานชนิดที่ 1 มีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้เกิดเป็นโรคที่ยังไม่สามารถป้องกันได้ แต่เบาหวานชนิดที่ 2 เป็นโรคที่เกี่ยวกับภาวะอ้วน พฤติกรรมการกิน พฤติกรรมการใช้ชีวิตป้องกันได้ เด็กเริ่มมีภาวะอ้วนจะต้องลดน้ำหนัก อย่าให้อ้วนมากไปกว่านี้หรือกลุ่มที่มีภาวะเสี่ยงเริ่มมีน้ำตาลสูงผิดปกติแล้ว สามารถป้องกันไม่ให้เป็นโรคเบาหวานได้ ถ้าให้เด็กได้ออกกำลังกาย ควบคุมอาหาร เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต ดูทีวี เล่นเกมคอมพิวเตอร์ให้น้อยลงใช้ชีวิตกลางแจ้งให้มากขึ้น กลุ่มนี้สามารถกลับมามีน้ำตาลปกติได้
อยู่กับเบาหวานอย่างไร
เบาหวานชนิดที่ 1 วิธีการรักษาคือจะต้องมีการฉีดยาอินซูลิน ผู้ป่วยจะต้องเรียนรู้วิธีการฉีดยา การออกฤทธิ์ของยาอินซูลิน ผู้ป่วยส่วนใหญ่ฉีดยาวันละ 2-3 ครั้ง บางรายอาจจะต้องฉีด 4 ครั้งต่อวัน เพื่อจะควบคุมให้ระดับน้ำตาลอยู่ในเกณฑ์ที่ดีได้
เรียนรู้โรคเบาหวาน วิธีการดูแลตนเองจะต้องทำอย่างไรบ้าง นอกจากเรื่องการฉีดยาอินซูลินแล้ว ก็จะต้องมีการเจาะเลือดที่ปลายนิ้วเพื่อจะดูระดับน้ำตาล วันละ 3-4 ครั้ง จะได้มีการปรับยา ปรับอาหารให้เหมาะสมกับระดับน้ำตาล
เรียนรู้เรื่องอาหาร กินอาหารที่พอเหมาะให้เกิดสมดุลกับความต้องการของร่างกาย ต้องเรียนรู้ว่า เวลาไม่สบาย กินไม่ได้ จะทำอย่างไร ถ้าน้ำตาลสูงผิดปกติก็มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเลือดเป็นกรด ภาวะช็อก จะต้องปฏิบัติตัวอย่างไรบ้าง เด็กและวัยรุ่นที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 1 และพ่อแม่จะต้องมีการเรียนรู้เรื่องเบาหวานเพื่อจะสามารถดูแลตนเองได้ จำเป็นต้องมีการปรับตัว เพราะต้องมีการฉีดยา เจาะเลือด ปรับลักษณะการกินและประเภทของอาหาร ซึ่งสิ่งเหล่านี้จำเป็นอย่างมาก ผู้ป่วยจึงจะควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี
สำหรับเบาหวานชนิดที่ 2 เกิดจากภาวะอ้วน (พฤติกรรมการกิน การใช้ชีวิตประจำวัน) และพันธุกรรม พ่อแม่จะต้องสร้างวินัยในบ้าน นั่นคือลดการเล่นเกมคอมพิวเตอร์ ลดการดูโทรทัศน์ ไม่นอนดึก ฝึกนิสัยการกินที่ถูกต้อง ไม่กินจุบจิบตลอดเวลา เด็กที่เป็นโรคอ้วนมักจะมาจากปัญหาการขาดวินัยในครอบครัว เด็กจะตื่นกี่โมงก็ได้ เด็กหาอาหารกินเอง เด็กออกไปเล่นเกมกับเพื่อน
ครอบครัวอาจจะต้องมาใส่ใจว่าแต่ละวัน ลูกใช้ชีวิตอย่างไร ลูกกินอะไรบ้าง ลูกออกไปซื้ออะไรบ้าง เด็กบางคนไม่รู้จะทำอะไรจริงๆ บางทีอยู่กับเพื่อนก็ชวนกันกิน ชวนกันเล่นเกม บางคนอยู่บ้านไม่รู้จะทำอะไรก็นอนกับดูโทรทัศน์ ซื้อขนมถุงกินระหว่างดูโทรทัศน์ เด็กบางคนชอบกินของมันๆทอดๆ ชอบดื่มน้ำอัดลม น้ำผลไม้ที่มีรสหวานๆ พ่อแม่จะต้องช่วยกันดู ช่วยกันปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของลูกและสร้างนิสัยการกินอาหารที่ถูกสุขลักษณะ รวมทั้งกระตุ้นให้เด็กได้มีการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การลดน้ำหนักโดยการคุมอาหารและออกกำลังกายเพิ่มขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนพฤติกรรม ส่วนใหญ่คนอ้วนที่สามารถลดน้ำหนักลงได้ประมาณ ร้อยละ 10 ของน้ำหนักตัวก็จะส่งผลดีต่อร่างกายแล้ว แต่ต้องทำสม่ำเสมอและต่อเนื่อง
เบาหวานชนิดที่ 2 ป้องกันได้จากพฤติกรรม
ถ้าไม่ป้องกันโรคเบาหวานตั้งแต่อยู่ในวัยเด็ก อนาคตจะมีคนไทยเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 มากขึ้นและเริ่มเป็นตั้งแต่อายุน้อยกว่า 10 ขวบ มีข้อมูลจากการตรวจเลือดเด็กที่มารับบริการจาก โรงพยาบาลศิริราชพบว่า 125 รายที่ตรวจวัดน้ำตาลมี ร้อยละ 3 เป็นเบาหวานแล้วและพบว่าผู้ป่วยเด็กที่อายุน้อยที่สุดก็คือ 8 ขวบ สามารถเป็นเบาหวานแบบผู้ใหญ่ได้แล้ว
เด็กที่เริ่มเป็นเบาหวานตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ถ้าควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ไม่ดี อาจมีภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน เช่น ไตเสื่อม เบาหวานขึ้นจอตาได้ตั้งแต่เป็นวัยรุ่น ดังนั้นผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานตั้งแต่เด็กจะต้องอยู่กับโรคเรื้อรังนี้และภาวะแทรกซ้อนไปอีกนาน ทำให้คุณภาพชีวิตแย่ลงเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่แข็งแรง มีค่าใช้จ่ายในการรักษาจำนวนมาก เพราะฉะนั้นสิ่งที่ดีที่สุดคือป้องกันอย่าให้เด็กเป็นเบาหวาน นั่นคืออย่าให้ลูกอ้วนและเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต
ถ้าปล่อยให้เด็กเป็นเบาหวานแล้ว จะมานั่งเสียใจทีหลังและเป็นตั้งแต่อายุน้อย ค่าใช้จ่ายมาก โดยเฉพาะถ้าวันหนึ่งเกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้นมาแล้วไม่สามารถไปแก้ไขภาวะตรงนั้นได้
ขอขอบคุณความรู้จาก ผศ.พญ.จีรันดา สันติประภพ
Thanks to image from http://www.metroparamedicalsvc.com/images/diabetes.jpg
http://www.diabetesinformationabout.com/images/diabetes_symptoms.jpg
http://a57.foxnews.com/global.fncstatic.com/static/managed/img/Health/2009/July/660/371/Diabetes-Definition.jpg?ve=1
http://fitness.makeupandbeauty.com/wp-content/uploads/2013/06/aboutdiabetes1_600x450.jpg
http://i.telegraph.co.uk/multimedia/archive/02357/diabetes_2357139b.jpg
http://www.sciencealert.com.au/images/stories/Ivelin_Radkov_Diabetes_shutterstock.jpg
http://www.diabetespharmacist.com/uploads/image/insulin%20pump%20for%20kids%20boy%282%29.jpg
http://1.bp.blogspot.com/-7KNPAp4M_Ko/TkdPzxeO8zI/AAAAAAAAAUo/yfNNnfhGLow/s1600/Fat-Kid.jpg