บ่ายวันศุกร์กลางเดือนพฤษภาคม ผมฉายเดี่ยวบุกกองทัพบกหอบสารพัดคำถามพร้อมอาการสั่นสู้เข้าพบโฆษกหน้าหยกที่หลายคนเกรงอกเกรงใจ เสธ.ไก่อู-พันเอกสรรเสริญ แก้วกำเนิด ผู้อำนวยการกองกิจการพลเรือน กรมกิจการพลเรือนทหารบก ผู้รั้งตำแหน่งโฆษกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ โดยที่ไม่ได้รู้มาก่อนเลยว่าก่อนหน้านั้นเพียง ๒ ชั่วโมงครึ่ง ห่างออกไปเกือบ ๗๐๐ กิโลเมตร ตัวแทนกลุ่มพิราบขาวเพิ่งสร้างข่าวเรียกความสนใจ พร้อมโชว์หนังสือไฮ ทักษิณ บริเวณข่วงประตูท่าแพ เมืองเชียงใหม่ ขณะที่ผมตัวแทนจากไฮคลาสนำสิ่งพิมพ์ชื่อคล้ายกันแต่เจตนาดีมุ่งหน้าสู่ห้องทำงานผู้อำนวยการกองกิจการพลเรือน ณ อาคาร ๑ กองบัญชาการกองทัพบก อย่างสง่าผ่าเผย “เอาเป็นว่าเรียกพี่อูก็ดีนะครับเป็นกันเองดี” ถ้อยคำอันผิดแผกไปจากหน้าจอทีวีและท่าทีรับไหว้อันนอบน้อมทำเอาความคิดที่สั่งสมมานั้นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ตามมาด้วยบทสนทนาอันพรั่งพรูแบบคนกันเอง
“เขาพูดกันว่าคนทำงานกิจการพลเรือนต้องรู้ความต้องการของทหารและชำนาญการประสานกับพลเรือน เพื่อแจ้งความประสงค์ของเราให้ฝ่ายพลเรือนรู้ แจ้งความประสงค์ของพลเรือนให้กับฝ่ายเดียวกันรู้ เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายได้ทำงานเสริมงานซึ่งกันและกันให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชน”
‘ไก่อู’ ผู้เป็นน้อง ‘ไก่โรส’ และพี่ชายของน้องเล็ก ‘ไก่งวง’ ในครอบครัวข้าราชการที่พ่อเป็นตำรวจ แม่เป็นครู หลังการเสียชีวิตของคุณปู่ไก่อูโบยบินจากอ้อมกอดของคุณย่า คุณป้า ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ มาอยู่ในอ้อมอกพ่อไก่แม่ไก่อีกครั้งที่เมืองนนท์ เข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ ๒๓ นักเรียนนายร้อยจปร.รุ่นที่ ๓๔ จบออกมารับราชการเป็นลูกหม้อสังกัดกองพันทหารม้าที่ ๓ รักษาพระองค์ ก่อนจะย้ายมาประจำกองทัพบกส่วนกลางภายหลังเรียนจบ ร.ร.เสนาธิการทหารบก
“ผมไม่ใช่คนเคร่งขรึมนะ เป็นคนสบายๆ ชอบสนุกสนาน ร้องเพลง จะบอกเครียดก็ไม่ใช่นะ เป็นคนขี้ลก ลกๆๆๆๆ พอได้รับมอบภารกิจได้รับงานมาผมอยากมีเวลาในการเตรียมการ เพื่อให้งานที่เราได้รับมอบหมายมันดีที่สุด แต่โดยเนื้อแท้เป็นคนสนุกสนานรื่นเริง”
“เรียกได้ว่าผมจับไมค์บ่อยมากครับ สมัยเรียนผมเป็นนักร้องวงหัสดนตรี ของโรงเรียนนายร้อยจปร. ใน ๑ ปี โรงเรียนนายร้อยฯ จะมีงานกู๊ดบายซัมเมอร์ ก่อนปิดภาคการศึกษา รุ่นพี่ก็จะชวนญาติๆ แฟนๆ มาเที่ยวงาน และมีการปิดประตูหน้าโรงเรียนนายร้อยฯ ซึ่งก็คือประตูหน้ากองบัญชาการกองทัพบกตรงข้ามสนามมวยราชดำเนินและจัดดนตรีลูกทุ่งเล่นให้ชาวบ้านโดยทั่วไปชม ผมก็เป็นส่วนหนึ่ง เป็นหางเครื่อง (หัวเราะ) แต่งชุดสาวๆ และร้องเพลงลูกทุ่งด้วย
“ตอนเด็กผมอยากเป็นนักร้องลูกทุ่งนะ ๑ ใน ๓ อาชีพในฝัน อยากเป็นหมอตัดทิ้งไปเพราะถึงแม้ว่าเราจะเก่งเรียนหนังสือได้ที่ ๑ ของโรงเรียนแต่ว่ามันก็เก่งในหมู่ของเรากันเอง จะไปเทียบคนอื่นเขาคงไม่ได้ อยากเป็นทหารแนวทางเดียวที่พอจะมีความสามารถอยู่บ้าง ทั้งการเรียนหลวงออกค่าใช้จ่ายให้ และอีกหนึ่งฝันคืออยากเป็นนักร้องลูกทุ่ง สมัยก่อนดังนะ ตอนเด็กๆ คนร้องเพลงลูกทุ่งได้ผมว่าเจ๋ง ผมชอบศรคีรี ศรีประจวบ ยอดรัก สลักใจ กาเหว่า เสียงทอง ฯลฯ” อดีตนักร้องเสียงทองแห่งวงดนตรี รร.นายร้อยจปร.ย้อนอดีต
“มาอยู่กองทัพบกเวลาเขาจะมีกิจกรรมอะไรก็แล้วแต่ส่วนใหญ่ก็จะได้รับมอบหมายให้เป็นพิธีกรในงาน และถือโอกาสร้องเพลงด้วย ผมไม่มีเพลงเอกนะ มีความรู้สึกว่าถ้าเรามีเพลงลูกทุ่งอยู่ในหัวใจต้องร้องเพลงให้ได้หลายๆ เพลง ไปงานนั้นร้องเพลงนี้ ไปงานนี้ร้องเพลงนั้นดูเท่ห์ดีออก”
“นอกจากพักผ่อนด้วยการจับไมค์ร้องเพลงก็จะดูหนังนะครับ เสาร์-อาทิตย์ถ้ามีเวลาว่างก็ไปดูหนัง ด้วยความที่ภรรยาผมทำรีสอร์ทอยู่ จ.ราชบุรี ชื่อเดือนล้อมรีสอร์ท ผมอยู่ที่กรุงเทพฯ ถ้าเสาร์-อาทิตย์ไม่ติดภารกิจก็จะกลับ แต่ถ้าติดภารกิจน้องเขาก็จะขึ้นมาที่กรุงเทพฯ ไปดูหนังที่เมเจอร์ในช่วงวันธรรมดา เพราะอยู่ที่ราชบุรีก็จะมีคนมาจองที่พัก เสาร์-อาทิตย์ก็จะมีแขกเยอะ แต่ถ้าไปผมก็ไปช่วยเขาเป็นเด็กเสิร์ฟบ้าง ล้างจานก็เคยนะครับ ล้างห้องน้ำก็เคย ผมไม่ค่อยได้ออกไปคุยกับแขก ส่วนใหญ่ก้มหน้าทำงานอยู่เบื้องหลัง”
เล่าไปพลางหัวเราะร่วน ก็ใครเล่าจะคาดคิดว่าโฆษก คมช. มาดนิ่งแอบไปรับจ๊อบเป็นเด็กเสิร์ฟ แถมยังเป็นเด็กเสิร์ฟกิตติมศักดิ์ที่พอจะเรียกได้ว่าเป็นหนุ่มรูปงามในระดับหนึ่ง
“ตั้งแต่โตมาจนถึงแต่งงานผมไม่ค่อยได้มีแฟน ผมไม่เคยมีแฟนไปที่โรงเรียนนายร้อยเลยนะ และผมเป็นผู้ชายที่ไม่ใช้เครื่องสำอาง ผมจะมีแค่ไม่กี่อย่าง มียาสระผม (หัวเราะ) ก็เป็นยาสระผมยี่ห้อ ‘นิ่มพร’ ที่ผสมมะกรูด สบู่ลักษ์ มีดโกนหนวดยิลเล็ตต์ ครีมโกนหนวด”
ใครเล่าจะคาดคิด แม้แต่เจ้าตัวเองก็ยังรู้สึกเกินคาดที่ได้ปฏิบัติภารกิจเฉพาะกิจในครั้งนี้ ท่ามกลางป้อมปราการความรู้สึกอันเกิดจากประสบการณ์ของประชาชนเมื่อครั้งอดีตที่ผ่านมา และนี่คืออีกหนึ่งบททดสอบ
“ชีวิตเดินทางมาถึงตอนนี้เป็นความภาคภูมิใจที่สุด ไม่เคยนึกว่าชีวิตของคนต่างจังหวัด เป็นนักเรียนทหารตั้งแต่เตรียมทหาร จน ปี๑- ๔ ของรร.นายร้อยเป็นลูกหาบ (ลูกแถว) มาโดยตลอด ไม่เคยเป็นนักเรียนบังคับบัญชา จนมาได้เป็นก็ตอนปี ๕ แค่นั้นเอง วันนี้ได้รับมอบความไว้วางใจถือเป็นความภาคภูมิใจอย่างที่สุด”
“สำหรับคติในชีวิตนั้นต้องบอกว่าผมไม่ใช่นักปรัชญาเท่าไหร่นะ ไม่ค่อยมีหลักการดำเนินชีวิต แต่ว่าจำคำสอนของพวกพี่ๆ เขามา เมื่อได้รับมอบหมายงานในภารกิจมาใช้ความริเริ่มของตัวเองให้เต็มที่ อย่านำปัญหาไปเล่าให้เขาฟัง ถ้าจะเล่าให้ผู้บังคับบัญชาฟังว่ามีปัญหาเกิดขึ้นให้มีวิธีทางแก้ไขไปนำเสนอด้วยว่าเราอยากจะแก้ปัญหาเรื่องนั้น เรื่องนี้ เรื่องนู้น เขาจะได้มีความรู้สึกว่าเราได้ทำหน้าที่ของเราอย่างเต็มที่ ถ้าไปเล่าปัญหาอย่างเดียวทุกคนคงจะไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก อันนี้คือแนวทางในการแก้ไขปัญหา
“คนในกองทัพบกหรือแม้ว่าในหน่วยงานอื่นๆ ก็แล้วแต่ คนเก่งนั้นมีเยอะมาก ไม่ใช่เราที่เป็นคนเก่งอยู่แต่เพียงคนเดียวหรือฝ่ายเดียว คนอื่นเขาก็เก่งเหมือนกัน เพียงแต่ว่าเมื่อได้รับโอกาสแล้วจะต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด คนเก่งมีเยอะ แต่คนมีโอกาสมีน้อย เมื่อรับโอกาสในวันนี้ในขณะที่คนอื่นเขาอาจจะไม่ได้รับโอกาส เมื่อโอกาสเป็นของเราเราก็ต้องทำงานพิสูจน์หน้าที่ของเราให้ดีที่สุด”
ผมอดคันปากไม่ได้จากฟีดแบคเมื่อครั้งเปิดตัวโฆษกคมช.ค่อนข้างแรงจึงเสนอให้ขอความร่วมมือสื่อมวลชนด้วยการร้องเพลงตามความถนัด อาจจะทำให้บรรยากาศผ่อนคลายลงไปอีกเยอะ
“พยายามสอบถามน้องๆ พี่ๆ สื่อมวลชนว่าผมดุไปรึเปล่า เขาก็บอกว่าไม่นะ ดูอัธยาศัยดีคุยกันซื่อๆ ดี ก็พยายามอยากให้เป็นอย่างนั้นเพราะว่าโดยส่วนตัว โดยคมช. ไม่ได้มีจุดประสงค์อื่นๆ แอบแฝงแต่ประการใด ต้องการรักษาเพียงความสงบเรียบร้อยให้ถึงเวลาของการเลือกตั้งแค่นั้นเอง ไม่กล้าแล้วล่ะ ไม่กล้าไปปรามสื่อเพราะโดนวิพากษ์มาแล้วครั้งหนึ่ง ถ้าใช้เพลงแทนเอาเพลงอะไรดีครับ…โปรดอย่าถาม…ดีมั้ย (หัวเราะ)”
+++++++++++++++++++++