แม้สามารถยืนหยัดอยู่บนหนทางซึ่งเต็มไปด้วยขวากหนาม แต่ พรรษิษฐ์ ต่อสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท รังสรรค์ แอนด์ พรรษิษฐ์ สถาปัตย์ ก็ยังมิอาจรู้ล่วงหน้าว่าอนาคตจะเป็นดังหวังหรือไม่ แต่สิ่งที่ทำได้คือพยายามทำทุกอย่างให้เต็มกำลังที่ตนมีอยู่
“ผมอยากจะ Born to be อาจารย์ คิดว่าอยากเป็นคนสอน อยากคิดทฤษฎี อยากเป็นนักสร้างทฤษฎี อยากเป็นนักออกแบบธรรมดานี่แหละ แต่ทุกวันนี้ผมไม่ได้ทำและผมก็คงจะทำไม่ได้แล้ว เพราะว่าปัญหามันเยอะมากจนไม่มีโอกาสจะได้ทำอีกและสมองมันไม่ไปตามนั้น ไม่มีเวลาอ่านหนังสือที่อยากอ่านจนกระทั่งหมดความสนใจ ซึ่งความสนใจมันเป็นเรื่องอื่นไปแล้ว เราไม่ได้ลิขิตเองนะแต่เป็นไปตามสถานการณ์”
พรรษิษฐ์เล่าถึงฝันที่ช่วงเวลาหนึ่งเคยสัมผัส แต่เมื่อ ผศ.รังสรรค์ ผู้พ่อ ถูกกลุ้มรุมจากปัญหานานัปการด้วยหน้าที่ของทายาทจึงหยุดพักความฝันเอาไว้ เมื่ออะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดทำให้เขาต้องกระโดดลงสู่สังเวียนธุรกิจอย่างเต็มตัวเพื่อสะสางสิ่งที่ค้างคาพร้อมกับริเริ่มโครงการใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“ผมเคยหนีไปเป็นอาจารย์ที่เอแบค ตั้งแต่ปี 1999-2003 ไปเป็นอาจารย์ที่บางมด ไปสอนพิเศษหลายที่ และอยากเขียนหนังสือจึงไปเรียนรัฐศาสตร์เพิ่มอยากรู้ทฤษฎีอยากเป็นนักวิชาการ แต่ว่ามันไม่มีความมุ่งมั่นอีกแล้วในทุกวันนี้ ก็ทำได้เท่าที่เคยทำมา และทุกวันนี้จะต้องจับธุรกิจของครอบครัวโดยมี สาธร ยูนีค (มหาชน) ที่จะต้องจบมันให้ได้”
“การเป็นทายาทของคุณพ่อ คือการต่อสู้ทุกรูปแบบในทางธุรกิจ หมายความว่าสไตล์ธุรกิจของอาจารย์รังสรรค์ ต่อสุวรรณ ไม่ใช่ทางที่คนอื่นเขาเดินกัน มีการใช้กระบวนการกฎหมายต่อสู้เพื่อประวิงเวลาแก้ปัญหาไม่ให้ถูกสถาบันการเงินยึด และการใช้ความสัมพันธ์ของนักธุรกิจทั่วๆ ไปในการเข้าไปแก้ไขประนอมหนี้
“ผมไม่ได้มีโอกาสสัมผัสกับคุณพ่อตอนที่กำลังเฟื่องฟูเพราะผมอยู่ต่างประเทศ เมื่อเขาก็โดนคดีจ้างวานฆ่าประธานศาลฎีกา จากนั้นกราฟของเขาก็ตกลงเรื่อยๆ แต่คุณพ่อผมก็ยืนอยู่ได้เพราะใช้กลยุทธ์ในการต่อสู้ เขาถือว่าเขามาจากศูนย์ วันนี้ไม่ได้กลับไปที่จุดศูนย์ก็โอเคในชีวิตพอสมควร ส่วนผมหน้าที่ของผมที่กลับมาทำนั้น ความจริงผมก็ไม่ค่อยอยากยุ่งนัก เพราะว่ามันเป็นงานที่ยากเกินตัว แต่พอผมมาเริ่มทำประมาณปี 2003-2004 ผมคิดว่ามันคือการแก้ปัญหาเข่งใหญ่ ซึ่งถ้าเราไม่ทำสุดท้ายมันก็จะจมน้ำหายไป แต่ถ้าเราทำคือ หนึ่งเรื่องคดีความ สองในเข่งมันมีของดีและก็มีของเน่า ในเข่งนี้สามารถเก็บขึ้นมาต่อยอดได้และผมก็ได้ทำแล้วในส่วนหนึ่ง”
“งานของผมคือประสานงาน คุยกับคน เสนอโปรเจค ประนอมหนี้กับธนาคารสถาบันการเงิน รีโนเวชั่น มาร์เก็ตติ้ง ขาย ยกตัวอย่างที่หาดวงศ์อมาตย์ พัทยา จากช้อปเฮ้าส์ ผมก็็็นำมารีโนเวทใหม่เป็นคอนโดมิเนียม เป็นหนี้อยู่กับธนาคารสถาบันการเงิน ผมก็พยายามหาเงินส่วนตัวของที่บ้านไถ่มา แล้วเรโนเวทใหม่ขายให้กับฝรั่งซึ่งได้ทุนคืนหมด แล้วที่เหลือก็พยายามรอการขายให้จบ ตอนนี้ก็แก้ปัญหาสาธร ยูนีค ดูเหมือนง่ายเพราะว่าทำเลของตึกมันดี ใกล้รถไฟฟ้า ใกล้ทางด่วน วิวแม่น้ำ อยู่กลางเมืองคือบางรัก แต่ว่ามันเป็นตึกสร้างค้างมา 16 ปี ความยากของสาธร ยูนีค คือหนี้เยอะจำนวนเยอะยังไม่ค่อยเป็นภาระมากเท่ากับจำนวนเจ้าหนี้ที่เยอะ เราพยายามทดแทนเงินให้เขาทั้งหมดทุกคน และเงื่อนไขนี้ทำให้เป็นเงื่อนไขที่ไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุน เพราะนักลงทุนมีความรู้สึกว่าเขาอยากดีลกับคนแค่ไม่กี่รายแล้วจบเลย ก็ทำให้โครงการนี้ยังมีปัญหาอยู่”
ไม่ว่าจะผ่านเรื่องร้ายแรงหนักหนามาสักกี่คราแต่ว่าปัจจัยที่ประคับประคองให้เขายังคงดำรงอยู่ได้นั้นเกิดจากการมองโลกในเชิงบวกและยังคงก้าวเดินต่อไป พรรษิษฐ์ เป็นคนที่มีพลังและกำลังใจดีเสมอแม้จะต้องเจอกับอะไร และในวันนี้เขาบอกเล่าภาระหนักอกให้ฟังด้วยรอยยิ้มตลอดการสัมภาษณ์ พร้อมปิดท้ายอย่างติดตลก ด้วยท่าทางของคนที่เข้าใจชีวิตอย่างลึกซึ้ง
“ชื่อ พรรษิษฐ์ แปลว่าความสำเร็จที่ตกลงเหมือนฝน ภารกิจก็ตกลงมาเป็นห่าฝนเลย ราวกับกระอักเลือดมาเป็นฝนเชียวล่ะ”