ณิชยา ชัยวิสุทธิ์…กับชีวิตที่มีแต่ให้ The Charity Diva

nichaya

เปิดหนังสือพิมพ์ฉบับนั้น เปิดหน้านิตยสารฉบับนี้ เปิดเว็บไซต์ข่าวสังคม ฯลฯ แทบทุกสื่อและบ่อยครั้งมากที่ “โรงแรมอมารี วอเตอร์เกท กรุงเทพฯ” จัดงานการกุศลเพื่อนำรายได้ช่วยเหลือสังคม และภาพบุคคลที่เราคุ้นตาในข่าวเหล่านั้นก็คือสุภาพสตรีผู้งดงาม ณิชยา ชัยวิสุทธิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารและประชาสัมพันธ์ โรงแรมอมารี วอเตอเกท กรุงเทพฯ ผู้ซึ่งวงสังคมชั้นสูงรู้จักเธอในนาม “ตุ้ม AMARI” จนทำให้เธอต้องรับบทบาท Brand Ambassador of Amari Watergate Bangkok Hotel ไปโดยปริยาย คุณตุ้มเคยดำรงตำแหน่งนายกสมาคมประชาสัมพันธ์โรงแรมแห่งประเทศไทยถึง 4 ปี เป็นช่วงที่ได้จัดกิจกรรมการกุศลเพื่อเป็นผู้สรรหารายได้ช่วยเหลือสังคมอย่างเต็มที่ เธอจึงเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในองค์กรการกุศลต่างๆ มากมาย

“ดิฉันอยากทำบุญและชอบช่วยผู้ด้อยโอกาส ดิฉันช่วยมาแทบทุกมูลนิธิ ทั้งคนตาบอด, คนพิการ, เด็กกำพร้า, ผู้สูงวัย, ผู้ติดเชื้อ HIV, พระดาบส ฯลฯ โรงแรมอมารี วอเตอร์เกท กรุงเทพฯ ที่ดิฉันดูแลนี้จะจัดกิจกรรมเยอะมากค่ะ แทบทุกเดือนจะมีงาน  Art Exhibition รายได้มอบให้องค์กรการกุศลต่างๆ ซึ่งในส่วนนี้ต้องร่วมกับศิลปินว่าจะมอบให้องค์กรใด งานใหญ่ๆประจำปีของโรงแรม คือ วิ่งเที่ยงคืนการกุศล และ แอโรบิคมาราธอนต้านภัยเอดส์ เพื่อช่วยเหลือเด็กที่มีปัญหาจากการติดเชื้อเอดส์  การจัด event ช่วยเหลือสังคมตลอด ทำให้องค์กรต่างๆ รู้จัก ทั้งที่ไม่ได้อยากมีตำแหน่งใดๆเลย แต่ด้วยผลงานจึงได้รับเชิญให้รับตำแหน่งในองค์กรต่างๆ  และดิฉันเองก็ไม่ได้ยึดติดตรงนี้

“หน้าที่หลักของดิฉันคือสร้าง Brand Awareness ให้เป็นที่รู้จักทั้งชาวไทยและต่างชาติ ขณะนี้ชื่อเสียงของโรงแรมฯอยู่ตัวแล้วค่ะ แรกๆอาจต้อง Work hard ค่ะ ไม่ว่าจัด event ต่างๆ ในเรื่องของการทำข่าว เราไม่มีงบประมาณเลยนะคะ เป็นการจับเสือมือเปล่า ต้องหา sponsor มาร่วม และก็ต้องขอขอบคุณ Media friends ทุกคน เราไม่มีการจ้าง Organizer พวกเราทำเองหมดทุกอย่าง ตอนนี้แฮปปี้มากค่ะ ยกตัวอย่างปี 2555 งานวิ่งเที่ยงคืนฯ หาทุนได้ 3.3 ล้านบาท ก็มอบให้โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติฯ และบ้านเกอร์ด้า ช่วยเหลือเด็กที่มีปัญหาจากการติดเชื้อเอชไอวี ผู้ที่มาเข้าร่วมงาน 5 พันกว่าคนนะคะ โดยเฉพาะชาวต่างชาติจากหลายประเทศก็มาร่วมวิ่งด้วยและเข้ามาพักที่นี่ (รร.อมารี วอเตอร์เกท กรุงเทพฯ)”

เราเห็นคุณตุ้มเธอมีผลงานโดดเด่น เลยอดถามไม่ได้ว่า เคยโดนคนอิจฉาหรือหมั่นไส้บ้างไหม

“ดิฉันเป็นคนไม่เคยเอางานมาเป็นฉากหน้าแล้วหาผลประโยชน์ใส่ตัว ดิฉันเป็น  PR Not Sale woman นะคะ(หัวเราะ) และดิฉันก็ทำหน้าที่ของดิฉันให้ดีที่สุด ไม่ก้าวก่ายหน้าที่ใคร เราทำงานเพื่อให้คนเห็นผลงานของเราก็พอแล้ว ค่าของคนอยู่ที่ผลของงานค่ะ ส่วนตัวของดิฉันทางครอบครัวดิฉันมีธุรกิจอยู่แล้วคือ พิศณุ สตูดิโอ แอนด์ แกลเลอรี่ ซึ่งอิ่มตัวมาตั้งแต่รุ่นคุณพ่อ (สุรัตน์ ชัยวิสุทธิ์) แล้วค่ะ ปัจจุบันดิฉันก็ช่วยดูแลและคอยพัฒนาปรับปรุง อนาคตก็เป็นธุรกิจที่เราต้องบริหารเต็มตัวเพราะเป็นน้ำบ่อทรายที่เป็นรายได้ประจำสำหรับครอบครัว ซึ่งเราก็มีบุคคลทีมีชื่อเสียงเป็นลูกค้าประจำมากมาย อาทิ อดีตนายกรัฐมนตรี, คุณหญิง พันธุ์เครือ ยงใจยุทธ, อดีตผบ.ทร. และ ผบ.ทร. คนปัจจุบัน, นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย,  ประธานศาลรัฐธรรมนูญ, ฯลฯ ทุกวันนี้ดิฉันเพียงสรรหาเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาใช้ให้ทันสมัยและครบวงจรมากขึ้น  ปัจจุบันพิศณุ สตูดิโอได้ขยายบริการเสริมเพิ่มเติมโดยเครื่องปริ้นต์ดิจิตอลรุ่นใหม่ล่าสุดหลายเครื่อง เพื่อรองรับกับการอัดและขยายรูปตั้งแต่ขนาดจัมโบ้จนถึงใหญ่สุดเท่าที่ลูกค้าต้องการ หรือเท่าตัวคน รวมทั้งขยายกิจการเป็นแกลเลอรี่จำหน่ายรูปภาพและภาพวาดโดยมีรูปพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ, สมเด็จพระบรมราชินีนาถฯ, พระราชวงศ์, พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯรัชกาลที่ 5 อีกทั้งรูปพระเกจิอาจารย์ดังๆที่ประชาชนให้ความศรัทธาและนำไปบูชาเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ครอบครัว โดยขยายภาพลงผ้าใบได้ใหญ่สุดถึง 44″x100″  ในส่วนอัดภาพโฟโต้จัมโบ้ อัด 100 รูปขึ้นไป แถม 8″x10″ ฟรี, รับสั่ง online ทางอีเมล์และบริการส่ง นอกจากนั้นยังมีบริการถ่ายภาพครอบครัว, ถ่ายภาพด่วนรอรับได้, ถ่ายเอกสาร, เคลือบบัตร, สแกนภาพ, รับ-ส่งแฟกซ์ เพื่อให้มีบริการครบวงจร พิศณุ สตูดิโอแอนด์แกลเลอรี่ ตั้งอยู่ที่สี่แยกศิริราช เปิดบริการทุกวันเวลา 8.00-20.00 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ โทร. 02 418-1997

คุณตุ้มฝากแนะนำธุรกิจสตูดิโอด้วยรอยยิ้ม สมกับเป็นพีอาร์มืออาชีพจริงๆ :) ไม่เสียแรงที่เป็นพีอาร์แถวหน้าของโรงแรมอมารีวอเตอร์เกท มาถึง 11 ปี 

“ดิฉันกับ General manager, Mr. Pierre Andre Pelletier  มาเริ่มที่นี่พร้อมกันและทำงานเข้ากันได้ดี เขาเข้าใจว่าดิฉันเองไม่เคยมาถือเอาอะไรจากองค์กร ในการทำงานต่างฝ่ายให้เกียรติซึ่งกันและกัน ดิฉันเลยสบายใจมาก เลยทุ่มเทเอา connection ที่มีอยู่ทั้งหมดมาทำให้ที่นี่ เพราะแฮปปี้มาตลอด(ยิ้ม)  ทำงานหนักไหม ตอบเลยว่าหนักมาก ดิฉันพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าดิฉันสร้างแบรนด์ให้ที่นี่ได้ จนตอนนี้ทุกคนข้างนอกจะเรียกดิฉันว่า ‘ตุ้ม AMARI’ เหมือนว่าอยู่จนเป็นนามสกุลไปแล้ว ยังไม่เคยคิดเบื่อค่ะ นอกจากเดินออกไปเอง ปกติเป็นคนชอบทำงานอยู่แล้วด้วย ลาไปไม่กี่วันก็อยู่ไม่ได้ งานโรงแรมนี้น่าทำค่ะ บรรยากาศโรงแรมสวย ผู้คนมาโรงแรมแต่งตัวสวยงาม ได้ใช้ภาษาอังกฤษซึ่งดิฉันชอบมาก อีกอย่างเป็นการซึมซับวิสัยทัศน์ของแต่ละชนชาติที่มาเป็นแขกค่ะ โชคอีกต่อคือเราไม่ต้องเดินทางไปประเทศต่างๆ เราอยู่ตรงนี้เป็น Capital เขามาหาเรา ซึ่งเพลิดเพลินมากค่ะ

“อมารี วอเตอร์เกต ในสายตาของชาวต่างชาติเด่นในเรื่องทำเลค่ะ อยู่ใจกลางเมือง เดินทางสะดวกเป็น One stop อยากจะไปซื้อของก็ไปสยาม ประตูน้ำ สีลมได้ง่าย ยานพาหนะมีให้บริการมากมาย ทุกอย่างคล่องตัว ห้องพัก 569 ห้อง ห้องประชุมและสัมมนาอีก 20 กว่าห้อง ไม่เคยมีช่วง Low Occupancy นะคะ มีแต่ High ตลอด เต็มตลอดค่ะ (น้ำเสียงหนักแน่นแสดงความมั่นใจ) นอกจากทำเลแล้วทางอมารีมีการฝึกอบรมในเรื่องการให้บริการแก่พนักงานเป็นอย่างดี มีบริการพิเศษอื่นๆนอกเหนือจากที่ลูกค้าต้องการค่ะ”

ด้วยภารกิจทั้งงานในหน้าที่และงานเพื่อสังคม คุณตุ้มต้องพบปะผู้คนมากมาย เราจึงอยากรู้มุมมองที่เธอมีต่อสังคมปัจจุบัน ซึ่งเธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนตอบ

“การแข่งขันสูงขึ้นมากนะคะ แทบทุกอย่างเลย ความเห็นแก่ตัวของคนมากขึ้น ต้องปากกัดตีนถีบกันมากขึ้น เงินเดือนเท่าเดิม ค่าครองชีพสูงขึ้นมาก และความอดทนของผู้คนมีน้อยลง การเมืองก็เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแก่เยาวชน ต่อสู้ห้ำหั่นกันอย่างเอาเป็นเอาตายตลอดเวลา เด็กจะต้องซึมซับมาว่าต้อง fight กันเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งใดสิ่งหนึ่ง คนอยู่กันเพื่อผลประโยชน์มากขึ้น ธรรมะในใจน้อยลงมาก ไม่เหมือนกับคนสมัยก่อนรุ่นคุณพ่อคุณแม่ที่เราดำรงชีวิตกันได้ง่ายกว่านี้
“ถ้าเป็นไปได้อยากให้มีการพัฒนาช่วยยกระดับฐานะของคนทั้งประเทศ ทุกวันนี้เกิดช่องว่างระหว่างชนชั้นมาก คนรวยมากขึ้น คนจนมากขึ้น ไม่มีชนชั้นกลางเพราะว่าชนชั้นกลางขยับขึ้นไปเป็นคนรวยกันหมดด้วยวิธีการที่ดูแล้วไม่สมเหตุสมผลนัก แย่งกันแข่งกัน พอเป็นในลักษณะนี้คนรวยก็รวยเลย คนจนก็จนเลย ดิฉันว่าต้องทำให้ balance
“ดิฉันเองเป็นแค่มนุษย์ธรรมดา เรื่องนี้เป็นปัญหาส่วนรวมที่ต้องช่วยกัน ยกเว้นแต่แบ่งปันทุกสิ่งทุกอย่างให้ทั่วถึง ปลุกจิตสำนึกใหม่ค่ะให้รู้จักการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ทุกวันนี้มนุษย์รู้จักแต่คำว่า Take และห่างไกลคำว่า Give วันหนึ่งที่มนุษย์รู้จักการให้ สังคมจะน่าอยู่ขึ้น หากมนุษย์คิดแต่อยากจะรับอย่างเดียว สังคมก็จะเป็นแบบที่เป็นอยู่ทุกวันนี้”

แม้จะเป็นห่วงสังคมอยู่ไม่น้อย ชีวิตส่วนตัวคุณตุ้มก็มีความสุขดี และดูเหมือนจะเป็นชีวิตในฝันของใครหลายคน น่าแปลกที่ตัวเธอเองนั้นกลับไม่ใฝ่ฝันอะไรมากมาย

“ดิฉันไม่เคยวาดฝัน เพราะเป็นคนที่วาดแล้วไม่เคยได้ อีกอย่างดิฉันเป็นคนไม่ค่อยเพ้อเจ้อค่ะ แต่ถ้าให้นึกจริงๆคือตอนเด็กๆอยากเป็นแอร์โฮสเตส ก็ได้ตามที่หวัง แต่ครั้นพอไปสัมผัสจริงกลับไม่ชอบ เพราะเจอแขกทำตัวไม่สุภาพใส่เราพยายามถูกเนื้อต้องตัวเราตอนบิน เลยขยาดเลย สมัยก่อนใครเป็นแอร์ฯได้ถือว่าเจ๋งๆ ลึกๆแล้วไม่อยากเป็นเท่าไรหรอกค่ะ แค่อยากแข่งกับเพื่อนเล่นๆ ว่าใครจะสอบได้

แต่ถ้าถามวาสอนาคตอยากทำอะไร ตอบได้เลยค่ะว่าอยากทำวันนี้ให้ดีที่สุด แล้วสิ่งดีๆจะตามมาเอง ดิฉันเองก็ไม่เคยคิดว่าดิฉันจะมายืน ณ จุดนี้ เพราะดิฉันไม่เคยอยากเป็นคนที่สังคมรู้จัก ไม่อยากเป็นคนที่ต้องปรากฏกาย ซึ่งมันผิดกับชีวิตดิฉัน เพราะเป็นคนที่อยากได้อะไรแล้วไม่ได้ ไม่อยากได้กลับได้ แล้วสิ่งนั้นกลับดีกว่าสิ่งที่อยากได้เสียอีก (ยิ้ม) เลยไม่คิดดีกว่าค่ะ ถึงเวลาอะไรจะมาก็มาเอง ทำวันนี้ให้ดีที่สุดก็พอแล้ว”

nichaya2

“ดิฉันอยากได้สิ่งดีๆเข้ามาในชีวิตค่ะ สิ่งดีหมายความว่าอย่าให้มีคนไม่ดีมากร้ำกราย ไม่มีอุบัติเหตุ ไม่มีเรื่องร้ายๆมาทำให้ไม่สบายใจ พบปะแต่ผู้คนดีๆ เชื่อไหมคะที่คนเขาว่ากันว่า ยิ่งสูงยิ่งหนาว นี่ดิฉันเชื่อเลยนะ ยิ่งตอนที่ดิฉันได้รับเลือกตั้งเป็นนายกสมาคมโรงแรมฯอยู่ 4 ปีด้วยแล้ว สงครามน้ำลายแตกฟอง ทั้งๆที่เราไม่อยากเป็น เพราะต้องทำงานให้ส่วนรวมมันเหนื่อยน่ะ ให้เราดำรงตำแหน่งแล้วอยู่เฉยๆ เราก็ทำอย่างนั้นไม่ได้ แต่ดิฉันนี่ไม่เคยโกรธ เพราะเชื่อว่ามนุษย์นี้มีปากเพื่อพูด มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่คนๆหนึ่งจะพูดแต่เรื่องดีๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นทำให้เรากลายเป็นคนเลว ถูกหรือเปล่าคะ? เพียงแต่เราอย่าไปตกหลุมในอารมณ์นั้น ว่าฉันโกรธเธอ ดิฉันมีความรู้สึกว่านานาจิตตังมากกว่าค่ะ เราทำแบบนี้เราอาจคิดว่าดี แต่คนอื่นอาจมองแล้วคิดต่างไปจากเราก็ได้ เรามองได้หลายแง่หลายมุม ทุกวันนี้ที่รายล้อมใช่ว่าดีหมดทุกคนนะคะ แต่ว่าดิฉันจะเอาแต่สิ่งที่ดีของเขา สิ่งที่ไม่ดีของเขาก็ให้อยู่กับตัวเขา เราอย่าไป take ตรงนั้นมา ซึ่งคนทุกคนมีทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดี ดิฉันเองก็มีสิ่งไม่ดีเหมือนกัน แต่ดิฉันพยายามซ่อนสิ่งไม่ดีไว้ไม่ให้คนเห็น เพื่อไม่ให้คนเกลียดเรา ในขณะเดียวกันคนบางคนเขาอาจไม่ซ่อน ซึ่งเราก็ต้องยอมรับนะคะว่าเป็นธรรมดาของมนุษย์ ไม่มีใครจะดีหมดทุกคน No one is perfect

“โดยธรรมชาติดิฉันเป็นคนไม่ชอบพูดถึงบุคคลที่ 3 คือไม่รับรู้เรื่องใคร ใครพูดเรื่องไม่ดีของคนอื่น ดิฉันจะเฉไฉเปลี่ยนเรื่อง ดิฉันเชื่อว่าอาจเป็นอานิสงส์ที่หวังว่าวันหนึ่งอาจไม่ได้ยินใครว่าอะไรเรา (ยิ้ม) ดิฉันอยู่ของดิฉันเงียบๆ พูดน้อยที่สุดในก๊วนอิ่มจังตังค์อยู่ครบ แก๊งค์เพื่อนสนิทซึ่งทุกคนงงมากว่าดิฉันทำงานประชาสัมพันธ์ได้อย่างไร ไมโครโฟนจ่อปากเมื่อไร…ณิชยาจะอัตโนมัติได้เป็นแก่นเป็นสาร แต่ถ้าเวลาอยู่กับเพื่อนไปทานอาหาร นั่งคุยกันดิฉันจะเงียบเสมอ นี่ไงคะดิฉันถึงบอกไงว่าไม่คิดว่ามาทำงาน PR ได้ไง เพราะอุปนิสัยส่วนตัวคือไม่ช่างพูด ขี้อายมากค่ะ แต่ทุกวันนี้มายืนถ่ายรูปหรา พูดโปรโมทโรงแรมอมารีต้องเป็น spokewoman ดิฉันทำได้ เหมือนถูกเบื้องบนกำหนดมาแล้ว แต่ในที่ประชุม ดิฉันเองก็เป็น Miss Yes. Say “yes” only” พูดน้อยที่สุด (ยิ้ม)

ทำงานมานานขนาดนี้ ผ่านอะไรมามากมาย แต่ก็ใช่ว่าเธอจะแก่กล้าจนไม่กลัวสิ่งใด สิ่งที่ขยาดกลัวก็ยังมี
                “ดิฉันว่าทุกคนกลัวเหมือนกันหมดนะคะ สำหรับคนที่ปากหวานก้นเปรี้ยว แบบเรามองไม่ออก ต่อหน้าเราปากหวานตลอด สวย เก่ง เป็น Idol ทำนองนี้ ซึ่งพอคล้อยหลังกลับเป็นอีกอย่าง ซึ่งดิฉันดิฉันไม่เกลียดเขานะคะ เพราะดิฉันไม่เปิดหูฟังว่าไปว่าอะไรดิฉันข้างหลัง บางทีดิฉันก็ดูออกตั้งแต่ต้นแล้ว เอาความเป็นจริงดีกว่า”

ถึงคุณตุ้มจะมีอะไรที่เธอนึกกลัวอยู่บ้าง การมีครอบครัวที่อบอุ่นด้วยความรักและเอื้ออาทร ก็ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยและเป็นสุขใจเสมอ

“ดิฉันอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ตลอด ไม่เคยแยกบ้าน ดูแลท่านตลอด ตกเย็นต้องพบหน้ากัน เสาร์ อาทิตย์ จะใช้เวลาอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ไปทานข้าวกัน ยิ่งวันอาทิตย์จะไม่รับงานค่ะ จะพาทั้งสองท่านไป dinner ทำนองว่าไปไหนต้องไปด้วยกันยกเว้นสมัยก่อนที่ทำงาน World Trade Centre เดินทางบ่อยในช่วงนั้น ดิฉันคิดเสมอว่าเราอยู่ไม่ได้โดยไม่มีพวกท่าน ดิฉันบอกพวกท่านเสมอว่า “ไปพร้อมกันหมดนะ” เพราะว่าตอนนี้ดิฉันกลายเป็นลูกสาวคนเดียวของครอบครัว พี่สาวและน้องชายได้ลาจากไปเสียแล้ว เป็นความผูกพันที่ดิฉันถือว่าเป็นพระอรหันต์ในใจ

“ดิฉันโชคดีมากค่ะที่มีคุณพ่อคุณแม่เป็นตัวอย่างที่ดี คุณพ่อเป็น Family man ไม่ดื่ม ไม่เที่ยว ไม่คบหาสมาคมกับใครยกเว้นคุณแม่กับลูก ที่สำคัญทำงานตลอด ทุกวันนี้ยังทำอยู่ จะให้เลิกก็ไม่ยอม ก็ดูแลสตูดิโออยู่ ขนาดอายุเกือบ 80 ปีแล้วยังไม่ยอมรามือ ท่านบอกว่าให้ท่านไปอยู่บ้านเฉยๆต้องฝ่อตายแน่เลย ไม่ได้เจอผู้เจอคน ชอบพบปะพูดคุยกับลูกค้า ที่สำคัญคุณพ่อชอบแต่งตัว เป็นผู้ชายที่เนี๊ยบมาก ทั้งเสื้อ กางเกง รองเท้าค่ะ ให้ท่านอยู่บ้านเฉยๆไม่รู้จะแต่งตัวให้ใครดู ดิฉันก็เลยบอกว่าทำเท่าที่ทำได้แล้วกันนะคะคุณพ่อ

“ดิฉันรักครอบครัวมากชนิดที่อธิบายไม่ถูกค่ะ แบบทุกวันนี้ดิฉันทำทุกอย่างเพื่อท่านทั้งสอง เวลาเหนื่อยก็นึกถึงท่านจะโทร.ไปพูดคุยกัน หลังจากวางสายท่านแล้วดิฉันจะรู้สึกมีพลังและเข้มแข็งอย่างถึงที่สุด ถือเป็นแรงบันดาลใจให้เราทำงานหนัก ดิฉันไม่ได้ทำงานเพื่อเงินเพียงอย่างเดียวนะคะ ดิฉันทำงานเพื่ออย่างน้อยให้ใครรู้จักนามสกุลนี้ ดิฉันจะสร้างชื่อเสียงให้ครอบครัว ให้คนอื่นได้รู้ว่าลูกสาวเขามาถึงจุดนี้ เพื่อให้ได้เป็นหน้าเป็นตาของครอบครัว สร้างความปลื้มปิติให้คุณพ่อคุณแม่ ให้ท่านภูมิใจและมีความสุขค่ะ”

คุณตุ้มยึดมั่นและให้ความสำคัญกับสถาบันครอบครัวเป็นอย่างมาก หากเราสังเกตให้ถ่องแท้ถึงบุคคลที่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขหรือประสบความสำเร็จในชีวิต เขาเหล่านั้นเติบโตมากับครอบครัวที่ดี สภาพแวดล้อมหล่อหลอมให้เขาได้คิดดี ทำดี ความสัมพันธ์กับครอบครัวจึงเป็นกระจกสะท้อนในแต่ละบุคคลได้เป็นอย่างดี นอกจากความรักที่มีต่อคุณพ่อคุณแม่แล้ว เธอยังมี เจเจ สุนัขชราตัวโปรดอายุ 15 ปีที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับ
                “รักมาก มันซื่อสัตย์ยิ่งกว่าคนอีกค่ะ คนยังไม่ซื่อสัตย์ขนาดนี้เลยนะ หมานี่ซื่อสัตย์ประเสริฐเลยนะคะเพราะเขาไม่หวังอะไรจากเราเลยนะ ชีวิตเขามีแต่เราคนเดียว บางทีเราหงุดหงิดตีไปก็ไม่โกรธเรานะ วิ่งเอาคางมาวางที่เท้าเรา…วันไหนไปงานกลับบ้านดึกก็จะมานั่งคอยล่ะว่าดิฉันจะมาเมื่อไร แต่ตอนนี้ไม่รู้จะไปหาได้ที่ไหนแล้ว FEEL SAD ก็น้ำตาไหลไปสองวัน ไหลตลอดเวลาที่นึกถึง

“ดิฉันไม่คิดว่าจะต้องรวยเป็นเศรษฐีพันล้าน ชีวิตมีอยู่แค่นี้ก็คงใช้อีกไม่เท่าไร ตายไปก็เอาไปไม่ได้ ขอแค่มีคุณพ่อคุณแม่มีความสุข มีกันแค่นี้ วัตถุภายนอกของแบรนด์เนมอะไรก็มีพอเพียง ขอแค่ทุกวันนี้มีความสุข สุขภาพแข็งแรงพอแล้วค่ะ”

Text: Kittisak Kandisakunanont
Photo: HI-CLASS STUDIO Tel. 089-1132305

Related contents:

You may also like...