ลองสำรวจผิวหนังตามร่างกายดูแล้วจะพบว่าผิวของคนเราจะมีจุดด่างดำ เช่น ไฝ ขี้แมลงวัน (Mole) อยู่บ้างไม่มากก็น้อยแต่ทุกคนต้องมี บางคนถ้านับดูแล้วอาจมีมากกว่า 40 แห่งด้วยซ้ำ คนส่วนใหญ่มักคิดว่าขี้แมลงวันเป็นแค่จุดเล็กๆสีน้ำตาลที่ขึ้นอยู่ตามร่างกาย แต่ในความเป็นจริงแล้วมันสามารถขยายขนาดได้
ขี้แมลงวัน (Mole) จุดเล็กๆสีน้ำตาลเข้มที่ขึ้นอยู่ตามร่างกาย มองดูไม่มีพิษสงอะไร แต่ในความเป็นจริงแล้ว สาเหตุของการเกิดมะเร็งผิวหนัง ส่วนหนึ่งก็มาจากจุดเล็กๆที่ว่านี้บางคนคิดว่าขี้แมลงวันที่เกิดขึ้นบนแก้มของผู้หญิงนั้นเป็นแฟชัน ดูเก๋ไก๋ ดูเย้ายวนหรือที่เรียกกันว่า ไฝเสน่ห์ แต่หารู้ไม่ว่าถ้าสังเกตดีๆขนาดของมันอาจจะใหญ่ขึ้นๆ มีสีเข้มขึ้น บางครั้งจะพบเส้นขนร่วมด้วย ให้พึงระวังไว้ด้วยว่านั่นคือสิ่งที่จะนำมาซึ่งอันตรายต่อร่างกายเรา
ขี้แมลงวันสามารถพบได้ทุกที่ตามร่างกาย อาจจะมีจุดเดียวหรือเป็นกลุ่มขนาดเล็กหรือใหญ่ก็ได้ ส่วนใหญ่จะพบเป็นสีน้ำตาล มักพบได้มากในช่วงอายุ 20 ปี แต่บางคนอาจจะพบหลังจากนั้นก็ได้ โดยเฉพาะถ้าผิวส่วนนั้นต้องสัมผัสกับแดดมากๆก็จะเพิ่มจำนวนขึ้นได้อีก ขี้แมลงวันแต่ละชนิดมีการเจริญเติบโตอย่างเป็นลักษณะเฉพาะตัวของมันเอง แรกๆอาจพบขี้แมลงวันมีลักษณะแบน สีชมพู สีน้ำตาลหรือสีดำ ลักษณะจะคล้ายๆ กระ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ขนาดจะใหญ่ขึ้นๆหรือมีขนงอกขึ้นร่วมด้วย จากนั้นขนาดของมันจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างช้าๆ อาจมีการยกตัวนูนสูงขึ้น มีลักษณะเป็นกิ่ง สีจางลงเล็กน้อย หรืออาจจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยก็มี จึงดูเหมือนว่ามันจางหายไป ซึ่งลักษณะอาการเหล่านี้จะมีการเปลี่ยนแปลงไปจนกระทั่งอายุ 50 ปี
ขี้แมลงวันบางชนิดจะมีสีดำมากขึ้นเมื่อโดนแดดหรือในระหว่างช่วงวัยรุ่น การรับประทานยาคุมกำเนิด การตั้งครรภ์ ก็มีผลทำให้ขนาดของมันใหญ่ขึ้นและมีสีเข้มมากขึ้นด้วย แต่สิ่งที่คนเรากลัวกันก็คือ เมื่อมันเกิดมาแล้วมันจะเป็นอันตรายต่อร่างกายของคนเราหรือไม่ นั่นก็หมายความว่ามันอาจจะทำให้เกิดมะเร็ง(Malignant melanoma) ก็ได้ แล้วจะรู้ได้อย่างไร และควรทำอย่างไร วิธีสังเกตก็คือถ้าพบว่าขี้แมลงวันมีขนาดใหญ่มาก มีผิวขรุขระ โดยเฉพาะถ้าโดนแสงแดดร่วมด้วย โอกาสที่จะเกิดมะเร็งผิวหนังก็มีสูง หากขี้แมลงวันนั้นเป็นมาตั้งแต่กำเนิด(Congenital nevi) และมีขนาดโตขึ้นเรื่อยๆใหญ่กว่าปกติ (Dysplastic nevi or atypical moles) อาจจะโดกว่ายางลบดินสอ ขนาดของจุดที่เราพบสีผิวจะไม่เท่ากันและในแต่ละจุดสีจะไม่เรียบเสมอกัน ถ้าหากพบลักษณะดังที่กล่าวมาข้างต้นนี้แล้วหรือไม่แน่ใจก็ควรไปปรึกษาแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นจุดอะไรก็ตามที่ขึ้นตามใบหน้าหรือลำตัวก็ควรจะสังเกตไว้ก่อน ถึงแม้ว่าไม่ค่อยสนใจในเรื่องความสวยความงามมากนักแต่ถ้ามันเกิดเป็นโรคที่ร้ายแรงขึ้นมาจะได้รีบรักษาแต่เนิ่นๆ แม้ว่าโอกาสเกิดมะเร็งผิวหนังของคนในบ้านเมืองเราจะยังมีเปอร์เซ็นต์การเกิดน้อยอยู่ก็ตาม
สำหรับผู้ที่ต้องการกำจัดออก ก็สามารถทำได้เนื่องจากมีเทคโนโลยีในการรักษาที่เจริญก้าวหน้าขึ้นมาก มีตั้งแต่การใช้ยาอย่างเดียว การใช้ยาร่วมกับการกำจัดออกด้วยเลเซอร์ สำหรับเลเซอร์ที่ใช้กำจัดขี้แมลงวันนั้นก็มีอยู่หลายชนิดด้วยกัน เช่น Co2-lasers , Erbuim , ND-yag , Ruby ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะรอยที่เกิดและประสบการณ์ของแพทย์ที่ทำการรักษา ล่าสุดมีการใช้แสง Intense Pulse light (IPL) (ลักษณะของแสงจะคล้ายแสงเลเซอร์แต่ใม่ไช่เลเซอร์) ช่วยในการรักษา ซึ่งการรักษาดังกล่าวแผลก็จะหายเร็ว ผลข้างเคียงน้อยมาก แทบจะไม่มีรอยแผลปรากฏให้เห็นเลย ตอนยิงแสงจะแค่รู้สึกร้อนๆอยู่บ้างเล็กน้อยเท่านั้น
Thanks to image from : http://farm5.static.flickr.com/4046/4441279041_58c389b797_b.jpg