ดอกไม้เหล็กในป่าอสังหาริมทรัพย์
ไม่ว่าหญิงหรือชาย หากสามารถประสบความสำเร็จจากการฝ่าฟันด้วยตนเองย่อมรู้สึกหอมหวนกับชัยชนะที่ตนได้รับเป็นรางวัลของชีวิต เช่นเดียวกับเส้นทางของดอกไม้เหล็กที่ชื่อ ศุภรัชฏ์ วีระกุล Vice President ฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) อุปสรรคที่เธอผ่านมานั้นเปรียบเสมือน ‘วัคซีนชีวิต’ ชั้นยอด จนทำให้ผู้ชายหลายคนยอมยกนิ้วให้กับชีวิตต้องสู้ของสาวแกร่งผู้นี้ ซึ่งหนึ่งในนั้นรวมถึงเจ้านายคนเก่งอย่างอนันต์ อัศวโภคิน ในฐานะผู้ชักนำเธอให้ก้าวเข้ามาเป็นกำลังสำคัญของแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จนทำให้องค์กรแห่งนี้กลายเป็นสถาบันอสังหาริมทรัพย์อันดับต้นๆของไทย
ไฮคลาส : เส้นทางชีวิตของหญิงแกร่ง
ใครๆ ก็ชอบเรียกแบบนี้ แต่เส้นทางชีวิตของดิฉันก็ธรรมดานะคะ จบราชินี มศ.5 เอ็นทรานซ์ติดคณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ เรียนปริญญาโท Executive MBA ที่จุฬาฯ ก่อนมาอยู่แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ดิฉันทำงานมาทั้งหมด 14 ที่ ดิฉันเป็นคนที่เปลี่ยนงานบ่อยมาก เพราะเป็นคนไม่ชอบอยู่นิ่ง อะไรที่เรารู้สึกว่างานนี้เราเรียนรู้แล้ว จบแล้ว เบื่อแล้วก็จะเลิก หางานใหม่ทำไปเรื่อยๆ เป็นคนที่ชอบความท้าทาย ตอนอยู่มหาวิทยาลัยจึงทำหมดทุกอย่าง ออกค่ายอาสาฯ กิจกรรมนู่นนี่เยอะไปหมด
ไฮคลาส : ทราบว่าทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย
บ้านดิฉันเป็นครอบครัวขนาดกลาง ไม่ร่ำรวย สมัยที่ดิฉันเรียนโรงเรียนราชินีมีปัญหาเศรษฐกิจ จึงต้องหาเงินเรียนหนังสือเอง จนติดมากระทั่งเรียนมหาวิทยาลัยยังทำของขายหาเงินเป็นค่าเล่าเรียนให้น้อง เพราะน้องอีกคนสอบติดม.เกษตรศาสตร์ ส่วนอีก 2 คนยังเรียนอยู่เซนต์คาเบรียล
อีกปัจจัยหนึ่งเพราะพ่อแม่แยกทางกัน แม่เป็นลูกคนจีนซึ่งไม่ได้เรียนหนังสือเยอะ ไม่มีงานทำนอกจากเย็บเสื้อโหล เราเป็นพี่คนโตจึงต้องหาเงินเรียนและส่งเสียให้น้องเรียน แล้วคิดดูว่าโรงเรียนอย่างราชินี เซนต์คาเบรียล ค่าเทอมแพงมาก…จึงต้องดิ้นรนหาเงิน
เรายังเด็กอยู่ ก็ทำไปตามกำลังของเรา วิธีการมองโลกไม่ยากเลยนะ มองโลกแง่บวกก็จบแล้ว อย่าคิดว่าทุกสิ่งเป็นปัญหา ถ้าเราคิดว่ามันเป็นแค่ก้อนหินเล็กๆ ที่ขวางทางเดิน เราก็แค่ยกมันออกไปแล้วเดินต่อก็จบ แต่ถ้ามองว่าเป็นกำแพง ถึงอย่างไรก็ไม่มีทางข้ามมันไปได้เพราะมันจะปิดทางเดินเราไปเสียทุกด้าน
ไฮคลาส : ทราบว่าเคยเข็นรถขายก๋วยเตี๋ยวเป็ดด้วย
ตอนอยู่จุฬาฯ ช่วงเช้าก่อนไปเรียนหนังสือ ด้วยความที่ดิฉันชำนาญการทำก๋วยเตี๋ยวเป็ดจากการทำกินเองที่บ้าน จึงไปหารถเข็น แล้วโชคดีที่มีแฟลตตำรวจของเพื่อนอยู่แถวสวนพลู จึงไปฝากรถเข็นไว้กับเขา พอถึงเวลาก็เตรียมวัตถุดิบแล้วเข็นขาย เสร็จแล้วก็มาเรียนหนังสือ ทำอยู่ประมาณ 2 ปี หลังจากนั้นก็มาทำอย่างอื่นเช่นเย็บกระเป๋าเป้ขายแถวอนุสาวรีย์ชัยฯ ซึ่งทำมาเรื่อยจนเรียนจบ
ไฮคลาส : นิสิตจุฬาฯ ส่วนหนึ่งค่อนข้างไฮโซ คุณมีทัศนคติอย่างไรกับการทำงานพวกนั้น
มันไม่เหมือนกัน เพราะต่างคนต่างเกิดมาในครอบครัวที่ซัพพอร์ตไม่เหมือนกัน คนที่เขาไม่ต้องทำงาน ไฮโซใช้ของแบรนด์เนมก็เป็นสิทธิในชีวิตเขา แต่เรามีสิทธิที่จะเลือก ว่าอยู่เฉยๆ ติดสอยห้อยตามกลุ่มเหล่านั้น หรือว่าเราจะช่วยเหลือตัวเอง มันอยู่ที่เราคิดว่าแบบไหนคือสิ่งที่ถูกต้อง แล้วเราก็ทำสิ่งที่ถูกต้องกว่า เพื่อนๆ ก็รู้นะ เราสนุกกับสิ่งที่ทำ ไม่ได้คิดว่าเป็นปัญหา
ไฮคลาส : เรียบจบแล้ว เปลี่ยนงานมา 14 บริษัท ทำอะไรมาบ้าง
เยอะมากเลยนะ งานทีวีเป็นผู้สื่อข่าวก็ทำมาแล้ว ช่อง 9 ก็ทำ งานนิตยสารก็ทำ ขายทองก็ทำเพราะตอนนั้นมีการเล่นราคาทอง ต่อมาก็ทำประกันชีวิต ไปร้องเพลงในคอฟฟี่ช้อป คืนหนึ่งวิ่งรอกประมาณ 2-3 ที่ ก็เรียกได้ว่าล้มลุกคลุกคลาน เพราะคนที่จบใหม่ๆ ถ้าเราไม่มีเส้นมีสายมันก็ต้องเป็นแบบนี้แหละ ต้องไปหางานตามบริษัทต่างๆ แต่ไม่ท้อนะ สนุกดี
ไฮคลาส : คุณเป็นคนประเภท One Girl Show
ใช่ๆ เพราะว่าไม่ค่อยติดเพื่อน ไลฟ์สไตล์เราไม่เหมือนเพื่อน เพื่อนเขาก็จะมีกิจกรรมตามประสาวัยรุ่น ไปเที่ยวเป็นกลุ่ม แต่เราไม่มีเวลาที่จะไปทำอย่างนั้น เราต้องเอาเวลาของเรามาทำให้เกิดคุณค่าอย่างเช่นทำงานให้ได้เงินมา ฟังดูแล้วมันเศร้านะ (หัวเราะ)
ไฮคลาส : ตอนนั้นความฝันของคุณคืออะไร
ฝันว่าอยากมีงานดีๆ ทำ ดิฉันเป็นคนที่ทำจากสั้นๆ ก่อนแล้วค่อยเขยิบไปเรื่อยๆ แค่อยากมีงานดีๆ ที่มั่นคง
ประสบการณ์ชีวิตสอนให้เรารู้ว่าทุกปัญหามันไม่น่ากลัว มันมีทางแก้ และทุกโจทย์มันมีความเป็นไปได้ที่จะทำหมด มันอยู่ที่เราคิดจะทำมันแค่ไหน และเราจะทำมันได้กี่เปอร์เซ็นต์ ถ้าเราคิดว่าทำไม่ได้ อย่างนี้ไม่ได้หรอก ยังไงก็ไม่ได้ มันก็ไม่ได้ตามที่คุณคิด แต่ถ้าเราคิดว่ามันทำได้สิ เพียงแต่ว่ามันจะได้กี่เปอร์เซ็นต์ แล้ววันต่อๆ ไปมันจะได้เปอร์เซ็นต์ที่มากขึ้นกว่านี้รึเปล่า ซึ่งมันก็เป็นเช่นนั้น ประสบการณ์สอนดิฉันว่าไม่มีอะไรที่ยากไปกว่าการชนะความคิดของตัวเอง ถ้าหากว่าเราท้อตั้งแต่แรกอย่างไรก็ไม่มีทางชนะ
ไฮคลาส : จนได้เข้ามาสู่ชายคาของแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์
ก่อนเข้ามาแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ดิฉันอยู่บริษัท ฟาร์อีสต์ แอดเวอร์ไทซิ่ง ทำโฆษณามาก่อน โดยก่อนมาทำโฆษณาดิฉันก็เป็นฟรีแลนซ์ทำงานก๊อปปี้ไรท์เตอร์ เป็นครีเอทีฟ อยู่เอเจนซี่เล็กๆ แล้วได้มารู้จักคนที่ฟาร์อีสต์ฯ ออกจากบริษัทเก่ามาสมัครเป็นกลุ่ม แต่ทางฟาร์อีสต์ฯ รับดิฉันคนเดียว โดยสินค้าที่เราถืออยู่คือแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ทำให้มาพบคุณอนันต์ อัศวโภคิน ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บมจ.แลนด์ อนด์ เฮ้าส์
คุณอนันต์ชอบวิธีการทำงานของเรา 2 ปีผ่านไปจึงชวนว่า “มาทำงานด้วยกันไหม” ดิฉันจึงถามกลับไปว่าทำไมต้องการดิฉัน ดิฉันจะช่วยอะไรได้ สมัยก่อนแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มีกลุ่มการตลาดเล็กๆ ซึ่งแต่ละกลุ่มสามารถใช้งบโฆษณาของเขาเองได้ ตอนนั้นคุณอนันต์มีความคิดว่าอยากรวมเป็นศูนย์กลาง แล้วหาคนคนหนึ่งมาบริหารจัดการการทำโฆษณาของแลนด์ฯ โดยที่แต่ละกลุ่มไม่ต้องแตกแยก เพราะการแตกออกเป็นกลุ่มๆ จะทำให้ Learning Curve ไม่เกิด สมมติกลุ่มนี้ทำแบบนี้แล้วไม่เวิร์ค กลุ่มอื่นๆ ไม่รู้ข้อมูลก็แบบนี้ซ้ำๆ เท่ากับว่าเม็ดเงินก็ยิ่งกระจายออกไป ในแง่ของฐานข้อมูลไม่ได้ส่งผ่านถึงกัน จึงเป็นเหตุของการชักชวนครั้งนั้น แต่กว่าจะออกมาจากฟาร์อีสต์ฯ ก็ต้องใช้เวลา 1 ปีในการเคลียร์งาน เพื่อไม่ให้เสียทั้งสองฝ่าย
ดิฉันเข้ามารับผิดชอบด้านภาพลักษณ์ของแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ การสื่อสาร เข้ามาตอนปี 2538 ซึ่งเป็นปีที่ยอดขายของแลนด์ฯ ตกที่สุดตั้งแต่ตั้งมา เพราะเริ่มเข้าสู่วิกฤตเศรษฐกิจ ดิฉันอยู่กับแลนด์ฯ จนผ่านช่วงวิกฤต โบนัสไม่มี เงินเดือนไม่ขึ้น แต่เราก็สามารถผ่านพ้นไปได้สำหรับงานที่เราได้รับมอบหมาย
ไฮคลาส : เริ่มทำ Internet Mageting…
มันเริ่มมาจากว่า (ทำท่าคิด) พูดแล้วมันก็เหมือนพาดพิงสื่อนะ เราก็รู้กันว่าบางสื่อ เวลาเราลงโฆษณาสักครั้งหนึ่งเหมือนออกรถป้ายแดงหนึ่งคันแล้วมันก็หายไปหนึ่งวัน แต่จำเป็นต้องลงเพราะเป็นสื่อที่ให้ผลตอบแทนที่สุดแล้วและอยู่มายืนนาน เรามานั่งคิดว่าในช่วงวิกฤตนั้น ในขณะที่ทุกอย่างมันลดต่ำลง คุณอนันต์ก็ชูเรื่องบ้านสร้างเสร็จก่อนขายขึ้นมา แล้วดิฉันก็มานั่งคิดเรื่องสื่อที่จะนำเสนอ ช่วงนั้นอินเตอร์เน็ตกำลังมาแต่ไม่ถึงขั้นบูมมาก จึงเสนอไอเดียต่อคุณอนันต์ว่า น่าจะทำเว็บไซต์เกี่ยวกับบ้าน สร้างสื่อของเราเอง จนเกิดเป็นเว็บไซต์ชื่อ www.homedd.com เป็นสื่อออนไลน์สำหรับทุกอย่างที่เกี่ยวกับบ้านเมื่อปี 2000
เพราะเรามองว่าเทรนด์คนที่ใช้อินเตอร์เน็ตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก่อนหน้านั้นเราเคยมีเว็บไซต์ www.lh.co.th เพียงแต่ว่าเรามีเร็วเกินไป และยอดมันน้อยมาก เหมือนเน้นองค์กรมากเกินไป แต่เว็บไซต์นี้เป็นสื่อจริงๆ และเป็นเชิงมวลชนมากกว่า มีเนื้อหาครอบคลุมวงจรชีวิตของคนตั้งแต่คิดจะซื้อบ้าน อยากตกแต่ง อยากจัดสวน อยากดูฮวงจุ้ย จนเบื่อแล้วอยากประกาศขาย รวมทั้งมีเว็บบอร์ดเป็นฟอรั่มให้แสดงความคิดเห็น ซึ่งทำให้เรารู้ว่าความต้องการบ้านของกลุ่มเป้าหมายเป็นอย่างไร ต้องการบ้านประเภทไหน เซกเมนต์ไหน และโซนไหน เพราะเราดูได้จากการเสิร์ช มีการเก็บสถิติว่าหน้าไหนถูกเรียกดูเยอะที่สุด โปรดักส์ประเภทไหนถูกเรียกดูเยอะ โซนนิ่งไหนถูกเรียกดูเยอะ การประกาศขาย เราดูรู้ว่าบ้านมือสองในทำเลไหนที่ไปได้ดี
ดิฉันไม่ได้เรียนด้านการตลาดมาเลย อาศัยว่าตั้งแต่เด็ก เราเป็นคนที่ต้องหาช่องว่างทำให้เกิดรายได้ให้มากที่สุด ก็เหมือนกับสอนเราไปในตัวว่า ให้เรามองทุกอย่างให้เป็นประโยชน์ ว่าจะทำอย่างไรถึงเกิดช่องว่างที่ทำให้มีรายได้และเป็นประโยชน์ ซึ่งมันก็มาจากข้อมูลที่เราศึกษาพฤติกรรม ยกตัวอย่างสมัยเรียนมหาวิทยาลัย คนที่เข้าเรียนใหม่ๆ สมุดแลคเชอร์จะเป็นที่นิยมมาก สมุดแลคเชอร์ลายเก๋ไก๋ขายดีมาก ตอนดิฉันอยู่ มศ.4 จึงทำสมุดแลคเชอร์ไปขายนักศึกษามหาวิทยาลัย คือเราต้องมองว่า ณ จังหวะเวลานั้นอะไรที่กำลังเป็นที่ต้องการ
บางคนบอกว่าการตลาดมันยาก ดิฉันก็ตอบว่ามันยากตรงไหน (เน้นเสียง) จะบอกว่ามันสั่งสมจากการอ่านหนังสือก็ไม่ใช่นะ ไม่ชอบอ่านหนังสือที่สุด แต่เป็นคนชอบเขียนหนังสือ แปลกไหม ยิ่งหนังสือพิมพ์ยิ่งไม่ชอบอ่าน ด้วยเหตุผลที่งี่เง่ามากคือเป็นคนที่เหงื่อเยอะ เวลาจับหนังสือพิมพ์หมึกมันจะติดทำให้ไม่ค่อยชอบ เมื่อมีอินเตอร์เน็ตชีวิตก็ดีขึ้น คืออ่านจากหน้าจอ
ไฮคลาส : ทำงานกับคุณอนันต์ซึ่งเป็นคนเก่งมากๆ เป็นอย่างไรบ้าง
สนุกค่ะ สนุกมากๆ เลย คุณอนันต์เป็นคนคิดก้าวไกล เป็นคนที่ไม่ได้อยู่ในตำรา เป็นคนประเภทที่เกิดมาเพื่อสิ่งนี้เลยนะ ไม่ใช่ว่าศึกษาตำราแล้วแตกฉาน แต่เป็นคนที่คิดได้เอง สิ่งที่เขาพูดคือสิ่งที่ฝรั่งเอามาเขียนตำราต่อทั้งนั้นเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง CRM, Mass Customize อย่างแคมเปญบ้านสร้างเสร็จก่อนขาย ตอนที่ทำไม่มีใครเชื่อเลยว่าจะสำเร็จ คุณอนันต์เป็นคนที่เปิดรับความคิดใหม่ๆ เมื่อเหตุผลหรือความเห็นไม่ตรงกันเขาก็ฟัง ถ้าเรามีเหตุผลที่ดี รู้สึกว่าสิ่งที่เราเรียนรู้ได้ไม่รู้จักจบสิ้นนี่แหละที่ทำให้เราอยู่ที่แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เป็นปีที่ 12 แล้ว จากคนที่เปลี่ยนงานมา 14 ที่ มันไม่ควรจะอยู่ที่นี่นานขนาดนี้
ไฮคลาส : ชีวิตการทำงานในหนึ่งรอบนักษัตรเจออะไรมาบ้าง
เจอเยอะมาก หลายอย่าง เริ่มจากวิกฤตฯ หนึ่งรอบ เรียนรู้ว่ามีหนทางที่จะผ่านพ้นจุดนั้นไป มีผลงานหลายชิ้นที่ทำแล้วสำเร็จหลายอย่าง เช่น ก่อนที่จะมาเป็นแคมเปญบ้านสร้างเสร็จก่อนขาย ทุกโครงการเป็นบ้านสั่งสร้างหมด ต้องดาวน์ก่อน ผ่อนทีละงวด แต่ช่วงวิกฤตนั้นธนาคารไม่ปล่อยกู้ บ้านที่สร้างเสร็จแล้วจึงโอนไม่ได้ประมาณ 200 กว่าหลัง จะทำอย่างไร…เงินบริษัทก็ไม่มี คุณอนันต์ก็ให้ไปคิดว่าจะทำอย่างไรให้ขายได้ เราก็คิดแคมเปญออกมาว่าเป็นบ้านหลุดดาวน์ แต่ละหลังดาวน์มาไม่เท่ากัน ฉะนั้นหลังไหนดาวน์มามากก็มีหลังนั้นแค่หลังเดียว ชอบหลังไหนให้ไปดูเลย ตอนนั้นขายดีมาก 200 หลังหมดภายในครึ่งวันเช้าโดยลูกค้ามานอนค้างที่ที่จอดรถเพื่อที่จะรับบัตรคิวเป็นคนแรก
ไฮคลาส : มองวันนั้นเทียบกับสถานการณ์ปัจจุบัน
วงการอสังหาริมทรัพย์มีการแข่งขันที่สูงขึ้นจากหลายๆ บริษัท เรื่องของไลฟ์สไตล์กลุ่มเป้าหมายก็เปลี่ยนไป ตอนนี้เทรนด์ของคนดูที่ภาพลักษณ์ คือประสบการณ์ที่ตัวเองจะได้เมื่อซื้อแบรนด์นี้ เมื่อไปอยู่กับแบรนด์นี้ และไลฟ์สไตล์ของเขาเข้ากับกับแบรนด์นี้ขนาดไหน สายสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับลูกค้ามันต้องมี มันเปลี่ยนไปเยอะนะคะ
ไฮคลาส : จึงนำมาสู่การปรับตัวของแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์
เราทำรีแบรนด์ดิ้งเมื่อสองปีที่แล้ว เนื่องจากว่ามีการทำรีเสิร์ชออกมา ว่าแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ภาพลักษณ์เป็นคนแก่ เชย ไม่ทันสมัย แบรนด์นี้อยู่มา 30 กว่าปีแล้ว คนมักนึกว่าแก่ เชย และหน้าตาบ้านเราถึงแม้จะเป็นบ้านสร้างเสร็จก่อนขาย เป็น Mass Cutomize แล้วก็ตาม มันก็มีความเหมือนๆ กัน เราไม่ได้ทำเป็น Nich Market เชื่อไหมคะว่าลูกค้าหลายคนไม่รู้ว่าเราขายบ้านราคาไม่ถึง 3 ล้าน แบบบ้านเดี่ยวสำหรับครอบครัวเริ่มต้นที่ไม่ถึง 3 ล้าน ผลรีเสิร์ชระบุว่ามีคนไม่รู้เยอะมาก เราจึงบอกว่าจะปล่อยไว้อย่างนี้ไม่ได้แล้ว ต้องมีการรีแบรนด์ดิ้ง ปรับเปลี่ยนเอเจนซี่ใหม่
ไฮคลาส : ก้าวต่อไปขององค์กรในส่วนความรับผิดชอบของคุณ
อย่างที่บอกมา ดิฉันทำเรื่อง Internet Marketing มันเป็นสื่อที่เราจะต้องทำให้มันเกิดยอดขาย ตอนนี้บอกได้เลยว่าสิ่งที่เกิดผลสำเร็จที่สุดและทำให้คุ้มกับค่าใช้จ่ายที่สุดก็คือ ยอดจองต่อหัวถูกที่สุดคืออินเตอร์เน็ต ปัจจุบันยอดขายบ้านจากอินเตอร์เน็ตเป็นสื่อแรก เข้ามารู้จักแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จากสื่ออินเตอร์เน็ตเลย แล้วค่อยไปแวะที่ไซต์งานโครงการ เราขายบ้านได้จากสื่ออินเตอร์เน็ต 20% ของยอดขาย ปีที่แล้วได้ 19,000 ล้าน เราขายบ้านผ่านสื่ออินเตอร์เน็ตได้ประมาณ 2,000 กว่าล้านนะ ขณะที่ต้นทุนน้อยมาก
ไฮคลาส : ค่าวัสดุก่อสร้างและค่าน้ำมันส่งผลกระทบรุนแรงขนาดไหน
ทำให้ราคาสูงขึ้นแน่นอน ซึ่งก็เป็นไปตามกลไกการตลาดแหละ ถามว่าถ้าคนเรารักกันมันจะเลิกไหมถ้าราคาน้ำมันขึ้นกับข้าวสารแพงก็ยังต้องรักกันอยู่ ฉันใดก็ฉันนั้น คนที่จะแต่งงานมีครอบครัวเขายังต้องซื้อบ้าน ตัวนี้มีผลไหม…ใช่มันมีผลสำหรับผู้ที่ซื้อเพื่อเก็งกำไรที่จะหายไป เหลือแต่ผู้ที่ต้องการซื้อจริงๆ
ไฮคลาส : ความยากของงานสื่อสารองค์กรคืออะไร
มันเป็นเรื่องของ Brand Communications และมันก็มีหลายความยาก เราต้องทันยุคทันสมัยกับคนรุ่นใหม่ เพราะเดี๋ยวนี้อายุไม่ใช่สิ่งสำคัญ เราไม่ได้มองความเป็นคนรุ่นใหม่ที่อายุ แต่ด้วยรสนิยมกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตมากกว่า ที่จะตีความการเป็นคนรุ่นใหม่ แล้วคนรุ่นใหม่เขาไม่ได้ติดเรื่องของแบรนด์มาก เขาดูแค่ว่าอันไหนที่มันใช่ เขาก็จะเลือก
ไฮคลาส : หนักใจไหมที่ปัจจุบันมีคู่แข่งเพิ่มมากขึ้น
ไม่หนักใจนะ เพราะว่าการที่เรามีตัวเลือกมากขึ้นมันเป็นสิ่งที่ดี พิสูจน์ให้เขาเห็นว่าตัวจริงน่ะคือใคร
ไฮคลาส : พูดแบบนี้เรียกว่าท้าชก
ดีนะ ดีเลย คนเก่งมันเก่งกันคนละอย่าง คนที่เป็นตัวจริงเขาไม่พูดมากแต่เขาทำเยอะ ซึ่งแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ก็เป็นแบบนั้น มันเป็นทั้งข้อดีและข้อเสีย เพราะว่าเราพูดไม่เก่งและเราไม่นิยมพูด เรานิยมทำ แต่บางครั้งคนที่พูดเก่งจะมีชัยกว่าคนที่ทำเยอะ เราเห็นหลายๆ อย่างในสังคม ไม่ใช่แค่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แต่มีหลายๆ อย่างที่พิสูจน์ได้ว่าคนพูดเก่งมีชัย ทีนี้มันอยู่ที่ว่าพูดเก่งแล้ว เมื่อคนลองไปใช้ ได้อยู่อาศัยหรือเลือกซื้อแล้วจะเกิดความรู้สึกว่า เออ มันจริงอย่างที่เขาพูดรึเปล่า
ไฮคลาส : ปัญหาซับไพรม์ในอเมริกามีโอกาสเกิดขึ้นกับเมืองไทยไหม
สำหรับประเทศไทยดิฉันคิดว่ามันยากนะที่จะเกิดขึ้นกับบ้านเดี่ยว แต่ในกลุ่มคอนโดฯ ห่วงอยู่เหมือนกัน จากที่เต็มถนนสุขุมวิท ตอนนี้ลามมาลาดพร้าว แถวบ้านดิฉันมีเป็นร้อยเลย กำลังจะบอกว่าคอนโดฯ เป็นแบบที่ขายใบจองต่อกันเลยนะ 3 ปีที่ผ่านมาคอนโดฯ โตเร็วมากเยอะมาก แต่เมื่อลงไปดูจริงๆ ก็จะมีพวกหน้าเดิมๆ ที่ไปซื้อเก็งกำไร ทุกคนคิดเหมือนกันว่า ซื้อสิดีนะ ซื้อแล้วปล่อยเช่า จะมีใคร (เน้นเสียง) มาเช่า
ไฮคลาส : งานหนัก แล้วแบ่งเวลาให้กับตัวเองและคนรอบข้างอย่างไร
ดิฉันมีเวลาว่างเยอะนะ ดิฉันเป็นคนทำงานเร็ว บวกกับเรามีลูกน้องเก่งๆ เยอะ เราต้องรู้จักดูแลคนที่เขาเก่งๆ ให้ช่วยแบ่งเบาภาระ บางครั้งต้องให้ไอเดียเขาบ้าง ซึ่งตัวนี้เรามีคนมาช่วยทำงานเยอะ ไม่น่าเป็นห่วง เพียงเราตามให้ได้ทันในเวลา เราก็คิดเรื่องกลยุทธ์ของเราไป ที่สำคัญนะคะ บางคนเกิดมาเป็น One man show ซึ่ง One man show อยู่ในโลกนี้ไม่ได้ การทำงานที่จะให้ประสิทธิผลก็คือต้องเป็นทีมเวิร์คที่ดี และเราจะต้องรู้จักสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนที่ทำงานกับเราด้วย ทำให้เขารู้สึกสนุก นี่คือผลงานของเขา มันไม่ใช่แค่เงินอย่างเดียว เงินมันมีส่วนแค่ช่วงอายุหนึ่งเท่านั้นแหละ แต่หลังจากนั้น…มันก็ยังมีส่วนอีกนะ (หัวเราะ) แต่มีอะไรที่มากกว่านั้น คือสิ่งที่ตอบสนองความต้องการภายในที่มีอยู่ในตัวแต่ละคนได้ คือการยอมรับ การได้ภาคภูมิใจ เห็นผลสำเร็จจากสิ่งที่ตัวเองคิด สิ่งที่ตัวเองทำ
ไฮคลาส : การหย่าร้างของคุณพ่อคุณแม่ทำให้คุณมองความรักแตกต่างไปไหม
โอ้โฮ ถามเหมือนดาราเลย เปลี่ยนไปนะบอกตรงๆ ว่าตั้งแต่ช่วงที่สมควรจะมีแฟนเราก็ไม่กล้า กลัว และทำอย่างไรก็ได้ทำตัวเราให้ดีที่สุด ทำตัวเราให้ทำได้เกือบทุกอย่าง จึงเป็นสิ่งที่อาจจะทำให้ผู้ชายกลัวเราไปเลย ไม่เชิงเก่งเกินไปแต่ประมาณว่าเธอไม่มีฉันเธอก็อยู่ได้ จึงเป็นที่มาของการที่เราต้อง…(เน้นเสียงทีละคำ) อยู่คนเดียวจนถึงทุกวันนี้ เพื่อนๆ ไม่ต้องแนะนำหรอกนะ แฟนดิฉันเยอะ (หัวเราะ ฮาครืน)
ไฮคลาส : งานอดิเรก
ตอนที่มี AF ดิฉันก็ดูนะ ตามดูทุกซีซั่น เปรียบเทียบว่าซีซั่นนี้จุดเด่นคืออะไร แล้วเทรนด์จะไปถึงขนาดไหน ดิฉันเป็นคนที่หาความสุขใส่ตัวได้ง่ายมาก อย่างเช่นเวลาดูโฆษณาก็จะคิดว่ามันจะประสบความสำเร็จไหม หนังก็ชอบดูนะ ช้อปปิ้งก็มีบ้าง แต่ที่ชอบคือหาอาหารอร่อยๆ ทาน แล้วไปออกกำลังกาย เล่นโบว์ลิ่งหรือยิงธนู
ไฮคลาส : การพึ่งตัวเองเคยทำให้คุณท้อแท้กับปัญหาบ้างไหม
พึ่งตัวเองตลอด โชคดีที่มีเพื่อนเยอะ เพื่อนที่เราคอยให้คำปรึกษา ความท้อแท้มันก็มีนะ ปกติต้องมี แต่ก็คิดว่าพรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว จะมาอะไรกันมาก มันต้องก้าวไปเรื่อยๆ
ไฮคลาส : นี่น่าจะเป็นลักษณะของผู้นำที่ดี…
ดิฉันคิดว่าผู้นำจะต้องรู้จักสร้างแรงบันดาลใจให้คนรอบข้างสนุกที่จะไปกับเรา เหมือนเราเป็นแม่ทัพ ถ้าเราวิ่งไกลเลยกองทัพเราไป เราก็อาจถูกฆ่าตายกลางสนามรบได้ ดังนั้นถ้าไปก็ไปด้วยกัน อย่างน้อยไม่ต้องติด แต่อยู่ห่างๆ ในระยะปลอดภัย
ไฮคลาส : แล้วในกรณีของผู้นำประเทศ…
(หัวเราะ) ต้องสารภาพนะว่าดิฉันบาดเจ็บกับการเมืองมาก เราเห็นสงครามของคำพูด แต่ถามว่าจะหาผู้นำแบบที่คิดไว้ในอุดมคติจะมีไหมในโลก มันยากมากเลยนะ อย่างคนที่เก่งงาน เก่งคน เก่งคิด แล้วยังจะต้องมีคุณธรรมอีก มันไม่มีในโลกนี้
ไฮคลาส : หากต้องเลือกระหว่างคนเก่งงานมีคุณธรรมประปราย กับคนที่คุณธรรมสูงส่งแต่งานเดินอยู่กับที่
ดิฉันเลือกแบบแรกดีกว่า คุณธรรมประปรายแต่เก่งงาน เพราะนำพาประเทศให้เจริญรุ่งเรืองได้ แต่ถ้าคุณธรรมเก่งก็ต้องตั้งเป้าหมายประเทศว่าต่อไปนี้ประเทศไทยเราจะเป็นผู้นำทางด้านเผยแพร่ศาสนา อันนี้โอเค แต่มันต้องเปลี่ยนเป้าหมายประเทศว่าจะไปอย่างไร
ไฮคลาส : คุณเป็นคนที่ทำงานหนัก แต่แต่งตัวเก่ง บริหารสิ่งเหล่านี้อย่างไร เพราะผู้หญิงที่ทำงานเก่งมักจะละเลยบางอย่างในชีวิตไป
เราอย่าไปคิดว่าเราอายุเยอะ ดิฉันเป็นคนชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อย่างเช่นวัยรุ่นเขาไปที่ไหนกัน ฟังเพลงอะไร เราอยากรู้ เพราะมันคือสิ่งที่เรานำมาใช้กับงานได้ มันคือไลฟ์สไตล์ของคน และเราสนุกกับงาน มันก็ไม่เห็นจะยาก อย่างบางคนดิฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมทำงานสองทุ่มสามทุ่มยังไม่กลับบ้าน ดิฉันก็ทำนะ เรามีโน้ตบุ๊คก็ต้องเปิดดู สำหรับแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เริ่มฮิตมาตั้งแต่ปี 2000 ดิฉันยังคิดว่ามันเวิร์คมากเลยนะ สามารถทำเป็น Vertual Office ได้เลย เมื่อมีโน้ตบุ๊คเครื่องหนึ่ง อยากทำงานก็เปิดเข้าไปดูไปทำงาน ดิฉันมี 3 เว็บไซต์คือ www.homedd.com, www.lh.co.th และเว็บฯ ใหม่ที่เพิ่งแถลงข่าวเปิดตัว www.my1sthome.in.th เป็นเว็บไซต์สำหรับคนซื้อบ้านหลังแรก เราก็ต้องเข้าไปดูความเคลื่อนไหว หรือดูเว็บฯ อื่นๆ ที่น่าสนใจ เดี๋ยวนี้ข้อมูลข่าวสารมันง่ายกว่าสมัยก่อนเยอะมาก เราเข้าไปก็ได้รู้หมดทุกอย่าง ได้รู้ว่าเพลงเขาฮิตแบบนี้นะ เทรนด์ไปถึงไหน การแต่งตัวเป็นอย่างไร ซีรี่ย์เกาหลีอย่างคอฟฟี่ปริ้นซ์ หรือซีรี่ย์ที่เพิ่งจบไป กับดักหัวใจยัยแม่มด ก็ยังมีเวลาดูนะ (หัวเราะ)
ไฮคลาส : แล้วคุณเป็นเจ้านายแบบนางเอกซีรี่ย์เรื่องกับดักหัวใจยัยแม่มดไหม ที่ดุลูกน้องทุกคน
ไม่นะ แต่เวลาดุก็ดุมาก ดิฉันเป็นคนที่พูดตรง แต่พูดแล้วจบ จะไม่ชอบอะไรที่บอกให้ทำ 4 ครั้งแล้วยังตกหล่นรายละเอียดเล็กๆ น้อย ซึ่งไม่ควรเป็น ดิฉันจะบอกว่าทำแบบนี้ไม่ได้ แต่ดิฉันไม่เก็บกลับมาจุกจิก ขุดคุ้ยมาด่า เราเป็นคนที่ดูละเอียดและเราดูทุกขั้นตอน รู้หมดว่าจะเป็นอย่างไร แล้วปล่อยให้เขาทำต่อ
ไฮคลาส : เป้าหมายส่วนตัวและเป้าหมายของงาน
เป้าหมายส่วนตัวดิฉันอยากมีธุรกิจเล็กๆ แต่ที่ใจรักก็คือการเขียนหนังสือซึ่งยังไม่ได้ทำสักที อยากมีธุรกิจเล็กๆ ที่พอเพียงและอยู่ได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปทำอะไรดี อีกหนึ่งอย่างคือชอบการขายสินค้าเกี่ยวกับความหวังนี่ขายดี คุณรู้ไหมสินค้าเกี่ยวกับความหวังคืออะไร ความงามไงล่ะ แค่ซื้อวันนี้พรุ่งนี้คุณสวยแล้ว แค่ซื้อนะยังไม่ได้ใช้เลย แต่พรุ่งนี้ฉันต้องสวย สินค้าแบบนี้วงจรผลิตภัณฑ์มันไม่ยาว แล้วเราอยากจะทำสินค้าเกี่ยวกับความหวัง ความสวยที่มันทำได้เรื่อยๆ ความหวังเรื่องจะสวยดูดีมันไม่ได้จบลงในวันพรุ่งนี้ สมมติตัวนี้ใช้ไม่ดีก็ต้องมีความหวังสำหรับชิ้นต่อไป ไม่อย่างนั้นแบรนด์เครื่องสำอางไม่เข้ามาเยอะขนาดนี้ เมื่อเราใช้เครื่องสำอางแบรนด์ดัง สมมติมีแบรนด์ใหม่ๆ เข้ามามันคือความหวังของชีวิตเลยนะ ต้องเดินไปดูแล้วก็คิดว่าพรุ่งนี้ฉันต้องสวยแล้ว
เป้าของงานตอนนี้ยังไม่เบื่อที่นี่ ต้องยกเครดิตให้คุณอนันต์ เก่งจริงๆ สามารถใช้งานดิฉันได้โดยที่ดิฉันไม่รู้สึกเบื่อหน่ายและเหน็ดเหนื่อย งานนี้ฝ่ายนี้คุณอนันต์ให้เราคิดเองเลยนะ อย่างเช่นปีนี้มีเป้าอยากทำอะไร ดิฉันบอกว่าอยากลดค่าใช้จ่าย พูดเองเออเอง
ไฮคลาส : ทำเหมือนเป็นธุรกิจของตัวเอง
เหมือนเป็นบริษัทของตัวเองในฝ่ายเราที่มีอยู่ 34 คน บอกว่าอยากทำนู่นทำนี่ พอถึงปีก็ไปบอกเขาว่าเกิดความสำเร็จกี่เปอร์เซ็นต์ซึ่งเขาก็ปล่อยให้ทำ หรืออย่างเว็บไซต์ใหม่ my1sthome.in.th ดิฉันไม่ให้กรรมการบริษัทของแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ดูแม้กระทั่งดีไซน์หรือคอนเซ็ปต์ใดๆ เลย ดิฉันบอกว่าจะขอทำเอง บอกว่าเดี๋ยวปลายปีมาวัดผลกัน ห้ามคอมเมนต์จัดการเอง
ไฮคลาส : เพราะเครดิตคุณแข็งแรงมากถึงได้รับการอนุมัติให้ทำสิ่งต่างๆ ได้ตลอดเวลา
ไม่รู้เหมือนกัน อาจเป็นเพราะว่าเราชอบนำไอเดียใหม่มาเสนอ เราไม่ใช่คนที่ว่านอนสอนง่าย เราไม่ชอบก็จะแย้งว่าควรจะเป็นอย่างนี้อย่างนั้น
ไฮคลาส : คุณเริ่มเป็นผู้ที่นำพาภาพลักษณ์ขององค์กรไปด้วยในตัว
ก็ไม่กล้าคิดเหมือนกัน เพราะว่าองค์กรแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เป็นองค์กรของผู้ชาย ระดับ Vice Pressident ที่ผ่านมามีแค่ดิฉันกับพี่อีกคนหนึ่งซึ่งดูด้านอำนวยการซึ่งเขาก็อาวุโสมากๆ แล้วตอนนี้ก็มีผู้หญิงเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน
ไฮคลาส : เป็นดอกไม้เหล็กท่ามกลางป่าคอนกรีตของแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์
แหม…ใช้คำพูดนี้ดิฉันก็ต้องร้องเพลงแอม เสาวลักษณ์ สิคะ ดิฉันก็มีความเป็นหยินหยางในตัว ทั้งลักษณะของผู้หญิงและผู้ชาย ดีแล้วละจะได้สมดุลกัน