สุภาพบุรุษทางความคิด
การเป็นสุภาพบุรุษที่สมบูรณ์แบบนั้นมิใช่มีเพียงฐานะเศรษฐกิจร่ำรวย รูปกายที่สมบูรณ์แข็งแรง หรือใบหน้าหล่อเหลาคมคายบาดใจสาวน้อยสาวใหญ่เท่านั้น หากจะต้องผ่านการหล่อหลอมจากสังคม สิ่งแวดล้อม และใฝ่กระทำในสิ่งดีที่นำพาให้เขาเป็นคนที่คิดดีปฏิบัติดีแล้วเสน่ห์จึงจะตามมาเสริมราศีนำพาไปสู่ความสำเร็จ
สำหรับวิเชฐ ตันติวานิช รองผู้จัดการสายงานระดมทุนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและประธานที่ปรึกษาตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ผู้เป็นชาวเมืองกาญจน์โดยกำเนิดที่เติบโตในรอบรั้ววชิราวุธวิทยาลัย สถาบันการศึกษาอันเก่าแก่สำหรับว่าที่สุภาพบุรุษรุ่นแล้วรุ่นเล่าของเมืองไทย ด้วยความเป็นนักกีฬา นักดนตรี ซึ่งไม่ละทิ้งวิชาการ บวกภาวะผู้นำ จึงเป็นที่ยอมรับด้วยตำแหน่งหัวหน้าคณะ (Head Prefect) แห่งคณะผู้บังคับการพร้อมแถบเครื่องหมายสีเหลืองประดับอกเสื้ออันเป็นตำแหน่งที่ถูกยกย่องว่าโก้เก๋ที่สุดในชีวิตลูกวชิราวุธ
“เมื่อก่อนนี้ผมเป็นคนซ่าส์ แต่คนซ่าส์หลายคนมันก็ประสบความสำเร็จนะ (หัวเราะ) ต้องบอกว่าเป็นประโยชน์ของความซ่าส์นะ เพราะว่าเราเล่นกีฬาเยอะบวกกับภาวะผู้นำ ตอนที่อยู่วิชาราวุธเล่นกีฬาเยอะมาก ได้เป็นนักกีฬาของโรงเรียนเลยล่ะ ที่เด่นที่สุดคือรักบี้ฟุตบอล เป็นนักกีฬาทีมโรงเรียน ซอคเกอร์ วอลเลย์บอล บาสเก็ตบอล กรีฑาทั้งลู่และลานแต่จะประเภทลู่เป็นหลักคือวิ่ง 1,500 เมตร 800 เมตร 100 เมตร วิ่งหมด แต่สังเกตดูให้ดีว่าสมัยอยู่วชิราวุธชอบเล่นกีฬาเป็นทีมเขาให้เลือกได้นะ เช่น ตีแบดฯ ตีสควอช ตีเทนนิสก็ได้แต่เราไม่เลือก
“ผมเป็นรุ่น 52 เข้าเรียนปี 2513-2523 พอจบจากวชิราวุธแล้วไปอยู่จุฬาฯ เล่นกีฬาแบบนี้มาโดยตลอด ดนตรีก็เล่นเป่าปี่สก็อตที่มีส่วนที่เป็นถุงๆ เยอะแยะไปหมดเป่ายากมากเลยและส่วนใหญ่คนที่เป่าปีสก็อตต้องเป็นนักกีฬาเพราะปอดต้องแข็งแรงเอาลมเข้าไปอยู่ในถุงและขณะที่คุณหายใจก็บีบถุงให้ลมนั้นออกมาเสียงถึงไม่ขาดตอน ฉะนั้นจึงต้องแข็งแรงมากเลย (เน้นเสียง) คนที่ฟิตเท่านั้นถึงจะเป่าปี่สก็อต เป็นอย่างนี้มาโดยตลอด
“มาอยู่จุฬาฯ ผมเป็นนักกีฬา ไม่ได้อยู่ชมรมค่าย หรือชมรมเชียร์ใดๆ ทั้งสิ้น อยู่เชียร์ไม่ได้เพราะผมต้องอยู่ในสนามแข่ง ผมเป็นนักกีฬาของทีม เล่นบาสของทีมเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ เล่นรักบี้ของทีมเศรษฐศาสตร์จุฬาฯ และเป็นนักกีฬารักบี้ของจุฬาฯ ของสโมสร เล่นกีฬาประเพณีมาโดยตลอด เป็นมนุษย์ Activity พอสมควร เป็นสอปร์ตแมน เรียนไม่เก่งพอใช้ได้ จบมาเกรดเฉลี่ย 2.6 น้อยมาก
“เป็นเพราะว่าในช่วงเรียนนั้นชอบแข่งรถไม่ได้เรียนวิศวะแต่สามารถศึกษาเรื่องเครื่องยนต์ถอดออกมาดูวาล์วแต่ละชิ้น ปรับคาบูเรเตอร์ทีละตัวๆ จนมันเท่ากัน เอาหูฟังมาฟังว่าเครื่องเดินเรียบไหม บ้ามากขนาดที่น็อตแต่ละตัวยังเอามาชั่งดูว่าเท่ากันไหม ผมมีความสนใจเรื่องเครื่องยนต์ อิเลคทรอนิคส์ เครื่องเสียงมาตั้งแต่เด็ก
“แข่งรถบนถนนสุขุมวิทนี่แหละถ้าสมัยนี้คงเป็นเหมือนเด็กแว้น ตอนแข่งก็สงสารคนที่เขาขับรถทั่วไปเพราะว่าเราแข่งแบบซ่าส์มาก แข่งตอนกลางคืนเพราะกลางวันต้องเรียน แต่ในที่สุดจึงไปเกาะๆ อยู่ในสนามบ้าง ของพวกนี้มีประโยชน์ในที่สุด ทำให้เรารู้จักเพื่อนหลายวงการมากเพราะว่าคนที่แข่งรถในสมัยนั้นก็คือคนที่เป็นนักธุรกิจใหญ่ๆ ในสมัยนี้หลายคนที่เป็นเพื่อนกันจากที่เป็นศัตรูในสนามแข่งเอาชนะเอาเป็นเอาตายเลยนะ ตัวอย่างเช่น คุณทนง ลี้อิสระนุกูล บ.ไอ อาร์ ซี มีหลายคนมากๆ เลย นี่ก็เป็นตัวที่สร้างเราขึ้นมา มาแบบเรื่อยๆ”
จากโลดโผนในชีวิตสมัยเรียนกระทั่งผาดโผนในชีวิตการทำงานเมื่อดูประสบการณ์การทำงานอย่างผิวเผินอาจมองว่าผู้ชายคนนี้เปลี่ยนงานถี่มาก แต่หากพิจารณาให้ลึกลงไปหรือหากได้รู้จักเขามากขึ้นก็ถึงบางอ้อเพราะแต่ละที่ที่เขาไปร่วมงานนั้นถือได้ว่าร่วมสร้างหรือบางองค์กรเรียกได้ว่าไปฟื้นฟูจนเติบโตแข็งแรง
ชีวิตในการทำงานสายนี้เริ่มต้นเมื่อ 22 ปีที่แล้วหลังจากเรียนจบ MBA Finance & Marketing มหาวิทยาลัยฮาร์ทฟอร์ด มลรัฐคอนเนคติกัต สหรัฐอเมริกา ปี 2529 ตำแหน่งแรกเป็นเจ้าหน้าที่สินเชื่อบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ทิสโก้ จำกัด เป็นผลพลอยได้จากการพลาดโอกาสฝึกงานกับธนาคาร Bankers Trust ที่มหานครนิวยอร์กในเทอมสุดท้ายของการเรียน MBA
“เพราะเป็นเด็กต่างชาติเป็นเอเลี่ยนที่ไม่มีใบอนุญาตทำงานจึงให้เข้าฝึกงานไม่ได้ แต่ว่าเขามีการลงทุนอยู่ที่เมืองไทยชื่อว่า ทิสโก้ ซึ่ง Bankers Trust ถือหุ้นอยู่ ถ้าคุณสนใจก็ลองไปคุยสิ ณ ตอนนั้นผมไม่ได้สนใจมากกลับมาจึงไปสมัครที่ปูนฯ (เครือซีเมนต์ไทย) ธนาคารกสิกรไทย และทิสโก้ ได้สอบสัมภาษณ์ทั้ง 3 แห่ง ท้ายสุดก็ตัดสินใจว่าอยู่ทิสโก้ ซึ่งกสิกรฯ ก็ถือหุ้นอยู่ด้วย สาเหตุเพราะว่าระหว่างรอสัมภาษณ์ได้เห็นการทำงานของบริษัทขนาดเล็กซึ่งก็คิดขึ้นมาว่าถ้าเราไปอยู่บริษัทใหญ่คงไม่รู้อะไรเพราะว่าเป็นแผนกเล็กๆ แต่การที่เราอยู่บริษัทเล็กคงได้รู้หมด คนจากหลายฝ่ายมานั่งประชุมด้วยกัน เมื่อชอบบรรยากาศการทำงานและโชคดีที่ผ่านสัมภาษณ์
“เขาให้เริ่มงานในตำแหน่ง ET ตอนแรกก็ตกใจนะสมัยนั้นหนังเรื่องนี้กำลังดังเป็นมนุษย์ประหลาดแบบนั้นรึเปล่า ซึ่งความหมายคือ Executive Trainee เมื่อชื่อตำแหน่งก็เท่ห์ เผลอๆ ถ้าคุณทำงานดีเจ๋งจริงก็มีโอกาสได้เป็น Excutive ในอนาคต ทำให้ต่างคนต่างเลือกกัน จึงเป็นเจ้าหน้าที่สินเชื่อประมาณครึ่งปีแล้วไปฝึกงานด้าน Money Market จัดเงินระหว่างทิสโก้กับธนาคารกสิกรไทยที่เป็นผู้ถือหุ้น และระหว่างทิสโก้กับธนาคารอื่นๆ ที่เรียนกว่า Inter Bank จัดเงินให้เพียงพอกับการนำไปปล่อยสินเชื่อต่างๆ
“ทำงานถึงปี 2531 ธนาคารกสิกรฯ เปิดบริษัท ภัทรลิสซิ่ง จำกัด จึงต้องไปลุยกันมาตั้งแต่วันแรก ประกอบกับผมเป็นคนที่ชอบเรื่องรถยนต์มาก สมัยเรียนที่จุฬาฯ เรียกว่าซ่าส์เพราะเรียนน้อยแต่แข่งเยอะ เมื่อลิสซิ่งมันเริ่มจากรถยนต์ Success Factor เราต้องรู้จักรถ รู้ว่าใช้ไปแล้วจะพังและราคามือสองเป็นอย่างไร ถูกส่งไปเทรนที่อเมริกาอีกจึงเรียนรู้กระบวนการเหล่านี้มา ทำให้ผู้ใหญ่ในเครือกสิกรไทยรู้สึกว่าเราเริ่มในสิ่งต่างๆ ได้ จึงได้มาเริ่มงานใหม่เมื่อก่อตั้งบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์กสิกรไทย ปี 2535 แม้ว่าช่วงนั้นมีเคอร์ฟิวจากเหตุรัฐประหารก็เร่งเตรียมงานจนดำเนินการได้ภายใน 6 เดือนตามข้อกำหนดของกฎหมาย”
ไม่ว่าจะได้รับมอบหมายหรือเรียกเข้าเสริมทัพในหน่วยงานใดก็สำเร็จทำให้เริ่มได้รับความไว้วางใจจากผู้ใหญ่ที่เห็นว่าทำภารกิจใหม่ได้ดี จึงมีโจทย์ให้ไปจัดการธุรกิจที่ไม่ใหม่และมีปัญหาอยู่คือ บมจ.เงินทุนหลักทรัพย์ตะวันออกฟายแนนซ์ โดยมีกำหนดว่าต้องทำส่วนแบ่งทางด้านหลักทรัพย์ขึ้นมาให้ได้ภายใน 2 ปีซึ่งก็ทำสำเร็จไต่อันดับขึ้นมาเป็น Top 5
“ผ่านเวลาเกือบ 2 ปี ก็กลับมาที่ บลจ.กสิกรไทย แล้วข้ามมา บลจ.กรุงไทย กลายเป็นว่าถ้าเอาประสบการณ์ทำงานบลจ.มารวมกันเป็น 10 ปี จึงมีภาพลักษณ์ทางด้านการบริหารเงินจากผลงานที่ผ่านมา ประกอบกับการทำงานด้านการตลาดมาตลอดจึงมีโอกาสได้พูด มีโอกาสได้อธิบายทั้งอธิบายต่อสาธารณะและกับคนในเครือบริษัทของเรา หรืออธิบายกับสื่อต่างๆ มาก จึงกลายเป็นคนที่มีคนรู้จักเยอะ ประกอบกับเราเป็นคนไม่ปิดตัวเองด้วยเพื่อนจึงมีหลายกลุ่มก้อน รวมกันหลายอย่างทำให้ผู้ใหญ่ไว้ใจซึ่งผมคิดว่าเรื่องนี้คือเรื่อง ‘เฮง’ และเมื่อเขาไว้ใจให้งานมาแล้วเราทำได้พอสมควรอาจจะไม่ได้ดีที่สุดแต่เขาไม่ผิดหวังผมคิดว่านี่คือ ‘เก่ง’
“ถ้าจับเรื่องเก่งกับเฮงต้องยอมรับว่าผมน่ะเฮงซะเป็นส่วนใหญ่ (หัวเราะ) แล้วจึงตามด้วยเก่ง เมื่อตอนที่เราเอาเฮงนั้นมาทำให้มีประโยชน์กับคนที่ไว้ใจเรา หลังจากหมดสัญญา 3 ปีที่ บลจ.กรุงไทย คุณกิตติรัตน์ ณ ระนอง มาเป็นผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ พอดี เดิมทีสมัยอยู่บลจ.ก็เป็นคู่แข่งคุณกิติรัตน์ Friendly Competitor กันมาโดยตลอด คุณกิตติรัตน์ชวนว่าเรามาทำอะไรดีๆ ให้สังคมดีมั้ย ตอนนั้นก็เริ่มรู้สึกว่าเป็นสิบปีที่เราทำงานมาเราน่าจะมีประสบการณ์และมีความรู้ประกอบกับเราน่าจะเป็นคนที่อธิบายเก่ง เราน่าจะเริ่มให้กับคนได้แล้ว หลังๆ นี้ประสบการณ์ทำงานจัดการหลักทรัพย์เป็นอะไรที่เรารู้สึกว่าน่าจะถึงเวลาให้กับคนอื่นบ้างได้แล้ว จึงตกลงกันว่ามาทำ บริษัท แฟมมิลี่ โนฮาว เป็น Edutainment เพื่อให้มันง่ายต่อการเข้าใจ”
“ช่วงนี้เป็นช่วงที่เขาเริ่มเป็นฝ่ายให้เพราะเก็บประสบการณ์จากการทำงานแบบ Take Take Take มาถึงเวลาที่ Give Give Give ชีวิตพลิกผันมาถึงจุดถึงวันที่ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ก็ต้องเริ่มปลุก ผู้ใหญ่เขาไว้วางใจเห็นเราสร้างนู่นสร้างนี้มาเหมือนเป็นนักสร้างก็ลองสร้างอีกสักที เอ็ม เอ ไอ คล้ายบมจ.ตะวันออกฟายแนนซ์คือว่าเคยสร้างมาแล้วแต่ก็เงียบไป ผู้จัดการก็หายไป 2 ปีไม่มีคนทำ ผมจึงมาทำงานอยู่ภายใต้คุณโสภาวดี เลิศมนัสชัย ซึ่งตอนนั้นเป็นประธานศูนย์ระดมทุน
“ผมดูแลงานที่เอ็ม เอ ไอ มาระยะหนึ่งก็มีการเปลี่ยนแปลงในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพราะคุณกิตติรัตน์ลาออก คุณภัทรียา เบญจพลชัย ขึ้นมาทำงานในตำแหน่งผู้จัดการฯ มีการสลับตำแหน่งผู้บริหารระดับรองผู้จัดการให้ดูแลในส่วนงานที่เหมาะสมที่สุดและดีที่สุดต่อองค์กร จึงย้ายคุณโสภาวดีไปอยู่ TSD (บ.ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย) เพราะเป็นคนที่มีประสบการณ์เป็นลูกหม้อตลาดหลักทรัพย์ฯ ประกอบกับคุณนงราม วงษ์วานิช จาก TSD ถูกย้ายมาแทนคุณภัทรียา ฉะนั้นก็คงไม่มีใครไปรักงานเดิมที่คุณโสภาวดีรับงานอยู่
“ผมเป็นเหมือนกับมนุษย์ครึ่งทางเพราะมาทาง เอ็ม เอ ไอ อยู่แล้ว จึงถูกมอบหมายให้มาเทคโอเวอร์งานทางการตลาดของตลาดหลักทรัพย์ฯ พอเป็นอย่างนั้นก็จึงต้องชวนคุณชนิตย์ ชาญชัยณรงค์ มาอยู่ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ แทนเพราะเป็นที่ปรึกษาอยู่แล้ว โดยผมก็ไปเป็นประธานของเอ็ม เอ ไอ และมาเป็นรองผู้จัดการดูแลการตลาด นั่นคือทางเดินอันหลากหลายที่ผ่านมาของผมกว่าจะมาถึงงานในปัจจุบัน”
“ถือว่าประสบการณ์เราเยอะ โดยเฉลี่ย 3 ปี 1 ที่ แต่ที่นี่ 5 ปีแล้วไม่รู้ว่าจะถูกไล่ออกเมื่อไหร่ (หัวเราะ) นับๆ ดู 7-8 แห่ง ถ้าเป็นคนที่ไม่เข้าใจเรา ไม่รู้จักเราพอไปสมัครงานที่ไหนคงจะบอกแน่เลยว่าทำไมคุณย้ายงานบ่อยจังเพราะฉะนั้นจึงต้องทำงานกับคนที่รู้จักเราถึงจะถูก เราได้ประสบการณ์เยอะเมื่อเทียบกับเพื่อนรุ่นเดียวกัน เพื่อนบางคนอยู่ที่เดียว 20 กว่าปี ปัจจุบันก็ถือว่าโตนะ แต่ก็ยังไม่เท่าไหร่เพราะว่าโตในองค์กร ผมเป็นคนที่เพื่อนๆ ให้การยอมรับว่าถ้าเป็นคุณวิเชฐหรือคุณเว้เป็นคนที่มาปรึกษาได้เสมอ มีความรู้ มีคอนเนคชั่น มีเครือข่าย มีเน็ตเวิร์คที่ดีที่จะให้คำแนะนำกับเพื่อนได้ เพื่อนๆ ก็มักจะปรึกษาเราได้หลายเรื่อง”
หลักที่ทำให้สามารถทำงานไม่ว่างานจะยากเพียงใดเห็นจะเป็นเรื่องเหตุผลและความพร้อมของตนเอง
“ผมเป็นคนซึ่งทุกๆ ครั้งที่มีอะไรจะต้องอธิบายให้ได้ เป็นมนุษย์ที่มีเหตุผล แต่บางครั้งไม่สำเร็จก็ต้องอธิบายให้ได้ว่าไม่สำเร็จ ไม่ได้ซีเรียสถึงขนาดที่ว่าถ้าไม่ได้ตามเป้าแล้วตาย แต่จะเป็นเหมือน Generalize ได้ทุกอย่าง เข้าใจชีวิต แต่ผมทำตามข้อตกลงที่ได้รับมอบหมาย ทำอะไรทำจริงอย่างทำงานก็ทำซีเรียส เวลาเล่นก็เล่นจริงๆ พอถอดหมวกออกพนักงานจะเอาไปแกล้งอย่างไรก็ยอมเล่นกับลูกน้องด้วย
“แต่อีกมุมเป็นคนที่ work hard, play hard สามารถเปลี่ยนบทตัวเองได้แบบไม่เขิน ไม่ต้องมีฟอร์มมากทำงานก็คือทำงานเล่นก็คือเล่น ถึงแม้วันนี้จะมีตำแหน่งที่เรียกว่าดีก็ไม่คิดว่าจะเลิกคบกับเพื่อนที่หลายคนอาจจะมองว่าไม่น่าคบ เรายังเป็นเพื่อนกันเฮฮาสนุกสนานยังเรียก ‘ไอ้เว้’ ได้ผมไม่เคยเปลี่ยนไปจากใครเลย”
“ผมเป็นคนที่มีปรัชญาว่าทำอะไรก็แล้วแต่ต้องทำให้เหมือนนักสู้ในสนามกีฬา กีฬานั้นช่วยคุณได้เยอะมากเลยนะ ถ้าหากไม่ออกกำลังหรือไม่ให้รางวัลกับตัวเอง เช่น เหนื่อยมากแต่ไม่กินน้ำ หรือคุณไม่พักผ่อนไม่เที่ยวเล่นคุณก็จะแข่งต่อไปไม่ไหวไปไม่ถึงเส้นชัยฉะนั้นผมจึงให้รางวัลกับตัวเองเยอะ การให้รางวัลก็คือไปเจอเพื่อน ไปซื้อของที่ตัวเองคิดว่าเป็นของที่ตัวเราเห็นว่ามีคุณค่ากับเราโดยที่คิดว่าเมื่อมีโอกาสก็น่าจะได้มันมาบ้างอย่างนาฬิกา อุปกรณ์สื่อสาร อุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์ที่ทำให้ตัวเองมีความสุข
“ในขณะเดียวกันทุกวันนี้เราพูดถึงการลงทุนให้เป็นจึงต้องพยายามมีวินัยในเรื่องของการบริหารที่ดี บริหารเงินให้เป็น อนาคตข้างหน้ายังมีแต่ก็ไม่ใช่เอาแต่เก็บอย่างเดียวเท่านั้น สำหรับผมเป็นพวกหาไปใช้ไปเรียกว่าหาเช้ากินค่ำเหมือนกัน โดยที่ผมจะต้องพอมีเหลือตลอดเวลาเพราะต้องใช้สมอง ใช้วินัย ใช้สติในการบริหารชีวิตตัวเองพอสมควร นอกจากจะดีกับชีวิตตัวเราแล้วยังสอนลูกเราได้ และสอนคนอื่นได้เพราะวันนี้อาชีพเราต้องให้คนอื่นเขารู้ว่าวิธีทำให้สำเร็จนั้นทำอย่างไร เราต้องทำด้วยไม่ใช่ว่าสอนอย่างเดียวแต่ตัวเองทำไม่เป็น”
แม้งานล้นมือแต่สิ่งที่ขาดไม่ได้คือทำงานอย่างมีประสิทธิภาพไม่ใช่เพื่อตนเองแต่ว่าต้องเป็นแบบอย่าง
“เมื่องานที่เยอะสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือวินัย เวลา ผมเป็นกรรมการของ ธกส., ประธานฯ เอ็ม เอ ไอ และเป็นรองผู้จัดการฯ ซึ่งเป็นงานหลักของตลาดหลักทรัพย์ในทางด้านการตลาด บริษัทจดทะเบียนและนักลงทุนโดยมีทีมงานที่ดี นอกจากนี้ก็ยังเป็นกรรมการของหอการค้านานาชาติ (ICC : International Chamber of Commerce) สมาคมเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ รวมถึงไปบรรยายเสวนาหลายๆ ที่ ฉะนั้นการบริหารเวลานี้สำคัญ กับความรับผิดชอบ ความเข้าใจคนอื่นเป็นเรื่องสำคัญ สังเกตได้ว่าถ้าเราบริหารไม่ดีกองเอกสารรอเซ็นจะสูงเต็มโต๊ะ
“วิธีการบริหารที่ดีก็คือการที่เรามอบหมายงานให้เป็น มอบให้แก่คนที่เราเชื่อใจและเป็นหลังให้เขาพิงได้เวลาที่มีปัญหา เพราะถ้าเราแก้ไม่ได้งานที่มอบไปนั้นก็จะไม่สานต่อสำเร็จ เราต้องฟังปัญหาและแก้ปัญหาให้เขา บริหารเวลาให้เป็นและต้องตัดสินใจ ถ้าเขาให้เรามาตัดสินใจก็ต้องตัดสินใจไม่ใช่ลังเลแล้วทำให้ทุกคนติดขัดเดินต่อไม่ได้ และจะต้องเป็นคนที่สามารถเชื่อมโยงได้กับทุกจุด ต้องมีสัมพันธภาพที่ดีกับทุกฝ่าย”
“ส่วนตัวผมไม่ได้มีปรัชญามากนัก คือ ‘เป็นคนดี’ คำนี้สุดยอดแล้ว คำว่าเป็นคนดีไม่ได้แปลว่าคุณต้องทำบุญเยอะๆ นะ ตอนเรียนวชิราวุธต้องสวดมนต์เช้าและค่ำ สวดแบบที่ต้องแปลเป็นภาษาไทยทำให้ซึมซับพอสมควร รวมถึงเข้าใจหลักจิตวิทยาบ้าง ดังนั้นเรื่องปรัชญาชีวิตก็คือคุณเป็นคนดี คำว่า ‘ดี’ ของผมแปลได้ว่าห้ามทำบาป คำว่าดีก็คือ 1)เมื่อทำงานกับใครก็ต้องจริงใจ 2)ไม่เห็นแก่ตัว 3)ไม่เบียดเบียนใครขณะเดียวกันก็ไม่ยอมให้ใครมาเบียดเบียนคุณ 4)ถ้ามีโอกาสก็ให้คนอื่นเขาไปบ้าง ไม่ใช่ให้เงินทองอย่างเดียว การให้ความรู้หรือให้คำปรึกษาเพราะเมื่อเขามาหาคุณแสดงว่าเขาเดือดร้อนจะบอกว่าไม่มีเวลาเลยก็ต้องช่วย 5)ปล่อยวาง ถ้ามันพลาดไปบ้างก็อย่าไปวิตกมาก และ 6)สุดท้ายคุณก็ต้องเป็นคนแก่ที่มีความสุข ในที่สุดอยากให้เป็นอย่างนั้น”
“ผมสามารถตื่นเช้าขึ้นมาทำงาน ประชุมหลายๆ อย่าง เข้าใจแต่ประเด็นได้ เดินเข้าห้องประชุมนี้ออกจากห้องไปเข้าประชุมอีกที่หนึ่ง เลิกงานไปเล่นกีฬากับเพื่อนหรือไปนั่งดริ๊งกับเพื่อนบ้าง คุยงานกับลูกน้องได้ ผมสามารถสวิตช์ไปสวิตช์มาได้ตลอดเวลาและนอนหลับด้วย กลับบ้านดูทีวีถ้ามีโอกาสเที่ยงคืนตีหนึ่งสามารถดูได้ ง่วงก็นอนได้เลย 4 ทุ่มก็เคยนอน ตี 3 ก็เคยนอน หรือ 6 โมงเช้านอนชั่วโมงเดียวตื่นขึ้นมา 7 โมงแต่งตัวก็ทำได้ หรือว่าไปดินเนอร์กับลูกค้าสามารถดื่มเบียร์ ดื่มไวน์ ดื่มวิสกี้ ตบท้ายด้วยกาแฟ กลับก็ยังหลับได้และทำบ่อยๆ
“นั่นจะต้องเป็นคนแข็งแรง และจะต้องฝึกมาพอสมควร (ทำเสียงแหบเสียงแห้งพร้อมกลั้วหัวเราะ) การที่ดื่มเบียร์ ดื่มไวน์ ดื่มวิสกี้ ต่อๆ กันไปแล้วตอนจบที่กาแฟนั้นร่างกายจะต้องเข้าใจเราด้วย ถ้าไม่ได้เคยฝึกมาเลยก็คงไม่ไหว เรื่องนี้เป็นประโยชน์ที่เอามาแก้ตัวว่าตอนเด็กๆ อาจจะเกเรนิดหน่อยก็คงเป็นไปได้เพราะสมัยก่อนเราเที่ยวเล่นไปสังคมกับเพื่อนก็ดื่มบ้างแต่ผมไม่สูบบุหรี่ สิ่งที่ผมไม่สูบบุหรี่เพราะว่าสมัยนั้นเป็นนักกีฬาแอลกอฮอลมันหายไปได้แต่ว่าปอดสำคัญมันคาอยู่และทำให้ปอดเราแคบลงๆ ผนังมันแย่ทำให้เราหายใจไม่ถนัดและส่งผลให้เล่นกีฬาไม่ได้ ฉะนั้นการเสพติดของผมคือกีฬาถ้าไม่ได้เล่นกีฬาเหมือนไม่ได้เสพ”
“อีกด้านนั้นผมชอบเรื่องเครื่องเสียง ติดตามอยู่เรื่อยๆ สมัยก่อนเรียกว่า Crazy เลยล่ะ เคยลงทุนกับด้านนี้เยอะพอสมควร ชอบเล่นกีฬาต่อไป ตีสควอช กอล์ฟ ขับโกลคาร์ท ทุกวันนี้อยู่บนถนนไม่ได้เลยต้องยั้งใจ หรือถ้าขับรถต้องขับรถช้ามากเลยนะ แต่ไปซ่าส์อยู่ในสนามแข่งโกลคาร์ท มี 3 อย่างที่เล่นอยู่เป็น Hobby และก็ติดตามเทคโนโลยีใหม่ๆ และชอบสะสมนาฬิกา”
จากการเป็นผู้รับมาตลอดเส้นทางที่ผ่านมาก็ถึงเวลาทำเพื่อผู้อื่นโดยริเริ่มจากตนเองเองแล้วจึงขยายยออกไปในสังคมรอบตัว พร้อมตระหนักเสมอถึงการเป็นคนดีจากการคิดดีและทำดีที่สุภาพบุรุษหรือใครก็ทำได้
“การมองโลกเปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัว สมัยก่อนเรามองเป็นโลกแห่งความสุข ทำอะไรให้มีความสนุกมันก็สุขแล้ว แต่วันนี้เราเริ่มมองลึกกว่านั้น เช่น ผมรณรงค์การกินข้าวให้หมดแปลว่าหัวผมเริ่มคิดถึงเรื่องของชาวโลกแล้ว มันก็เป็นมนุษย์ปกตินะพอแก่แล้วเริ่มคิดถึงคนอื่น เป็น Giving Aging การรณรงค์เริ่มจากในตลาดหลักทรัพย์ อย่างน้อยไม่ทำให้โลกร้อนนะเพราะต้องไปทำลาย และสัตว์ทั้งหลายมันไม่ได้ตายฟรี ถ้าคุณกินไม่หมดมันตาย 2 ครั้ง ครั้งแรกมันตายมาเป็นเนื้อให้คุณกิน ครั้งที่สองก็คือโยนมันทิ้งลงถังขยะตายอีกทีโดยที่ไม่มีใครได้ประโยชน์ และอีกมุมหนึ่งยังมีคนที่ไม่ได้กินอย่างนี้อีกเยอะเมื่อเขาไม่มีกินแต่คุณมีแล้วกินทิ้งกินขว้างมันมีประโยชน์ นี่คือสิ่งทีเราเริ่มคิดแบบคนแก่มากขึ้นในขณะเดียวกันผมก็ Young at Heart ยังมีสมาคมกับเพื่อน ไปเที่ยวกับเพื่อน ดินเนอร์ หรือเล่นกีฬาต่างๆ อยู่ตลอด ชีวิตส่วนตัวไม่ค่อยเปลี่ยนเลยเป็นอย่างไรก็อย่างนั้น”
“ผมมีลูกสาวคนเดียว เดิมที่ก็อยากจะส่งไปเรียนโรงเรียนที่ชื่อ Geelong ที่เมลเบิร์น แม้เป็นโรงเรียนสหศึกษาแต่เหมือนกับวชิราวุธ แต่พอไปดูแล้วสงสารลูกเขาคงไม่บ้ากีฬามากเหมือนเรานะ เขาหัวศิลป์ฉะนั้นถ้าเขา ต้องตรากตรำกับกิจกรรมซึ่งมันเน้นผู้ชายคงแย่จึงส่งไปเรียนอีกที่หนึ่งแทน ตอนนี้อายุ 16 มีบัตรประชาชนแล้ว ห่วงไม่มากและหวงก็ไม่มาก ผมว่าความที่ผมเกิดต่างจังหวัดที่กาญจนบุรีแต่เข้ามาเรียนกรุงเทพฯ ตั้งแต่อนุบาล 3 เพื่อเตรียมจะเข้าวชิราวุธ ผมจึงไม่เคยอยู่กับพ่อแม่เลยแบบที่เรียกว่าชีวิตปกติ เราสร้างตัวเองมาตลอดผมจึงมีความรู้สึกว่าการที่รอดมาได้ทุกวันนี้เป็นเพราะว่าเราได้ประสบการณ์การใช้ชีวิตกับคนอื่น จึงไม่รู้สึกว่าลูกจะน่าสงสารมากมาย เขาขอไปเรียนออสเตรเลียตั้งแต่อายุ 13 ก็ให้ไปโดยที่ทุกวันนี้คุณแม่จะเป็นคนโทรหามากกว่า ผมนั้นน้าน…นานถึงจะโทรหาสักที”
“ตอนนี้มีความสุขมากครับ ตื่นขึ้นมาก็อยากมาทำงาน หลังเลิกงานก็อยากจะคุยกันคนโน้นคนนี้ไม่เคยอยากกลับบ้าน เศร้าเหลือเกิน อยากกลับบ้านอยู่คนเดียวดีกว่า… ไม่เคยเป็นเลยนะ ลูกสาวไปเมืองนอกสองคนพ่อแม่ก็ได้ใช้ชีวิตตามปกติไม่ได้มีกิจกรรมครอบครัวมากมายนัก
“ผมไม่ได้อยากเป็นคนแค่แก่ที่มีความสุขที่อยู่เฉย ฝันของผมอยากจะเป็นผู้ถือหุ้นของธุรกิจเยอะๆ ที่คิดว่ามันดี และผมก็ใช้ชีวิตแบบสบายๆ นั่นคือสิ่งที่อยากจะเป็น ถ้าจะถามว่า Early Retie รึเปล่าบอกไม่ได้ เพราะคำว่าว่า Early มันอยู่ที่ระเบียบขององค์กร หรือตามระเบียบของเรา ถ้าเป็นระเบียบของเราก็เมื่อไหร่เมื่อนั้นที่เรารู้สึกว่าเราพอแล้ว ขี้เกียจแล้ว เราก็อาจจะหยุด แต่ทุกวันนี้ก็อยากจะทำธุรกิจของตัวเองบ้าง ฝันมานาน…. ผมสะสมไอเดียบ่อยและสามารถรวบรวมไอเดียเหล่านั้นพัฒนาปีต่อปีไปเรื่อยๆ เคยคิดเมื่อ 20 ปีที่แล้วว่าอยากทำธุรกิจหนึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวกับการดูแลรักษารถยนต์และก็ยังคิดอยู่ วันนี้โตไปถึงขั้นเกี่ยวกับบ้านแล้วล่ะ คิดเสมอว่ามันโตขึ้นอย่างไรสั่งสมคิดๆๆ รวมๆ คิดเอาไว้และเมื่อมีโอกาสก็จะเป็นเวลาของเรากับสิ่งนั้น”
“ผมเป็นคนที่แคร์คนรอบข้าง นึกถึงคนอื่น เมื่อรับปากว่าจะทำอะไรให้ใครจะพยายามทำให้สำเร็จ ทำให้ดีเลยล่ะไม่ใช่ทำผ่านๆ ไป นั่นคือคาแรกเตอร์ของเรา และคือคุณสมบัติของการทำงานที่ทำให้เรามีเพื่อนเยอะ เพื่อนไม่เคยลืมเราเพราะเราไม่เคยลืมเพื่อน เขาไว้ใจเราเพราะเขาก็รู้ว่าเราไว้ใจเขาเหมือนกัน เพื่อนที่ว่านั้นไม่ใช่เพื่อนตั้งแต่เด็กเท่านั้น เป็นเพื่อนในทางธุรกิจก็เป็นความเชื่อที่ว่าผมได้รับความไว้วางใจพอสมควร”