ปริยากร รัตนสุบรรณ

ลูกไม้ใต้ต้นที่ชื่อ ปริยากร รัตนสุบรรณ

พูดถึงเรื่องหมัดๆ มวยๆ กับผู้หญิง คงคล้ายเป็นดั่งคู่ตรงข้ามที่มองอย่างไรก็ไม่ค่อยจะเข้ากันเสียเท่าไหร่ กระนั้นสำหรับคุณโอ๋ ปริยากร รัตนสุบรรณ ผู้สร้างปรากฏการณ์หน้าใหม่ให้กับแวดวงกำปั้นเมืองไทยในฐานะโปรโมเตอร์หญิงคนแรกของประเทศ คงถือได้ว่าเป็นกรณียกเว้น ในเมื่อสาวสวยคนนี้คือลูกไม้ใต้ต้นของโปรโมเตอร์ใหญ่เจ้าของ ‘ศึกวันทรงชัย’ ที่คอมวยต่างรู้จักและติดตามอย่างเหนียวแน่น ทรงชัย รัตนสุบรรณ คนโปรดฉบับนี้เราจึงบุกถึงเวทีมวยกรุงเทพ เวทีมวยแห่งใหม่ของศึกวันทรงชัย ย่านรัชดา เพื่อเจาะเลือดตรวจดูถึงความเข้มข้นในสายเลือดที่ถ่ายทอดจากคุณพ่อสู่ลูกสาวคนเก่งแสนสวยคนนี้

“จะว่าไปมันก็ถือเป็นความได้เปรียบนะคะ ตรงที่ว่าบ้านกับสำนักงานติดกัน เพราะฉะนั้นตั้งแต่เด็กโอ๋ก็จะเห็นหน้าเห็นตาพี่ๆ น้าๆ คุณป๊า คุณแม่ทำงานมวยตลอด และเวลามีแมตช์ใหญ่ๆ เราก็จะขนกันไปทั้งครอบครัวเลย คือเป็นสไตล์แบบว่าแฟมมิลี่ ให้กำลังใจกัน วันนี้จะได้เท่าไหร่ กำไร ขาดทุน อะไรอย่างนี้ค่ะ เป็นบรรยากาศที่ชินตา พอเรียนจบและทำงานอยู่ข้างนอกจนกระทั่งรู้สึกว่าอิ่มตัวแล้ว ก็เลยกลับมาช่วยที่บ้าน

“โอ๋เข้ามาช่วงเมษาฯ ‘46 ค่ะ ทำมาจนก่อนจะถึงพฤศจิกาฯ ก็เริ่มรู้สึกว่าเฮ้ย…เราเริ่มพูดภาษามวยกับเขารู้เรื่องกันแล้วนะ เราไม่ใช่คนนอกแล้ว ก็เริ่มเป็นโปรโมเตอร์มาตั้งแต่นั้น ไม่รู้สึกว่าเป็นการเปลี่ยนแปลง รู้สึกเหมือนกับว่าจากทำงานเบื้องหลังเปลี่ยนมาทำงานเบื้องหน้าแค่นั้นเอง จะต่างนิดหน่อยก็ตรงที่วันนี้เราต้องเป็นหน้าเป็นตาให้กับองค์กรแค่นั้น

“จะว่าไปวงการมวยเป็นวงการที่มีปัญหาเยอะนะคะ เพราะว่ามวยมันมีคนที่เกี่ยวข้องหลายคน ทั้งนักมวย ทั้งแฟน ทั้งภรรยา ลูก มีหัวหน้าคณะเข้ามาเกี่ยวข้องอีก ยากค่ะ แต่อีกแง่หนึ่งวงการมวยก็ได้ทำให้โอ๋เปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่ง คือรู้สึกถึงความเข้มแข็งในจิตใจอย่างแรง เพราะมันเป็นวงการแห่งศักดิ์ศรี เหมือนกับว่าเสือเจ็บห้ามร้องประมาณนี้ค่ะ คือมันทำให้เราเข้มแข็ง ทำให้เราผ่านสถานการณ์ที่ไม่ดีไปได้ ต้องอดทน ก็เป็นจุดที่แตกต่างจากวงการอื่น

“ซึ่งวิธีการปรับตัวหรือวิธีแก้ปัญหาเหล่านี้โอ๋ก็เรียนรู้มาจากคุณป๊าและคุณแม่ค่ะ และแน่นอนว่าถ้าพูดถึงคนโปรดของโอ๋ ก็คือคุณป๊าและคุณแม่ เพราะว่าอันดับแรก ที่โอ๋มีวันนี้ได้ก็เพราะท่านทั้งสอง ถ้าโอ๋ไม่ใช่ลูกป๊าลูกแม่โอ๋ก็ไม่มีจุดนี้ ต่อมาก็คือคุณป๊าเป็นแบบอย่างของคนที่มีความตั้งใจในการทำงานมาก คือเกิดมาเพื่องาน ท่านทำให้โอ๋รู้สึกว่าคนที่ประสบความสำเร็จมันไม่ได้ประสบความสำเร็จง่ายๆ คุณป๊าเป็นต้นแบบให้โอ๋เห็นค่ะว่า คนที่ทุ่มเทคือคนที่สมควรแล้วที่จะได้รับรางวัล ขณะที่คุณแม่ก็เป็นต้นแบบให้โอ๋ในเรื่องความขยัน แล้วก็ความเมตตา คุณแม่เป็นคนที่เมตตาและก็เข้าใจจิตใจคนอื่นค่ะ”

กระนั้น ลูกสาวคนสวยก็ไม่วายแอบแซวคุณป๊าของเธอเล็กน้อย

“แน่นอนค่ะว่าความมุ่งมั่นของคุณป๊าเป็นสิ่งที่ดีมาก แต่บางครั้งโอ๋ก็มองว่ามันมากเกินไป คือเหมือนกับว่าไม่หยุดน่ะค่ะ ถ้าภาษาเราเขาเรียกว่าไม่เป็นเวลา (หัวเราะ) แบบว่าเที่ยงคืนก็ยังทำงาน หัวสมองยังคิดเรื่องงานอยู่เลย คือคุณป๊าเขาขึ้นไปบนห้องนอน บนเตียง แต่ว่ายังดูเทปมวย โอ…แน่นอนดูเทปมวยสมองมันก็ต้องคิด นี่เป็นยังไง แล้วต่อไปเราจะให้เขาเจอกับใคร เอ๊ะทำไมวันนี้มันชกอย่างนี้ คือถามโอ๋ โอ๋มองว่าคนเรามันต้องแบ่งเวลา อยากให้คุณป๊ามีเวลาส่วนตัวกับเวลาการทำงาน ไม่อย่างนั้นสมองมันก็จะคิดตลอด แต่มันก็พูดยากตรงที่ว่า ณ ตอนนี้เราเป็นลูกไงค่ะ เราถึงพูดแบบนี้ แต่ ณ สถานะตอนนี้คือท่านเป็นพ่อเป็นแม่ ท่านทำก็เพื่อลูก

“แต่อย่างไรก็ตามท่านทั้งสองก็ยังเป็นคนโปรดของโอ๋เสมอค่ะ และในฐานะลูก เราก็ต้องมีความกตัญญู รู้ว่าเรามาจากตรงไหน ท่านนับร้อยมาให้เราแล้ว เราก็ต้องมีความกตัญญูซื่อสัตย์ ถึงแม้ว่าไม่ใช่กับพ่อแม่ก็ตาม กับคนอื่นๆ ก็ต้องสำนึกในบุญคุณ ต้องตอบแทนสิ่งที่ดีๆ ให้เขานะคะ แล้วก็ยึดแบบอย่างที่ดีของเขามาปรับใช้เป็นของตัวเอง เวลาที่ทำอะไรก็ต้องนึกถึงเขาก่อน เป็นกำลังใจในการทำงานด้วยค่ะ”

Related contents:

You may also like...