สมบัติเพิ่มพูนแกลเลอรี่ Dealing with Art…Dealing with Passion
ใครจะอาจหาญปฏิเสธได้ว่า คุณค่าที่แท้จริงของงานศิลปะบรรเจิดอยู่ในจิตใจของผู้สร้างและผู้เสพ ไม่มีค่าอื่นใดมาเทียบได้ หากแต่ต้องยอมรับว่าบางครั้งค่าเหล่านั้นเป็นนามธรรมที่ยากจะจับต้อง การสร้างคุณค่าที่เป็นรูปธรรมให้กับงานศิลป์อันบรรเจิดจึงกลายเป็นภารกิจสำคัญของ Art Dealer ผู้มุ่งหมายจะนำงานศิลป์สู่การยอมรับของสังคม
สมบัติ วัฒนไทย กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมบัติเพิ่มพูน จำกัด เจ้าของ สมบัติเพิ่มพูนแกลลอรี่ คือผู้หนึ่งที่ดำเนินชีวิตบนวิถีของการบริหารศิลปะมานานกว่า 20 ปี
“ดิฉันเติบโตมาในครอบครัวที่ทำงานทางด้านโฆษณา คือเขียนโปสเตอร์หนัง ก็เลยชอบงานจิตรกรรมมาตั้งแต่เด็ก ชอบไปซื้อรูปตามสถานที่แสดงงานต่างๆ มาประดับบ้าน กระทั่งกลายเป็นของสะสม ในที่สุดก็เลยตัดสินใจเปิดร้านขายภาพขึ้นแถวถนนสีลม เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2523 ก่อนจะขยายกิจการเข้าไปในโรงแรมขนาดใหญ่ เช่น โรงแรมRiver City, โรงแรม Royal Orchid Sheraton, โรงแรมดุสิตธานี, โรงแรมSiam Intercontinental และโรงแรม Hilton
ด้วยความรักในอาชีพ Art Dealer และความพึงพอใจในงานศิลปะ ตลอดเวลาที่ทำธุรกิจด้านนี้อยู่ก็คิดว่าอยากมีอาคารเป็นของตัวเอง เพื่อเปิดเป็นแกลลอรี่โดยเฉพาะ ติดตั้งแสดงผลงานเป็นจำนวนมากได้ในคราวเดียวกัน จนกระทั่งในที่สุดก็ได้อาคารสมบัติเพิ่มพูนแกลลอรี่ และเปิดอย่างเป็นทางการในปี 2538
ดิฉันเชื่อว่างานศิลปะกับธุรกิจเกื้อกูลซึ่งกันและกันอยู่เสมอ หน้าที่หลักของ Art Dealer คือการสร้างคุณค่าที่เป็นรูปธรรมของงานศิลป์ขึ้นมาให้ได้ เพื่อตอบสนองความต้องการและความพึงพอใจของผู้สร้างและผู้ชมด้วย บางครั้งต้องยอมรับว่าคุณค่าทางศิลปะมันเป็นนามธรรม แต่เมื่อเกิดการซื้อขายทำให้ศิลปะชิ้นนั้นมีคุณค่าเป็นรูปธรรมขึ้นมาได้
ลูกค้าของเราจึงแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มต่างจุดประสงค์กัน กลุ่มนักสะสมจะมีจำนวนน้อย นอกจากนั้นจะเป็นพวกที่ซื้อเป็นของขวัญ ของกำนัล และผู้มีรสนิยมที่จะใช้งานพวกนี้ตกแต่งอาคารบ้านเรือน ซึ่งมีจำนวนใกล้เคียงกัน เราจึงมีงานที่มีลักษณะต่างๆกัน ไม่ว่าจะเป็นราคา รูปแบบ หรือ ลักษณะงาน ลูกค้าของเรามีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ แต่อย่างหลังจะมีมากกว่า มีนักท่องเที่ยวบางคนเขาบอกเราว่า ในเอเชียนี้ เราเป็นแกลลอรี่ส่วนบุคคลที่ใหญ่ที่สุด
ดิฉันจะเป็นผู้เลือกผลงานของศิลปินเข้ามาในร้านด้วยตัวเองทุกชิ้น ร้อยละ 80 เป็นผลงานของศิลปินกรมศิลปากร นอกจากนั้นเป็นงานของศิลปินอิสระ จะเน้นที่คุณภาพ เรื่องของสี และองค์ประกอบภาพ ในขณะที่ชิ้นที่มีราคาสูงเราก็จะพิจารณาประวัติการทำงานของศิลปินประกอบไปด้วย
แต่เราจะให้อิสระในการสร้างสรรค์แก่ศิลปินเสมอ ให้ทำงานศิลปะ ตามอารมณ์ศิลป์และความพึงใจของศิลปินเอง ซึ่งทำให้ผลงานที่ออกมาดีกว่าที่จะกำหนดให้ศิลปินทำตามความต้องการของธุรกิจ
ดิฉันไม่เชื่อว่าคนไทยดูศิลปะไม่รู้เรื่อง แต่ด้วยเหตุผลหลายๆอย่างทำให้คนเหล่านี้มองว่าศิลปะไม่ใช่สิ่งจำเป็นของชีวิต ในขณะที่ชาวต่างชาติเขามองว่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเลย จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่ตอนนี้เราหันมาสนใจงานศิลปะกันมากขึ้น แต่ถ้าเทียบกับต่างชาติก็ยังถือว่าน้อยอยู่ดี
ในฐานะคนไทย เราก็อยากให้คนหันมาสนใจงานศิลปะให้มากขึ้น เพื่อชีวิตที่มีสุนทรียะ แต่ในฐานะArt Dealer เราก็ต้องออกตัวว่า ศิลปะไม่จำเป็นต้องมีราคาสูง ตอนนี้หน่วยงานด้านศิลปะของภาครัฐก็กำลังช่วยกันผลักดันให้หอศิลป์เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อให้ชาวต่างชาติหรือชาวไทยเองรู้จักมากขึ้น ซึ่งก็น่ายินดีมาก” สมบัติกล่าวพร้อมรอยยิ้มอย่างภาคภูมิใจ