ชลาทิพย์ และ ชลิศา พุกผาสุข

แก้วตาดวงใจ เบื้องหลังใบหน้าเปื้อนยิ้ม คมช.ทัพฟ้า พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข

ประวัติศาสตร์การเมืองการปกครองไทยจารึกชื่อ พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข เป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญของคณะรัฐประหารโดยไร้เสียงปืนและหยดเลือด แต่จากมาดที่ดูเคร่งขรึมกลับอาบทาไปด้วยรอยยิ้มเกือบทุกขณะนั้นได้รับการร่ำลือในหมู่ข้าราชการทหารอากาศถึงเบื้องหลังอารมณ์ดีสม่ำเสมอของผู้บัญชาการฯ ว่าท่านมีความสุขจากครอบครัวและลูกสาวผู้น่ารัก ชลาทิพย์ และ ชลิศา พุกผาสุข สองทายาทสาวสวยของท่าน และผศ.ดร.พรทิพย์ พุกผาสุข อาจารย์ประจำภาควิชาภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

แตง ชลาทิพย์ ในชุดสีขาวสดใดจูงมือน้องสาว ติ๊บ ชลิศา สาวมาดเข้ม ชนิดที่เรียกว่า ‘สำเนาถูกต้อง’ เหมือนคุณพ่อ นั่งอยู่บนเก้าอี้สุดหรูในชุดสีดำ พี่สาวที่ดูเหมือนพูดไม่เก่งเท่าน้องเล็ก แต่กลับเป็นฝ่ายเริ่มแนะนำให้เราได้รู้จักเธอทั้งคู่
“เราอายุห่างกัน 2 ปี แตงจบปริญญาตรีที่อักษรศาสตร์และปริญญาโท ยุโรปศึกษา จุฬาฯ และตอนนี้ทำงานเป็นแอร์โฮสเตสที่การบินไทย ส่วนติ๊บก็เรียนปริญญาโท ยุโรปศึกษา อยู่ที่จุฬาฯ เหมือนกันค่ะ”

ในครอบครัวที่คุณพ่อเป็นนายทหารและคุณแม่เป็นอาจารย์ พี่สาวคนโตเปิดประเด็นถึงการเลี้ยงดูอย่างอิสระแต่มีขอบเขตและทุกคนมีความสุขจากกฎเกณฑ์ซึ่งเป็นข้อตกลงร่วมกัน

“ปกติคุณพ่อจะให้อิสระในการทำอะไรก็ได้ในสิ่งที่เราชอบนะคะ ไม่ได้จำกัดว่าต้องรับราชการ และส่วนตัวก็ชอบการท่องเที่ยวได้พบผู้คนหลากหลายก็เลยชอบอาชีพนี้ สำหรับแตงนั้นอย่างแรกต้องทำในสิ่งที่เราชอบก่อน เพราะถ้าเราทำงานที่เราชอบก็เหมือนกับมีแรงบันดาลใจในการทำงานให้ทำงานออกมาได้ดีที่สุด”

แต่สำหรับสาวผู้น้องกลับเลือกวางแผนอนาคตอยู่กับสายงานซึ่งแตกต่างไปจากเครื่องบินที่คุณพ่อและพี่สาวสัมผัสอยู่เสมอ

“ส่วนติ๊บยังไม่ได้เจาะจงว่าจะทำอะไร แต่ในใจคิดว่าอยากจะทำบริษัทโฆษณา เพราะเคยฝึกงานตอนเรียนแล้วรู้สึกชอบ งานของพี่แตงอาจจะดูเหมือนเกี่ยวข้องกับงานของคุณพ่อบ้างเล็กน้อยเพราะว่าเป็นแอร์ฯ แต่ติ๊บไม่ค่อยชอบก็เลยเลือกฉีกแนวไปเบนเข็มดีกว่า คุณพ่อสอนเราสองคนว่า ในบางทีสิ่งที่ต้องทำเราอาจไม่ได้ชอบมันซะทุกอย่าง แต่ก็ต้องทำให้ดีที่สุดตามที่ได้รับมอบหมายมา”

“คุณพ่อจะเป็นคนที่เจ้าระเบียบมาก…ค่ะ ตรงต่อเวลามากๆ เลย จะดุเป็นบางเวลานะคะ จะสอนเราว่าเวลาทำอะไรก็ต้องเป็นระเบียบ ส่วนคุณแม่เป็นอาจารย์ก็จะสอนให้ใจเย็นๆ เวลาทำอะไรก็ต้องใจเย็นๆ นะคะ ค่อยๆ ทำไป ยังไงทุกอย่างมันต้องมีทางแก้ไข เราทำได้อยู่แล้ว”

พลันสิ้นเสียงจากน้องสาวซึ่งยืนยันในสิ่งที่ได้รับการปลูกฝังจากคุณพ่อ เราก็ได้ยินคำรับรองเสริมขึ้นจากชลาทิพย์ถึงดีกรีความโลดโผนของน้องสาวเธอ

“ด้านความแก่นเซี้ยวน่าจะยกให้ติ๊บค่ะ ส่วนใหญ่คุณพ่อจะไม่ค่อยทำโทษ ท่านจะคุยมากกว่า ถ้ามีอะไรที่ไม่ดีก็จะเรียกมานั่งคุย”

ชลิศาสำทับถึงวิธีการที่คุณพ่อใช้กำราบเธอเมื่อทำผิดพลาด

“ติ๊บว่าอาจจะพอๆ กัน เวลาทำผิดแค่ดุก็กลัวแล้วค่ะ ส่วนใหญ่ถ้าคุณพ่อดุแล้วก็จะไม่กล้าทำอีก ที่สำคัญส่วนหนึ่งในชีวิตเหมือนกับมีตัวอย่างจากคุณพ่อที่อดทน คุณพ่อไม่ท้อแท้ง่ายๆ แต่ว่าเห็นตัวอย่างมาบ้างเราอาจจะทำไม่ได้เหมือน คุณพ่อนะคะ แต่เราก็คิดว่าพ่อยังทำได้เลย แล้วทำไมเราเป็นลูกสาวท่านจะทำไม่ได้”

เป็นธรรมดาของคุณพ่อผู้มีลูกสาวสวยถึง 2 คน ซึ่งหลายคนจับตามองว่าผู้กล้าหาญกระตุกหนวดเสือจะมาในรูปแบบใดบ้าง ชลิศาให้การยืนยันขันแข็ง

“ไม่มีเลย ถ้าเป็นทหารนะคะ คนอื่นๆ ก็มีบ้างแต่คุณพ่อคุณแม่จะดูอยู่ห่างๆ ท่านจะดูให้อยู่ในขอบเขต ถ้าจะคบใครก็ต้องเป็นคนที่ดีและต้องเปิดเผย คุณพ่อคุณแม่ต้องรู้จัก แต่หากจะคบกันก็ต้องจริงใจ พามาให้คุณพ่อคุณแม่รู้จัก ดูว่าดีมั้ย ส่วนตัวก็อยากจะให้มีเหมือนกันนะคะ”

ชลาทิพย์ร่วมรับรอง “ส่วนใหญ่ถ้าเป็นกัปตันก็จะรู้จักคุณพ่อนะคะ จึงไม่ค่อยมีใครกล้า และส่วนใหญ่จะเป็นลูกศิษย์คุณพ่อด้วยค่ะ”

“ติ๊บคิดว่าครอบครัวเราอบอุ่น เราเห็นตัวอย่างจากคุณพ่อคุณแม่ว่าท่านน่ารัก เอาใจใส่กันตลอดเวลา เป็นห่วงกัน เมื่อเราโตขึ้นไปแล้วถ้ามีครอบครัวก็อยากจะเป็นอย่างนี้นะคะ คือเป็นครอบครัวที่อบอุ่นและคุณพ่อคุณแม่ดูแล เอาใจใส่กันและกัน คนที่จะเข้ามาในอนาคตก็น่าจะเป็นคนที่รักครอบครัว อย่างแรกเลยก็คือต้องเข้ากับครอบครัวเราได้ก่อน และเป็นคนที่ดูแลเราได้”

สาวๆ แอบกระซิบให้เราฟังถึงมาดแมนของคุณพ่อกับวิธีการคัดกรองชายหนุ่มที่เข้ามาใกล้ลูกสาวสวยทั้งสอง

“คุณพ่อหวงในระดับหนึ่งนะคะ ไม่ใช่ว่าหวงจนไม่ไปไหนเลย ไม่เจอใครเลย คุณพ่อจะเลียบๆ เคียงๆ ถามว่า คนนี้ใครน่ะ…เป็นอย่างไร ท่านจะไม่ค่อยพูดกับติ๊บกับพี่แตงโดยตรง แต่จะถามผ่านคุณแม่ และคุณแม่ก็เล่าให้ฟังค่ะ มีเรื่องอะไรก็จะคุยให้คุณพ่อฟัง ไม่ปิดบัง”

ชลิศาเล่าว่าส่วนหนึ่งของความสดใสที่สะท้อนอยู่ในทุกอณูของบ้านพักในค่ายทหารแห่งนี้ แทนที่จะฉาบทาด้วยบรรยากาศเคร่งขรึม ก็น่าจะมีสาเหตุมาจาก

“คุณแม่บอกว่ามีเคล็ดลับความสาวเสมอสอนลูกๆ ก็คือจะไม่เครียด ไม่เก็บมาคิด บางทีไปเจอใครแล้วรู้สึกไม่ดี คุณแม่บอกว่า ถ้าเราเก็บมาคิดเราก็เป็นคนที่ไม่สบายใจเอง คุณแม่บอกว่าคุณแม่ไม่เคยเครียดเลย และถ้าเราไม่เครียดหน้าตาเราก็จะสดใส”

และถ้าหากมีใครรู้ว่าเธอเป็นบุตรสาวคนเล็กของนายทหารชั้นผู้ใหญ่แล้วล่ะก็ วิธีการแก้สถานการณ์เพื่อไม่เกิดความรู้สึกแตกต่างนั้นง่ายนิดเดียว

“ติ๊บจะวางตัวปกติ สามารถที่จะเข้าไปคุยกับทุกคนได้ ถ้าเราปฏิบัติกับเขาเหมือนกับที่เราเป็น เขาจะไม่รู้สึกว่าเราเป็นใครที่แตกต่าง เพราะเราเป็นลูกคุณพ่อ ถ้าเขารู้สึกเกร็งที่เราเป็นลูกคุณพ่อเราก็จะทำตัวตามปกติแบบเรา สักพักเขาจะรู้สึกผ่อนคลายไปเอง”

ส่วนหนึ่งของหลังบ้านอันอบอุ่นของผู้บัญชาการทหารอากาศคนปัจจุบัน จึงทำให้เราพบเห็นใบหน้าเปื้อนยิ้มของท่านได้ในทุกโอกาส มาจากศรีภรรยาและบุตรสาวทั้งสองนั่นเอง

Related contents:

You may also like...