HERE AND NOW with ก้าวย่างแห่งปัญญาด้วยปาฏิหาริย์แห่งโลกไร้พรมแดน
ในหนึ่งช่วงชีวิต คงจะมีบ่อยครั้งเหลือเกินที่มนุษย์ต้องการคำตอบให้กับตัวเองว่าเราเกิดมาจากไหน เกิดมาทำไม เหตุใดเราจึงเป็นทุกข์ และความสุขนั้นหาได้จากที่ไหน เหตุใดมนุษย์ที่เกิดมาและจากไปกับสองมือเปล่าๆจึงขยันกอบโกยความทุกข์ไว้เป็นสมบัติของตนอย่างไม่ลืมหูลืมตา หรือว่าความยุติธรรมเพียงอย่างเดียวที่โลกมีให้กับทุกชีวิตอย่างเท่าเทียม ไม่ว่าเศรษฐี ยาจก ต่างเชื้อชาติ ต่างศาสนา คือ สิทธิในการเลือกว่าจะเป็นทุกข์หรือไม่เป็น มนุษย์สามารถหยิบยื่นแบ่งปันสิ่งต่างๆให้กันและกันได้ ร่วมทุกข์กันได้ แต่ดับทุกข์แทนกันไม่ได้ นักวิทยาศาสตร์ยังไม่เลิกค้นหาว่าใครเป็นผู้สร้างโลก พุทธศาสนามีคำตอบให้ชัดเจนมากว่าสองพันปีแล้วว่ามนุษย์นั้นเองเป็นผู้สร้างทั้งนรกและสวรรค์ขึ้นในใจตน
แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต แห่งเสถียรธรรมสถาน นักบวชหญิงผู้ฝากรอยเท้าของก้าวย่างแห่งปัญญาไว้ให้เพื่อนร่วมทุกข์ได้ดำเนินรอยตามไปสู่หนทางดับทุกข์ ตามหลักคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เคยเป็นชีวิตหน่วยหนึ่งของโลกที่ซึมซับความทุกข์ไว้เต็มเปี่ยมก่อนตัดสินใจบวช ท่ามกลางความตะลึงพรึงเพริดของสังคมไทยในยุคนั้น ข่าวครึกโครมของนางแบบสาวดาวเด่นอนาคตไกลที่ตัดสินใจสละโลกอันยุ่งเหยิงเข้าสู่ร่มพระธรรมค่อยแผ่วลงตามวันเวลา ในขณะที่เสียงเงียบแห่งความสงบเย็นภายในกลับดังชัดเจนขึ้น นักบวชหญิงผู้เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า ‘ ทุกข์มีไว้ให้เห็น ไม่ได้มีไว้ให้เป็น ‘ จึงเริ่มต้นแสดงกตัญญูกตเวทิตาต่อพุทธศาสนาด้วยการอุทิศตนเป็นผู้ช่วยเหลือชี้ทางพ้นทุกข์ให้แก่เพื่อนมนุษย์ ความตั้งมั่นในการทำงานตลอดชีวิตที่เหลือเกิดผลเป็นที่กล่าวขานอย่างกว้างขวางในระดับนานาชาติ และเมื่อเรื่องราวทั้งหมดถูกบันทึกไว้บนแผ่นฟิล์มด้วยความศรัทธาของกัลยาณมิตรต่างศาสนา วันนี้ A Walk of Wisdom ของแม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต ได้ออกเดินอย่างมั่นคงไปทั่วโลกแล้วกว่า 60 ประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อสื่อสารสันติสุขแก่มวลมนุษยชาติโดยไม่แบ่งแยกเชื้อชาติศาสนา
ไฮคลาส : เมื่อแรกตัดสินใจบวชนั้น คุณแม่เข้าใจศาสนามากน้อยแค่ไหน หรือไปบวชเพียงเพื่อหนีจากความรู้สึกไม่ดี
แม่ไม่ได้เข้าใจศาสนาอะไรลึกซึ้งหรอกลูกและแม่ก็ไม่ได้มาจากความศรัทธา แต่ว่าแม่มาจากความสงสัย ถ้าสงสัยแล้วต้องหาคำตอบน่ะค่ะ ซึ่งจะได้คำตอบหรือไม่ยังไม่รู้เลย ตอนบวชใหม่ๆ ยังไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรหรอกค่ะ เพียงแต่ต้องการที่ปลอดภัย ต้องการที่ซึ่งมีคนคอยให้คำแนะนำสอน และเราก็ได้รับรู้ว่าคนที่เข้ามาบวชแล้วต้องทำอะไรนะพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงจะทรงยอมรับเราให้ไปเป็นลูกศิษย์ของท่าน
แม่บวชอยู่หลายปีนะคะ กว่าที่เราจะได้รู้จักตัวเราเอง จนกระทั่งได้ทดลองทำงานอันเนื่องจากว่าเรามีความกตัญญูในสิ่งที่เราได้ เพราะเรารู้ว่าชีวิตของเราจากวันแรกที่ก้าวเข้ามาบวช ในทุกๆวันมันมีการเฝ้าสังเกต ติดตาม ทบทวน และเราก็เห็นถึงความมั่นคงภายในทีละก้าว แม่ไม่รู้หรอกว่าเป้าหมายมันไกลขนาดไหน แต่แม่ได้เรียนรู้ว่าเรามีความสุขที่ได้เดินมากขึ้น เราไม่ได้เดินไปแสวงหาความสุขแล้ว เราเห็นความมั่นคงในการก้าวมากขึ้น ใน 7 ปีที่แม่ได้เรียนรู้อยู่กับครูบาอาจารย์ แม่ก็ได้พิสูจน์สิ่งที่ได้เรียนรู้กับการทำงานอีกครั้งหนึ่งในการสร้างเสถียรธรรมสถาน คราวนี้เป็นแบบฝึกหัดมากเลยที่จะเห็นว่า เรายังสงบเย็นอยู่ได้หรือไม่ ในขณะที่งานซึ่งปรากฏอยู่ข้างหน้านี่ เรามีโจทย์ของเราเลยว่าเราจะไม่เลือกปฏิบัติ คนข้างหน้าคือคนพิเศษสำหรับเรา เราจะไม่ทำให้คนข้างหน้าทุกข์เพราะเรา เพราะฉะนั้นการเรียนรู้ที่จะทำให้เราได้มีชีวิตที่เข้าใจสิ่งที่กำลังทำอยู่ข้างหน้า มันเป็นบทเรียนที่จะพิสูจน์ว่าธรรมะที่เราได้เรียนรู้มา ศักดิ์สิทธิ์จริงไหม มันทำให้เราพบกับความสงบเย็นและเป็นประโยชน์อย่างแท้จริงหรือเปล่า หรือเราคิดเป็นประโยชน์ เพราะเราแสวงหาผลประโยชน์ มันเป็นคำที่ใกล้กันมากเลย แต่พอวันหนึ่งที่เราสังเกตและแกะไปเรื่อยๆ เราจะเห็นว่าเราได้ทำดีและเราปล่อยดีได้หรือยัง อิสระจากการที่ได้ทำแล้วยึดถือว่าเราทำ มันไปถึงความเป็นอิสระในการทำเหตุอย่างมาก ปล่อยวางในผลหรือเปล่า มีแต่การกระทำที่ไม่มีผู้กระทำได้แล้วรึยัง
พูดกันจริงๆ ก็คือ ต้อง here and now ทุกขณะเลย ของการกระทบที่ใจของเราจะไม่กระเทือนปรุงแต่งอย่างหลง ชีวิตที่มันกระทบแล้วไม่กระเทือนมันจึงไม่กระแทกออกไป ทำให้ทั้งตัวเราและคนอื่นต้องเจ็บปวด มันต้องค่อยๆ ทำและต้องเมตตามากในการกระทำ
ไฮคลาส : งานของเสถียรธรรมสถานแสดงให้เห็นพลังใจอันยิ่งใหญ่ที่พยายามสื่อสารธรรมะไปยังคนทุกระดับชั้น สามารถเปิดใจมอบความรักให้กับคนแปลกหน้า ช่วยเหลือผู้คนโดยไม่เลือกเขาเลือกเรา พลังนี้เกิดขึ้นมาจากไหน
พระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นครูที่ยิ่งใหญ่มาก พระองค์ทรงไม่เลือกปฏิบัติเลย แม่ว่าพระองค์มีพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่ง และแม่คิดว่าพวกเรา เมื่อกตัญญูต่อพระธรรมแล้ว มันเหมือนใจของเราก็เปิดกว้าง ละวางอคติ ไม่เลือกว่า คนนี้น่ารักก็ช่วย คนนี้ไม่น่ารักก็ไม่ช่วย ไม่ว่าจะน่ารักหรือไม่น่ารัก เรามีความสุขที่จะรัก เราก็ทำ ทำด้วยความเข้าใจ ทำด้วยความตระหนักรู้ในกระบวนการของการจัดการที่จะทำให้บุคคลที่อยู่ข้างหน้าเราได้กลับไปทบทวนตัวเอง
แม่ไม่ได้มองว่าคนฉลาดหรือคนโง่ แต่แม่มองว่าคนที่มาอยู่ข้างหน้าแม่คือคนที่มีความสุขความทุกข์เหมือนเรา ถ้าเราเข้าไป กระทุ้งใจเค้าได้ เค้าก็จะช่วยตัวเองเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าคนจนจะไม่ช่วยตัวเอง แล้วคนรวยจะช่วยตัวเองมาก…ไม่นะคะ แม่ว่าเรื่องการพ้นทุกข์ไม่มีเรื่องว่าต้องรวยหรือจน หรือว่าต้องฉลาด แต่ว่าถ้าคนนั้นเห็นทุกข์แล้วเรียนรู้ที่จะเป็นอิสระ เขาก็เป็นอิสระได้
ไฮคลาส : มองว่ามนุษย์มีความเหมือนกันและความต่างกันตรงไหน
ตรงกรรม ทุกคนมีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย ใครทำกรรมใดก็ได้รับผลของกรรมนั้น ทั้งฝ่ายกุศลกรรมและอกุศลกรรม คนต่างกันตามกรรมนะลูก พุทธศาสนานี่ไม่มีพรหมลิขิต มีเพียงกรรมลิขิตเท่านั้นนะคะ และผลแห่งกรรมมันก็เกิดกรรมตาม ถ้าเราทำอกุศลกรรมมันก็ได้ผมเป็นอกุศลวิบากกรรมไม่มีใครฝืนธรรมชาตินี้ได้หรอก
ไฮคลาส : จากการศึกษาศาสนาพุทธมาจนถึงบัดนี้ สิ่งที่ตั้งใจค้นหาในตอนแรก กับสิ่งที่ค้นพบในบัดนี้คืออะไร เป็นสิ่งเดียวกันหรือไม่
ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่ให้พิสูจน์ตัวเองนะคะ เมื่อใดก็ตามที่เราติดตามหรือมีความตระหนักรู้เท่าทันทุกปัจจุบันขณะอย่างต่อเนื่อง ความชำนาญจะเกิดขึ้น แม่คิดว่าเราจะเห็นธรรมะศักดิ์สิทธิ์ ก็ต่อเมื่อสิ่งนั้นมันเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของเราได้ คำว่าศักดิ์สิทธิ์ หมายถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของเราจากที่เราเคยประมาทเป็นไม่ประมาทได้ จากที่เราเคยทุกข์ เคยเอาเรื่อง เคยคิดปรุงแต่ง จนเดี๋ยวนี้ไม่ทุกข์ ไม่เอาเรื่อง ไม่คิดปรุงแต่ง มันจึงมีความคล่องแคล่วในการที่จะ ท่องจิต รู้จิต ให้ติดต่อ พุทธศาสนาท้าทายเราทุกคน ว่าคุณสามารถที่จะเข้าถึงธรรมรู้ธรรมและเป็นอิสระจากชีวิตได้ เป็นศาสนาที่ต้องทำเอง ต้องเรียนรู้ อยู่กับชีวิตจริงๆ ที่เราสัมผัสได้จริงในปัจจุบันขณะ
ชีวิตที่เราสัมผัสได้จริงคือ ชีวิตที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ที่นี่และเดี๋ยวนี้ here and now ถ้าคุณอยากเรียนรู้ชีวิต คุณต้องกลับสู่ปัจจุบันขณะ ถ้าคุณจะมีความสุขคุณก็ต้องมีความสุขในปัจจุบันขณะ ถ้าคุณจะเมตตาตัวเองก็ต้องมีเมตตาในปัจจุบันขณะ
บางทีเราศึกษาอดีตเพื่อเรียนรู้ที่จะมีปัจจุบันขณะที่ประเสริฐที่สุด เพื่ออนาคตจะได้ไม่ต้องแก้ตัว เพราะฉะนั้นอดีตเป็นครูของเราได้ แต่อย่าเอาอดีตมาถ่วงทับปัจจุบัน อย่าเอาอดีตมาทำลายโอกาสที่มีอยู่จริงในปัจจุบัน แต่จงมีปัจจุบันขณะที่รู้ตัวทั่วพร้อมที่จะศึกษาอดีต แล้วทำให้เราไม่ทำเหตุที่ประมาทอีกในปัจจุบันเพื่ออนาคตจะได้ไม่ต้องแก้ตัวอีก
ไฮคลาส : ความเชื่อในปัจจุบันกรรมตามแนวทางศาสนาพุทธ เหมือนหรือต่างกับแนวคิดแบบอัตถิภาวนิยมตรงไหน
ตรงที่เราจะไม่อหังการ วิธีการคิดที่อหังการนั้นคือฉันจะมีแต่ปัจจุบันและฉันก็ไม่เคารพในสรรพชีวิตอื่นๆ แม่ว่าอันตราย การที่เรามีปัจจุบันแล้วเราเคารพชีวิตของเราในปัจจุบัน เราก็จะเคารพชีวิตของคนอื่นด้วย เราเคารพตัวเรา เราก็เข้าใจคนอื่น ต้องมีปัญญาที่จะจัดการชีวิตของเราโดยไม่เบียดเบียนใคร ทั้งกายกรรม วจีกรรม ต้องมาจากมโนกรรมที่สุจริต เมื่อมีมโนกรรมที่สุจริต กายกรรมและวจีกรรมของเราก็จะสุจริต มันเป็นปัจจุบันขณะที่สุจริต ไม่ได้มาจากปัจจุบันขณะมีอหังการซึ่งบอกว่ากูทำได้ แต่มันมาจากการเคารพชีวิตของเราในปัจจุบันขณะ เราจะไม่มุ่งร้าย ไม่คิดร้าย ไม่เพลินอยู่ในกามคุณ ถอดถอนความเพลิดเพลินอยู่ในกามคุณ นี่เป็นกระบวนการของปัญญา
ไฮคลาส : กุศโลบายที่ใช้สื่อสารธรรมะอันเป็นหนทางแห่งการหลุดพ้นของบางสำนัก อาจจำเป็นต้องมีเรื่องปาฏิหาริย์หรือพิธีกรรมมาเป็นเครื่องมือดึงดูดใจคน แต่สำหรับที่เสถียรธรรมสถานนี้คืออะไร
ของแม่นี่ เดินเข้ามาจะเห็นว่าเราอยู่กับธรรมชาติและเรียบง่ายมาก เราเคารพในการใช้ชีวิตที่ไม่เบียดเบียนและเราได้คำสอนมาที่ถูกต้อง ชัด ตรง ประเภทที่จะให้ช่วยคนเพื่อแสวงหาผลประโยชน์หรือสร้างความงมงายอะไรขึ้นมาเพื่อที่จะหลอกคน มันไม่เป็นสาระของเรานะคะ ครูบาอาจารย์ที่เมตตาเรา ท่านท้าทายให้เราพิสูจน์ ถ้าเราพิสูจน์ได้แล้วสิ่งนั้นมันศักดิ์สิทธิ์ในหัวใจของเราแล้ว มันก็ก็จะศักดิ์สิทธิ์ในงานที่เราทำนี่ค่ะ แม่ว่าธรรมะศักดิ์สิทธิ์
เราทำงานอย่างที่เรารู้ว่าความศักดิ์สิทธิ์อยู่ในงาน งานของเราเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมคนได้ เปลี่ยนแปลงจากคนที่ทุกข์ไปสู่ความเป็นอิสระจากทุกข์ได้ งานของเราก็ศักดิ์สิทธิ์อย่างชนิดที่ต้องใช้กระบวนการของปัญญา ต้องตื่นจากอวิชชา
ไฮคลาส : คิดเห็นอย่างไรกับการที่พระสงฆ์ตั้งตนเป็นเกจิอาจารย์ เน้นการปลุกเสกเครื่องลางของขลังโดยอ้างว่าเป็นกุศโลบายหรือเครื่องมือในการดึงดูดชาวบ้านให้เข้ามาหาศาสนา
ถ้าแม่จะตอบอย่างไปตรงมาก็คือ แม่ไม่เคยได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้เลย ตั้งแต่บวชเรียนมานะคะ อาจจะเนื่องเพราะว่าตัวแม่เองไม่ได้แสวงหาสิ่งเหล่านี้ และประสบการณ์ก็ไม่มีเลย ก็มีหลายคนชอบมาถามนะคะว่าอย่างนั้นอย่างนี้ แม่ก็พูดตรงๆว่าไอ้ที่ถามมานี่…ทำไม่เป็น ไม่รู้ทำยังไง ฉันไม่เคยเรียนมาวิชาเหล่านี้ แม่ไม่ได้ให้โอกาสในชีวิตนี้ที่จะไปเรียนรู้สิ่งเหล่านี้เลย มันตอบไม่ได้เลย
ไฮคลาส : การสื่อสารธรรมะด้วยวิธีที่ใช้ปาฏิหาริย์เป็นเครื่องมือ กับการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เป็นเครื่องมือ เช่น การนำเสนอเรื่องราวธรรมะในรูปแบบภาพยนตร์สารคดีชีวิต ที่มีการนำเสนอเผยแพร่ไปทั่วโลก มีความแตกต่างกันอย่างไร
คือเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือ คือถ้าเรามี Content ชัด ในชุมชนที่เราเรียนรู้ร่วมกันในเสถียรธรรมสถานที่เราพิสูจน์ได้ว่าคุณทำจริง คุณก็ได้รับผลจริง ไอ้เครื่องมือสื่อสารไม่ว่าจะเป็นอะไร แม่ว่ามันก็คือแค่เพียงช่องทางเท่านั้นน่ะลูก และไอ้ช่องทางมันก็จะเป็นช่องทางที่จะตรงไปยังคนที่มีความหลายหลาย เช่นภาพยนตร์ A walk of wisdom นี่ก็เป็นช่องทางที่ส่งสารไปสู่เพื่อนในต่างประเทศ ในทุกศาสนาด้วยนะ เพราะคนที่ดูน่ะมีทุกศาสนาเลย ดูแล้วก็…อ๋อ พุทธศาสนานี่ทำความเข้าใจให้กับชีวิตอย่างนี้
ภาพยนตร์ A walk of wisdom ก็ไป 60 ประเทศ เอาวิธีการในวิถีชีวิตประจำวัน ในวิถีพุทธของเรานี่ออกไปเสนอ มีเว็บไซต์ที่ทำให้เราเข้าไปถึงหัวใจของเด็ก นำศิลปะที่จะทำให้ธรรมะไปอยู่ในหัวใจของคน และคนๆ นั้นก็เริ่มพึ่งตัวเองได้ เด็กเริ่มมีศิลปะในการใช้ชีวิต รู้ว่าเค้าควรจะทำอะไร และเค้าควรที่จะหยุดอะไรได้เอง ซึ่งเราก็มีเว็บไซต์ที่ทำให้เด็กๆรู้เรื่องนี้ได้โดยใช้ช่องทางธรรมะ เป็นเว็บธรรมะสเตชั่น หรือถ้าคนที่โตขึ้นมาหน่อยและสนใจการเรียนรู้เรื่องชีวิตก็อาจจะเข้าไปใน www.sathira-dhammasathan.org ก็จะเป็นเว็บที่พูดกันถึงเรื่องจิตใจ เรื่องการช่วยเหลือ ถ้าเป็นเพื่อนฝรั่งเค้าก็จะเข้าไปใน sansanee.org เหล่านี้คือการใช้สื่อ หรือแม้แต่ใช้สื่อทางทีวี ซึ่งแม่มีรายการทีวี 2 นาที ที่ปลุกให้คนตื่นขึ้นในทุกๆ เช้าที่ชื่อ ธรรมสวัสดี เป็นการใช้ช่องทางที่จะนำธรรมะออกไปให้ถึงใจคน ถึงบ้านคน เพราะคนบางคนก็ไม่ได้เข้ามาศึกษาธรรมโดยการเข้ามาในวัด เราต้องใช้สื่อและใช้ปาฏิหาริย์ในการสร้างให้คนตื่นในการทำงานผ่านสื่อ
เพราะแม่มั่นใจว่าปาฏิหาริย์ในสมัยของพระผู้มีพระภาคเจ้าก็เป็นอีกวิธีการหนึ่ง แต่สำหรับคนรุ่นใหม่อย่างเราๆ นี่นะคะ ก็ต้องแสดงปาฏิหาริย์โดยผ่านสื่อ ทำให้คนพ้นทุกข์พร้อมกันได้อย่างพร้อมเพรียงโดยผ่านดาวเทียมได้ ถ้าแม่เป็นรัฐบาลหรือผู้มีอำนาจแม่ก็จะลงทุนเรื่องนี้ เพราะช่วยคนให้เป็นคนได้
ไฮคลาส : สื่ออาจจะเป็นเครื่องมือที่ดี แต่ ในขณะเดียวกันก็อาจเป็นสิ่งที่ทำให้คนละเลยที่จะสื่อสารกับตัวเอง
แม่ว่าสื่อเป็นดาบสองคม ถ้าเราไม่ใช้มันเพื่อเจริญสติปัญญา มันก็เป็นไปเพื่อเจริญตัณหาได้ มันอยู่ที่ว่าเราจะใช้มันอย่างไร เราจะใช้มันเป็นเครื่องมือให้เราสุขก็ได้ทุกข์ก็ได้ เพราฉะนั้นถ้าเราใช้สื่อเป็นไปเพื่อพ้นทุกข์ ทำไม่เราจะทำไม่ได้ล่ะ แต่ทุกวันนี้เราไม่รู้เท่าทันกิเลสของเรา แล้วยิ่งเราไม่รู้เท่าทัน และตกเป็นเหยื่อของกิเลสมากเท่าไหร่ เรามีความสะดวกมากเท่าไหร่ มีสื่อมากเท่าไหร่ เราก็ใช้สื่อเป็นไปเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ตามอำนาจของความอยากของเรา
ไฮคลาส : ผลร้ายของการเสพติดสื่อ
คนจะไม่ได้อยู่กับตัวเอง เด็กก็จะเริ่มว่าถ้าขาดเธอแล้วฉันจะเหงา ถ้าขาดสิ่งที่มันจะเป็นเครื่องมือที่ดึงเค้าออกไปข้างนอกเมื่อไหร่เค้าจะอยู่กับตัวเองไม่ได้ อันนี้ต้องระวัง เราต้องสอนให้เด็กมีตัวเองเป็นที่พึ่งให้ได้ มีตัวเองเป็นเพื่อนให้ได้ ถ้าเค้ามีตัวเองเป็นเพื่อน เค้าไม่ต้องแสวงหาวิธีการที่จะต้องมีเพื่อนข้างนอกมาก จะสังเกตเห็นว่าทุกวันนี้เด็กไม่เคยนั่งสำรวจความคิดของตัวเองเลย เพราะว่าไม่ว่าเค้าจะคิดอะไรเค้าก็จะพูดสิ่งที่เค้าคิดออกไปให้ใครสักคนหนึ่งฟัง โดยที่เค้าไม่ได้ดูเลยว่าไอ้สิ่งที่เค้าคิดมันมีเหตุปัจจัยแห่งความคิดอย่างไร เค้าเพียงแต่ระบายความคิดออกไปเรื่อยๆ แต่เค้าก็เหงามากด้วยในการระบายนั้น
เราถึงต้องมาทำงานป้องกัน ต้องคุยกับคนหนุ่มสาวซึ่งเป็นประชากรที่มากที่สุดในโลกว่า คุณเกิดมาเพื่ออะไรให้ชัด และเค้าก็จะได้ปักธงชัยในชีวิตของเค้าให้ชัดมากขึ้น เค้าจะได้เป็นมนุษย์ที่แท้ไม่ใช่แค่เหยื่อ
ไฮคลาส : เคยรู้สึกท้อใจ หรือรู้สึกว่ามองไม่เห็นทางชนะบ้างหรือกับการทำงานที่พยายามสอนคนให้มีความสุขอยู่กับตัวเองให้ได้ ในขณะที่โลกทุนนิยมพยายามบอกว่าเราจะมีความสุขสมบูรณ์ได้ด้วยการมีโน่น ใช้นี่ ต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
แม่คิดว่าแรงเหวี่ยง มันเหวี่ยงกลับเสมอ เหมือนลูกตุ้มนาฬิกานะ มันถูกเหวี่ยงไปข้างหนึ่งมาก มันจะสุดแล้วมันจะกลับมา ตอนนี้เส้นทางของการย้อนกลับได้เริ่มต้นมาอย่างต่อเนื่องนะคะ ถ้าลองไปคุยดูคนในระดับครีม ไม่มีใครที่ไม่สนใจเรื่องธรรมะเลย คือถ้าเกิดว่าเค้าไปถึงที่สุดๆแล้ว เค้าไม่ตื่นเต้นกับเรื่องของการแสวงหาแล้วนะคะ ทุกคนก็กลับมาที่เรื่องใจ แม่เคยนั่งคุยกับเศรษฐีอเมริกันพูดเรื่องใจ พูดเรื่องปฏิจสมุปบาท ทุกข์มีไว้ให้เห็นไม่มีไว้ให้เป็น ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหนในโลก แม่เดินทางแทบจะทุกเดือนก็เจอคนในระดับครีมของโลก เค้ามาคุยกับแม่เค้าจะคุยเรื่องใจ เพราะฉะนั้นแม่ไม่ต้องหวังหรอกค่ะ แม่รู้ว่าโลกมันเหวี่ยงกลับอยู่ เพียงแต่ว่าตอนนี้คนระดับบนเริ่มเหวี่ยงกลับ คนระดับล่างอาจจะยังวิ่งไปยังไม่ชนกำแพง และคนระดับล่างซึ่งมีจำนวนมากเลยน่ากลัว เพราะเราทอดทิ้งเรื่องจิตใจเป็นอะไรที่น่าเสียดายมาก
Unseen ของเมืองไทยนี่ คือการดำรงไว้ทางจิต การดูแลเรื่องจิตใจ เราต้องนำกลับมาเป็นการท่องเที่ยวเชิงลึก ประเทศไทยจะประสบความสำเร็จมากเลยค่ะ ถ้าเกิดว่าเราทำในมิติของการท่องเที่ยวทางจิตวิญญาณ เพราะที่นี่มีครูบาอาจารย์ มีสิ่งแวดล้อม มีสังคมที่เกื้อกูล มีธรรมชาติ แต่เราไป Promote เรื่องการท่องเที่ยวภายนอก โดยเราลืมไปว่า Unseen ของเราคือเรื่องใจ เราเก่งเรื่องนี้
ไฮคลาส : กระแสการตลาดยุคนี้เน้น Celebrity Marketing เอาคนระดับไฮโซ คนดังมาเป็นจุดขายดึงดูดชาวบ้าน และเป็นความจริงว่างานด้านธรรมะของเสถียรธรรมสถานก็มีบุคคลระดับครีมทั้งของประเทศและระดับโลกมาให้ความสนใจมากมาย ทำให้มีชื่อเสียงขยายวงกว้าง จะถูกมองว่าเป็นการเผยแพร่ศาสนาผ่านวิธี Celebrity Marketing หรือเป็นธรรมะของไฮโซหรือไม่
แม่คิดว่าบางทีคนไทยนี่ก็มีอะไรบางอย่างที่เราจับทางได้ว่า ถ้าฝรั่งชื่นชม หรือคนอื่นยกย่อง หรือคนอื่นได้ประโยชน์แล้วคนไทยก็จะตาม แม่ว่าเรื่องนี้แม่ก็เห็นเหมือนกันจากงานแม่นะคะ เพราะว่าแม่ทำงานในหน้าที่หนึ่งซึ่งคนไทยก็ไม่ค่อยรู้หรอกค่ะ คือแม่เป็น Co-chair ของ The Global Peace Initiative Women ซึ่งมีสมาชิกอยู่ 60 กว่าประเทศ และก็เป็นผู้หญิงในระดับครีมของทุกประเทศเลยนะคะ และแม่มีโอกาสที่จะได้เดินทางมากในแต่ละเดือน เพื่อที่จะไปนำภาวนาในงานเหล่านี้
ถามว่าแม่มีเพื่อนในโลกนี้ที่สนใจแม่ตรงไหน เค้าไม่เคยมาสนแม่ ที่แม่รวย แม่จน แม่เรียนจบอะไรมา แต่เค้าสนใจแม่ เพราะว่าแม่สามารถนำภาวนาได้ แม่สามารถที่จะไปทำให้เค้าเรียนรู้เรื่องใจได้ และเค้าสนใจแม่ตรงนี้
เมื่อฝรั่งพูดถึงแม่ ก็จะพูดถึงเรื่องการภาวนา เรื่องของการนำชีวิตของเราก้าวเข้าไปสู่ความสงบเย็น มันก็ทำให้คนไทยกลับมาหาแม่เรื่องนี้เยอะเหมือนกัน ซึ่งโดยปกติคนที่มาที่เสถียรธรรมสถานก็มาเพราะว่าสนใจเรียนรู้เรื่องใจทั้งนั้นแหละ
ถ้าถามว่าหนึ่งอาทิตย์ที่มีคนเข้ามาอาทิตย์ละเป็นพันนะคะ มาด้วยเรื่องอะไร ก็มาด้วยเรื่องสุขทุกข์ ทางใจ ไม่มีใครมาถามแม่ด้วยเรื่องการตลาด ( หัวเราะ ) และแม่ก็ไม่ได้คิดว่าแม่นี่เป็นสังคมของคนไฮโซนะ เพียงแต่ว่าแม่สื่อสารกับคนรุ่นใหม่ อย่างคนที่เข้าใจความคิดของเค้าก็เพราะแม่ทำงานอยู่ในโลกแล้วมาบวช แม่ไม่ได้เป็นคนที่บวชมาตั้งแต่เด็ก แม่เคยสมหวังผิดหวังในโลกมาแล้ว ไม่ตื่นเต้นกับมันแล้ว และแม่เข้ามา เพราะฉะนั้นคนหนุ่มสาวก็ฟังแม่สิ เวลาที่แม่พูดอะไรกับเค้า แม่พูดเข้าไปในวิถีที่เค้าเป็นอยู่
พวกไฮโซก็ไม่ได้มาในแบบอื่นหรอก อาจจะมาก็มาในฐานะที่เป็นกัลยาณมิตรกัน มาช่วยเหลือกัน อาจจะใช้ให้แม่เป็นสะพานในการที่จะทำงานเชื่อมโยงหรือเกื้อกูลสังคม อันนั้นก็น่าอนุโมทนานะคะ
ส่วนคนที่มาแล้ว…เจ้าประคุณเอ๊ยขอนู่นขอนี่ แม่ว่าพวกเค้าก็ไม่มาหาแม่หรอก เพราะว่าแม่ก็ให้เค้าไม่ได้หรอกในเรื่องเหล่านี้ แม่ให้ได้เรื่องคุณด้านที่ 4 เรื่องคุณโตได้ คุณพึ่งตัวเองได้ คุณเป็นอิสระได้ เราให้กำลังใจกันเรื่องเหล่านี้มาก แต่คนที่ทุกข์มานี่ แม่ก็จะพูดง่ายๆ เลยนี่ ทุกข์มีไว้ให้เห็น ไม่ใช่มีไว้ให้เป็น คุณอย่าอมทุกข์ ทุกข์นี่คนอื่นทำหนเดียว แต่คุณกำลังข่มขืนตัวเองอยู่หลายครั้ง คุณต้องเมตตาตัวเอง
ไฮคลาส : รู้สึกอย่างไรกับเรื่องราวเกี่ยวกับผู้หญิงในพุทธศาสนาที่มักถูกนำเสนอว่าต่ำต้อย เป็นอุปสรรคในการบำเพ็ญบุญ
แม่มองว่าการตีความมันถูกต้องหรือเปล่า เพราะว่าใน 25 ปีที่บวชมานี่ แม่ไม่เคยรู้สึกว่าต่ำต้อยเลย นะคะ และแม่ก็รู้สึกว่า เราได้โอกาสอยู่ตลอดเวลา ถ้าเราขวนขวายที่จะพึ่งตัวเอง
คือแม่ไม่ได้เป็น Feminism แม่เลยง่าย คือแม่คิดว่าเราก็มาเพื่อไป เราไม่ได้มาเพื่อเป็นอะไรหรอก มันเลยกลายเป็นอะไรที่ช่วยเราได้เยอะหรือเปล่าไม่ทราบ เราไม่ได้อึดอัดกับสิ่งเหล่านี้มาก แต่ถ้าถามแม่ว่า เราต้องช่วยให้โอกาสของผู้หญิงที่จะบรรลุธรรมมีอย่างถูกต้องและชัดเจนไหม แม่ว่าต้อง เพราะว่าโอกาสที่ผู้หญิงจะถูกหลอกมันเยอะ ความปลอดภัยของผู้หญิงน้อย ผู้หญิงพึ่งพาตัวเองได้น้อย เพราะฉะนั้นเมื่อเข้าไปในที่ที่ไม่ปลอดภัยผู้หญิงจึงตกเป็นเหยื่อ แม่ถึงต้องมีบ้านหลังหนึ่งซึ่งเป็นบ้านหลังที่ 2 ที่จะให้ผู้หญิงปลอดภัย และส่งเสริมกันอย่างเต็มที่ที่จะให้ผู้หญิงบรรลุธรรม
ไฮคลาส : สิ่งที่อยากฝากบอกสังคมผ่านไฮคลาส
แม่มองว่าคนที่อ่านไฮคลาสเป็นคนที่มีการศึกษาดี เป็นผู้มีโอกาสทางสังคม เมื่อคุณเป็นคนที่มีโอกาสทางสังคม เราควรจะใช้โอกาสนั้นเพื่อที่จะทำให้สิ่งนั้นมันทำให้โลกดีขึ้น เพราะคุณกำลังทำกรรมที่เป็นกุศลกรรมอย่างมหาศาลกับโลกใบนี้ โลกต้องการคนที่มีโอกาสทางสังคมที่จะขับเคลื่อนหรือเปลี่ยนความทุกข์ในโลกนี้ให้เป็นความสุขสงบเย็น โดยบุคคลที่ใช้โอกาสทั้งหลายต้องกลับมาสนใจในเรื่องของจิตใจ เมื่อคุณมีความรู้ คุณมีเงิน คุณมีอำนาจ คุณมีความพร้อมใดก็ตาม ขอให้คุณใช้สิ่งที่คุณมีอย่างคนที่ทำให้คุณเข้าถึงความสงบเย็น และเป็นประโยชน์ร่วมกันเถอะ เพราะนี่คือสิ่งที่คุณได้ฝากไว้ให้กับโลก มันเป็นปัจจุบันกรรมที่คุณทำแล้วคุณได้ผล
เราควรจะต้องสร้างสังคมที่ปลอดภัยโดยการสอนลูกหลานของเราว่า เราต้องเริ่มต้นจากการใช้ชีวิตของเราโดยไม่เบียดเบียนตัวเอง เราต้องเคารพคนที่อยู่ข้างหน้าเรา ไม่มีใครควรค่าแก่การเกลียดชังของเราเลย คนข้างหน้าเราเป็นคนพิเศษสำหรับเรา เพราะเราจะไม่ทำให้เค้าทุกข์เลย เราจะเป็นสุขถ้าเราไม่เกลียดชังใคร และสันติภาพก็จะเกิดขึ้น เราต้องฝึกรักตัวเองและรักคนอื่นอย่างชนิดที่มีปัญญา ไม่ใช่รักอย่างงมงาย ไม่ใช่รักอย่างเห็นแก่ตัว ความเห็นแก่ตัวเป็นภาวะงมงายของคนในยุคสมัยที่กำลังมีลัทธิบริโภคนิยม เราต้องออกจากความงมงายอันนี้ เราต้องกินอยู่อย่างมีความสุข ขโมยธรรมชาติน้อยที่สุด เราต้องเข้าถึงหัวใจของพระศาสนา ไม่ว่าเราจะอยู่ในศาสนาไหน เราต้องเป็นศาสนิกที่เข้าถึงแก่น และทำความเข้าใจระหว่างศาสนา ไม่อย่างนั้นมันก็จะมีความขัดแย้งอย่างที่เราเห็น และมันเป็นความขัดแย้งที่มันจะรุนแรงมากขึ้นเราจึงต้องทำความเข้าใจระหว่าง ศาสนิกด้วย
ความศักดิ์สิทธิ์ในชีวิตของคุณมันต้องมาจากการกระทำของตัวคุณ ถ้าคุณเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณ ให้มันรู้ตื่นและเบิกบานได้ คุณก็จะเข้าใจโลกใบนี้ และช่วยโลกใบนี้ให้รู้ตื่นและเบิกบานได้ เรามาช่วยกันทำให้เกิดก้าวย่างแห่งปัญญาที่จะทำให้เราเดินทางไปด้วยกันแล้วดี และมีความสุข