หม่อมหลวง ณัฏฐกรณ์ เทวกุล

หลายคนเชื่อว่า “ เดินตามหลังผู้ใหญ่ หมาไม่กัด ” แต่สำหรับชายหนุ่มผู้มีความเป็นตัวของตัวเองสูง อย่าง หม่อมหลวง ณัฏฐกรณ์ เทวกุล หรือคุณปลื้ม ชายหนุ่มวัย 29 ทายาทของหม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กับบทบาทการเป็น เป็นผู้สื่อข่าว ผู้ประกาศข่าว ผู้ช่วยบรรณาธิการ ผู้วิเคราะห์ข่าวเศรษฐกิจ ในหลายรายการข่าวอาทิ รายการข่าวภาษาอังกฤษนิวส์ไลน์ ทางช่อง 11 ที่แจ้งเกิดและเป็นจุดสนใจในวงการข่าวโทรทัศน์เมืองไทยมาจนถึงปัจจุบัน

ด้วยดีกรีปริญญาตรีทางด้านรัฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยวิสคอนซิ่น-เมดิสัน สหรัฐอเมริกา และปริญญาโท ที่มหาวิทยาลัยจอห์น ฮ็อปกิ้นส์ เมืองลุงแซมเช่นกัน โดยต่อยอดจากปริญญาตรีที่ไม่ลึกสักสาขา แต่ในระดับปริญญาโทที่เขาเลือกเน้นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งเน้นให้วิเคราะห์นโยบายเศรษฐกิจการเมือง ทำให้เป็นขุมความรู้นำมาปรับใช้ในการทำงานได้เป็นอย่างดี ทำให้คนทั่วไปคิดว่าเขาได้สิ่งเหล่านี้มาจากคุณพ่อล้วนๆ

“ ปัญหาคือ ผมกลัวผมจะไม่เดินตามเขาน่ะสิ ถ้าเดินตามเขาน่ะดี เจริญดี คือถ้าผมเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในวงการแบบที่พ่อทำมานี่ดีมาก ดีเลยล่ะ เพราะฉะนั้นจะเป็นความกลัวเหมือนกันว่าผมจะดำเนินรอยตาม ผมอาจจะไม่ติดระดับท็อปในสิ่งที่ผมทำ ปัญหาคือเดินตามรอยมันยาก และมันไม่ได้แล้วด้วย มันยิ่งใหญ่มาก เขาอยู่กสิกร เขาเป็นรัฐมนตรี เขาไปเป็นผู้ว่าแบงค์ชาติ แล้วเขามีธุรกิจอะไรอื่นๆ ซึ่งมันเยอะมาก เพราะฉะนั้นผมจะสร้างอะไรของผมเองให้เจริญแบบนั้นมันก็ไม่ง่าย การเดินตามรอยนี่ อย่างแรกก็คนละสายกันแล้ว มันก็เหลือเชื่อ ”

หากถามว่าการเข้ามาทำงานในแวดวงสื่อถือเป็นความฝันตั้งแต่เด็กหรือเปล่า เขามองย้อนกลับไปและวิเคราะห์ปัจจุบันของตนเองว่า

“ ผมชอบทีวี ผมคิดว่าผมเป็นคน..คือบางคนมองตัวเองเป็นนักข่าวก่อน ผู้ประกาศข่าวก่อน แต่ผมมองตัวเองเป็น TV Personality คือผมไปพากย์มวยปล้ำก็ได้ แต่นั่นไม่ใช่งานผม งานผมคือนำเสนอข่าวเศรษฐกิจ คราวนี้ละผมเลยต้องศึกษาในเรื่องพวกนี้ให้ละเอียด แต่ว่าถ้าผมไม่มีงานพวกนี้ให้ทำ ให้ผมไปพากย์บาสเก็ตบอลเอ็น บี เอ ผมก็เอา คือผมชอบสื่อทางทีวี ผมชอบทีวี ตั้งแต่เด็กๆ คือให้ทำอย่างอื่นเกี่ยวกับทีวีผมทำ แต่ว่าเราทำตรงนี้ก็ใช้ความรู้ที่เรียนมา ”

แต่จากที่คุณพ่อ หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นนักการธนาคารที่มีความสามารถ ดำรงตำแหน่งสำคัญๆ ในแวดวงการเงินการธนาคารของประเทศไทยนั้น แทบจะไม่เป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้ ม.ล.ณัฏฐกรณ์ สนใจในด้านนี้เลย หากแต่เป็นเสมือนการถ่ายทอดและความชอบส่วนตัวของทั้ง 2 ท่านที่ส่งถึงกัน

“ ไม่ได้เป็นแบบอย่าง แต่ว่าเขาทำอะไรทุกอย่างที่ผมรู้…ใช่ เขาสอนอะไรมาเยอะมาก ความรู้เกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจ การเมือง ทั้งสอนมา ทั้งสนับสนุนอะไรทุกอย่าง แต่ว่าไม่ใช่แบบอย่าง สิ่งที่ผมรู้แน่ๆ มาจากเขา สิ่งที่เหมือนกันคือบ้างานทั้งคู่ กลับบ้านดึก หมู่นี้อาจจะกลับเร็วกว่าเดิม แต่เมื่อก่อนนี่รับรอง เพราะงานเยอะ ผมเองก็บ้างานเหมือนกัน ”

“ พ่อผมตรงกันข้ามกับผมมาก พ่อผมเป็นคนที่..เขาเป็นคนรักงานของเขา แต่เขาชอบทำงานในแบบที่ไม่ PR. ตัวเอง คือเขามีอะไรเยอะเลย ทำธุรกิจอะไรหลายอย่างซึ่งคนจะคิดว่าคนอื่นทำ แต่ว่าเขาทำอยู่เบื้องหลัง ผมตรงกันข้ามเพราะว่าผมชอบอยู่ข้างหน้าให้คนรู้จัก ออกรายการเยอะ คนรู้จักผม ผมดีใจไง แต่พ่อผมไม่ต้องมาคุยกับผม ไม่ต้องมาสัมภาษณ์ผม คนมาเชิญเขาสัมภาษณ์เขาไม่เอา เพราะฉะนั้นมันไม่ใช่แรงบันดาลใจอะไร คือคนละแบบกันเลย

การที่เป็นสมาชิกคนหนึ่งในราชสกุลเทวกุล ซึ่งมีบทบาทมากมายในอดีตและสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน อาทิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอฯ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ ผู้ทรงวางรากฐานการต่างประเทศของสยามในสมัยรัชกาลที่ 5 และบรรพบุรุษพระองค์อื่นๆ ทำให้ม.ล.ณัฏฐกรณ์ มองตนเองออกไปจากที่บรรพบุรุษเคยสร้างมา

“ คือผมเห็นทุกอย่างเป็นการแข่งขันหมด แล้วการแข่งขันในเมืองไทยนี่ เป็นการแข่งขันระหว่างตระกูล แล้วคุณจะไม่ได้ยินเทวกุลคนอื่นออกมาพูแบบนี้ ผมพูดแทนคนๆ หนึ่งที่พูดความจริงว่าทุกตระกูลมีการแข่งขัน เพราะว่ามันเป็นการแข่งขันที่จะกอบกู้เกียรติยศของวงศ์ตระกูล ในอดีตนี่มันเป็นการแข่งขันระหว่างตระกูล ตระกูลนี้สนิทกับนี่ได้เงินเยอะ ตระกูลนี้บริหารประเทศ ยุคนี้เป็นยุคที่การเมืองครอบคลุมอำนาจ เพราะฉะนั้นถ้าเทวกุลจะเป็นตระกูลที่ถูกจารึกอยู่ในประวัติศาสตร์ต่อไป

การที่เทวกุลที่มีความเป็นมาตั้งแต่รัชกาลที่ 4 แต่ร้อยปีจากตอนนี้ ในยุคสมัยนั้นคนจะยังแคร์อยู่รึเปล่า ? นี่คือสิ่งสำคัญ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมจะยังทำอยู่ทุกอย่าง ผมไม่ใช่แค่จะทำให้คนจดจำได้ ผมต้องการที่จะสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ อย่างพ่อผมเป็นผู้ว่าแบงค์ชาติ เขาอาจจะไม่ได้ทำด้วยเหตุผลนั้น แต่เพราะเป็นสายที่เขาเดินมา ผมก็พยายามในบางส่วนของผมเหมือนกัน แต่คือ ตอนจบ นี่ คนจะยังจำหรือเปล ่า ? ”

เขากำลังสร้างความทรงจำใหม่ให้กับสังคมได้รับรู้ว่าเขาก็เป็นที่จดจำได้ด้วยความสามรถที่เขามี และไม่ใช่ใครปูทางให้ สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นความสามารถของตนเอง

Related contents:

You may also like...