ชีวิตตนให้สุขด้วยสังคหธรรม

4545

เป็นธรรมดาที่ทุกคนต่างต้องการความรักจากคนรอบข้าง บ้างก็แสวงหาด้วยความน่ารัก บ้างก็แต่งตัวให้ดูดี บ้างพูดจาหวานหูเพื่อรียกร้องหาความรัก แต่วิธีการเหล่านี้ก็ไม่ประสบผลสำเร็จเสมอไป น่าแปลกที่ว่าบางคนไม่จำเป็น ต้องทำตัวให้เด่นดัง ไม่ต้องแต่งหน้าทาปาก ไม่มียศตำแหน่งสูง แต่กลับเป็นที่รักของคนรอบข้างได้ การทำให้คนรอบข้างรักเรา พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนให้ปรับที่ตัวของเราเอง คือต้องทำตัวเราให้เป็นคนน่ารักเสียก่อน โดยการปฏิบัติตามสังคหวัตถุ4 อันประกอบด้วย ทาน ปิยวาจา อัตถจริยา สมานัตตา ซึ่งเป็นการปฏิบัติเพิ่อยึดเหนี่ยวน้ำใจกัน ทำให้เกิดความเคารพรักใคร่นับถือ เกรงอกเกรงใจกัน ไม่ว่าใครก็ตาม เมื่อมีหลักสังควัตถุทั้งสี่นี้ก็จะทำให้ อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

ธรรมชาติของใจคนโดยทั่วไปไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ที่ยังไม่หมดกิเลส จะมีความอยากของใจอยู่ ตลอดเวลา ใครก็ตามที่ช่วยให้เขาสมความอยากได้เขาก็พร้อมที่จะรักคนๆนั้น ทานคือการให้ พอให้แล้ว เขาได้สิ่งที่เขาต้องการ เขาก็จะมีความรักเราขึ้นมา การให้ทานไม่ได้หมายถึงการให้วัตถุสิ่งของหรือเรียกว่าอามิสทานแต่เพียงอย่างเดียว ยังหมายรวมถึงการให้ความรู้เป็นทานด้วย ถ้าเป็นความรู้ทางโลกเรียกว่าวิทยาทาน ถ้าเป็นความรู้ทางธรรมก็เรียกธรรมทานนอกจากนี้ยังมีการให้ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือการให้อภัย ไม่ถือโกรธเคือง มีจิตเมตตาเรียกอภัยทาน คนเราอยู่ด้วยกันเป็นธรรมดาที่จะต้องมีการกระทบกระทั่งกันบ้าง ขัดใจกันบ้าง แต่เมื่อขัดใจกันแล้วก็ควรต้องมีการให้อภัยกันให้เรามองแต่ข้อดีของเขาแล้วความไม่พอใจจะค่อยๆลดลงจนหายไป เราก็จะมีแต่ความสุขใจ สบายใจ มีความรักความเมตตาที่พร้อมจะมอบให้กับทุกคน

สักวาหวานอื่นมีหมื่นแสน ไม่เหมือนแม้นพจมานที่หวานหอม สักวาบทนี้แปลความหมายของคำพูดไว้อย่างชัดเจนว่าคำพูดเป็นนายคน มีความหมายอย่างมาก ฉะนั้นการจะกล่าวอะไรออกมาแล้วนั้นย่อมต้องคำนึงถึงความถูกต้องเที่ยงธรรม คำพูดนี้มีความสำคัญ การพูดนั้น ถ้อยคำจะทำให้คนรักเราหรือเกลียดเราก็ได้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้หลักการพูดไว้ให้มีความอ่อนน้อมสละสลวย ซึ่งในทำนองนี้เรียกว่า “ปิยวาจา” นอกจากนี้แล้วต้องเป็นคำจริง เป็นคำสุภาพ ไพเราะอ่อนหวาน พูดแล้วก่อให้เกิดประโยชน์ พูดด้วยจิตเมตตา ถูกกาลเทศะ คือ ถูกเวลาและสถานที่ นอกจากการพูดจาไพเราะแล้วจะต้องมีหางเสียงด้วย ถือเป็นการเพิ่มเสน่ห์ให้กับคนพูดได้มาก หลวงพ่อเคยเปรียบเอาไว้ว่าคำพูดที่ไพเราะมีหางเสียงนั้นก็เหมือนทองหยอดที่มีจงอย ก็เหมือนถ้อยคำที่ไพเราะเมื่อพูดไปแล้ว คำพูดก็หวาน มีหางเสียงเหนี่ยวใจคนให้มาติดอยู่ที่เรา หากเรามีความจำเป็นที่จะต้องเตือนผู้อื่นก็พอมีวิธีการเตือนดังนี้ เลือกจังหวะให้เหมาะสมดูเวลาและอารมณ์ให้ดี ชมก่อนแล้วค่อยเตือน ยิ้มก่อนติ ต้องเป็นเรื่องจริงและเป็นเรื่องที่เกิดประโยชน์ ซึ่งจะต้องทำให้ครบทั้ง 5 ข้อ ถ้าไม่คบก็อาจทำให้โกรธกันก็ได้ สำหรับผู้ถูกเตือนไม่ว่าเขาจะเตือนผิดหรือถูก ก็ให้รีบขอบคุณเพราะนั่นแสดงว่า เขารักเราจริง ถ้าไม่รักจริงจะไม่กล้าเตือน ถ้าใครทำได้อย่างนี้จะเป็นคนมีเสน่ห์อย่างยิ่ง อยู่ที่ไหนก็จะมีแต่คนรักแล้วจะรักกันยืดอีกด้วย เพราะว่าเป็นคนไม่มีทิฐิมานะ

อัตถจริยา คือ การทำตนให้เป็นประโยชน์ ในข้อนี้แยกได้เป็นสองคือการทำตัวของเราให้เป็นคนมีมีประโยชน์และการสร้างประโยชน์ให้กับคนอื่น คือ เราจะต้องฝึกตัวเของเราเองให้เป็นคนมีประโยชน์ เพราะถ้าคนไหนเป็นคนที่มีประโยชน์ คนๆนั้นจะเป็นที่รักของคนอื่น ใครๆก็อยากเข้าใกล้ วิธีทำให้เราเป็นคนมีประโยชน์ทำได้ด้วยการหมั่นปรับปรุง พัฒนาความรู้ ความสามารถของเราให้ยิ่งๆขึ้นไปตลอดเวลาและต้องต้องทำควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณธรรมด้วย เพราะเราจะเป็นคนเก่งอย่างเดียวไม่พอแต่ต้องเป็นคนดีดัวย เมื่อเราฝึกตัวเองให้เป็นคนมีประโยชน์แล้ว ก็ต้องสร้างประโยชน์ให้กับคนอื่นด้วยให้ การช่วยเหลือเกื้อกูลกัน มีน้ำใจไมตรีต่อกัน เห็นอะไรช่วยได้ก็ช่วย ไม่นิ่งเฉยดูดายก็จะเป็นที่รักของคนทั่วไป แม้แต่ในสังคมที่ถูกยกย่องให้เกียรติย่อมเป็นบุคคลที่ทำคุณประโยชน์แก่หมู่ชนนั้นๆ เพราะฉะนั้นเมื่อเราอยู่ที่ใด เราควรทำตัวให้เกิดประโยชน์ บุคคลใดก็ตามเป็นบุคคลที่มีประโยชน์ บุคคลนั้นจะเป็นบุคคลที่น่ารักน่าเข้าใกล้

การวางตนให้สม่ำเสมอ ตลอดจนการวางตัวของเราให้สมกับฐานะและบทบาทของตัวเองรวมเรียกว่าสมานัตตตา ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะใดเราก็วางตัวให้เหมาะ มองตามชีวิตคือตั้งแต่เมื่อเราเป็นเด็กก็มีฐานะเป็นลูกศิษย์ที่รักของคุณครู เป็นลูกที่น่ารักของคุณพ่อคุณแม่ ถ้าใครมีพี่ เราก็มีฐานะเป็นน้อง จะเห็นได้ว่า แต่ละคนก็จะมีหลายฐานะในตัวเอง ดังนั้นเราจะต้องศึกษาว่าในแต่ละฐานะที่เราเป็นอยู่มีหน้าที่อะไรบ้าง เมื่อศึกษาแล้วก็ต้องปฏิบัติตามหน้าที่นั้นให้สมบรูณ์ถ้าทำได้เช่นนี้ เราก็จะเป็นที่รักของคนรอบข้าง นอกจากนี้เราจะต้องทำตนให้เสมอต้นเสมอปลายด้วยคือเราเคยวางตัวกับคนอื่นในทางที่ดีอย่างไร เราก็ยังคงปฏิบัติอย่างนั้นไม่เปลี่ยน แม้ว่าเราจะได้ดิบได้ดีแล้ว เราก็ไม่ลืมตัวหรือว่าเมื่อเราเห็นคนอื่นเขาได้ดี เราก็แสดงออกให้เขารับรู้ว่าเรามีความยินดีกับเขาอย่างจริงใจ ไม่คิดกลั่นแกล้งใส่ร้ายป้ายสีเขา ถ้าใครทำได้อย่างนี้ รับรองว่าไม่ว่าจะย่างเท้าไปถึงไหนก็จะเป็นที่รักไปถึงนั่น จะเห็นได้ว่า สังคหวัตถุทั้งสี่นี้เป็นธรรมะที่ใช้ได้จริงในปัจจุบันที่สำคัญมากเป็นวิธีการครองใจคนชั้นเยี่ยม สังคหวัตถุ 4 มาใช้ในการดำเนินชีวิต อย่างมีความสุขเป็นที่รักของทุกคน

Thanks to image from http://www.preawza.com/wp-content/uploads/2013/04/%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B4.jpg

Related contents:

You may also like...