“ร้อนใน” สัญญารเตือนภัย ร่างกายทรุดโทรม

1362626488

อากาศเมืองไทยบ้านเราทุกวันนี้สับสนอลหม่านไปกันใหญ่แล้ว ก่อนสงกรานต์ก็ร้อนกันจนแทบละลาย พอสงกรานต์เหมือนว่าฟ้าร่วมสาดน้ำให้กับพวกเราราวกับเป็นฤดูฝนเต็มประดา แต่ถึงอย่างไรก็อย่าชะล่าใจดูแลตนเองให้สุขภาพแข็งแรงถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่ง แน่นอนว่าหยุดยาวเทศกาลหลายท่านมีเวลาอยู่กับครอบครัวพร้อมหน้าเฉลิมฉลองวันแห่งความสุขอย่างเต็มที่ บ้างฉลองโต้รุ่งกันโดยไม่หลับไม่นอน

การโต้รุ่งนั้นเป็นการสนุกสนานแบบออกรสชาติชีวิต แต่ไม่ใช่สิ่งที่ร่างกายจะรับได้เพราะร่างกายต้องการการพักผ่อนที่เพียงพอในแต่ละวัน เมื่อร่างกายไม่ได้พักก็จะแสดงปฏิกิริยาอาการต่างๆให้เรารับรู้ และเชื่อว่าหลายคนขณะนี้กำลังเป็น “ร้อนใน” ในช่องปาก บ้างจับไข้ก็มี

แผลร้อนใน (Recurrent aphthous ulceration) เป็นโรคที่พบได้บ่อยเกิดขึ้นที่เนื้อเยื่อบุผิวของช่องปากผลที่เกิดอาจเกิดเพียงหนึ่งหรือหลายแห่ง ทำให้เกิดความเจ็บปวดมาก การเกิดแผลร้อนในมีความเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน สภาพทางจิตใจและสังคม มักจะเกิดกับผู้มีรายได้น้อย มีความเครียดและมีการทำงานที่มีการแข่งขันสูง อาจเกิดจากลักษณะทางกรรมพันธุ์ และภาวะขาดสารอาหาร โดยเฉพาะขาดธาตุเหล็ก,โฟเลต หรือวิตามินบี 12 นอกจากนี้ยังพบได้ในผู้หญิงก่อนมีประจำเดือน

ลักษณะแผลร้อนใน

1. แผลร้อนในขนาดเล็ก (minor aphthous ulceration)
แผลลักษณะนี้พบได้บ่อยในกลุ่มผู้มีอายุระหว่าง 15 – 45 ปี พบในเพศหญิงมากกว่าเพศชายเล็กน้อย มักพบบริเวณเยื่อเมือกด้านริมฝีปาก ด้านแก้ม, กระพุ้งแก้ม และขอบของลิ้น รอยโรคมักปรากฏอยู่ในช่องปากประมาณ 14 วัน และมีอาการเจ็บปวดในช่วงสั้น ๆ แต่เมื่อเยื่อบุผิวในช่องปากฉีกขาด จะเป็นแผลซึ่งมีลักษณะกลมรี มีสีเหลืองอ่อน จะมีความเจ็บปวดมากขึ้น

2. แผลร้อนในขนาดใหญ่ (major aphthous ulceration)
แผลชนิดนี้พบได้น้อยกว่าแผลขนาดเล็ก แผลขนาดใหญ่นี้จะทำให้ผู้ป่วยมีความเจ็บปวด การรับประทานอาหาร การพูด การกลืนน้ำลายจะยากลำบาก พบได้ทุกบริเวณในช่องปาก การหายของแผลกินเวลาประมาณ 10 -40 วัน มักพบลอยแผลเป็นหลงเหลืออยู่

3. แผลชนิดคล้ายเฮอร์ปีส์ (herpetiform ulceration)
แผลที่เกิดขึ้นจะมีลักษณะคล้ายแผลขนาดเล็กพบได้บ่อยบริเวณใต้ลิ้น เพดานอ่อน ริมฝีปาก ด้านใน ลักษณะแผลจะเป็นกลุ่ม และเจ็บปวด หายได้ภายใน 7 – 14 วัน ผู้ป่วยมักกลืนลำบากและน้ำหนักลด เนื่องจากรับประทานอาหารลำบากและไม่เพียงพอ

6c877a430b670f9fa20ea03b5ad7231c

การรักษาแผลร้อนใน
ในปัจจุบันยังไม่มียาชนิดใดที่รักษาแผลร้อนในให้หายขาด โดยไม่ปรากฏอาการเกิดขึ้นมาอีก ดังนั้นการรักษาที่นิยมในปัจจุบันคือ รักษาไปตามอาการโดยให้สเตียรอยด์ชนิดทาเฉพาะที่ เพื่อลดอาการเจ็บและอาการอักเสบ ดังนี้

  • ไทรแอมซิโนโลนอะเซทโทไนด์ ชนิดขี้ผึ้ง 0.1% ทาวันละ 3 ครั้ง หลังอาหาร
  • ฟลูโอซิโนโลนอะเซทโทไนด์ 0.1% สารละลายหรือชนิดขี้ผึ้ง ทาวันละ 3 ครั้ง หลังอาหารหรือ อาจใช้ คลอร์เฮ็กซิดีนกลูโคเนต 0.2 – 1% ใช้อมบ้วนปาก 10 มิลลิลิตร อม 1 นาที วันละ 2 ครั้ง (เช้า – เย็น) หรือหลังอาหาร

 

สี่งที่ควรทําเมื่อเกิดแผลร้อนใน
หลีกเลื่ยงอาหารเค็มจัดและอาหารที่มีกรดหรือรสเปรื้ยว เช่น ผักดอง รวมไปถึงขนมหวานที่เคื้ยวจนเหนืยว รวมทั้งเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์อาจทําให้อาการแผลในปากที่เป็นอยู่มี อาการรุนแรงขึ้น นอกจากนั้นควรบ้วนปากด้วยนําเกลือวันละ 2 ถึง 3 ครั้ง และถ้าแผลไม่หายภายใน 3 สัปดาห์ควรไปพบแพทย์

แผลร้อนในเรื้อรังมียารักษาแล้ว
ยา Pentoxifylline เป็นยาที่ใช้รักษาโรคเส้นเลือดขาตีบ โดยออกฤทธิ์ลดการอักเสบ และมีการใช้ยานี้อย่างยาวนานโดยที่มีผลข้างเคียงต่ำ Dr Martin H. Thornhill, MBBS, PhD, จาก University of Sheffield School of Clinical Dentistry in England และคณะ ได้สึกษาผู้ป่วยจำนวน 49 คนพบว่าผู้ที่ได้รับยา Pentoxifylline จะมีอาการปวด จำนวนแผล และหายเร็วกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับยา อย่างไรก็ตามร้อยละ 69 เกิดผลข้างเคียง เช่นเวียนศรีษะ ความเห็นผู้วิจัยเนื่องจากการศึกษานี้ใช้ผู้ป่วย จำนวนไม่มาก และผลที่ได้ไม่มาก เมื่อเทียบกับผลข้างเคียง จึงไม่แนะนำให้ใช้ยานี้เป็นยาตัวแรก ในการรักษาโรคนี้ แต่หากรักษาด้วยยาอื่นแล้วไม่ได้ผล ก็สามารถให้ยานี้เสริมได

พึงระลึกไว้ว่าแผลร้อนในเป็นสัญญาณเตือนว่าร่างกายกําลังเหนื่อยล้าหรือ ทรุดโทรม จึงต้องดูแลตนเองให้แข็งแรงด้วยการกินอาหารให้เหมาะสม นอนหลับ อย่างเพืยงพอและออกกําลังกายกลางแจ้งในที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์เป็นประจํา จะช่วยลดความเสื่ยงจากโรคนี้ลงไปได้

สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี

Related contents:

You may also like...