“พ่อแม่เลี้ยงลูกเปรียบเสมือนปลูกต้นไม้อย่างมีระเบียบแบบแผน ต้นไม้ก้จะขึ้นอย่างมีระเบียบสวยงามตามแบบแผนที่วางไว้ การสอนลูกตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา คือ ผู้เป็นแม่ต้องหมั่นสวดมนต์เป็นประจำ การที่ต้นไม้ต้นไม้ไม่มีความสวยงามขึ้นระเกะระกะ เกิดจากการปลูกที่ไม่มีระเบียบ จะโทษใครได้เล่า? โทษต้นไม้หรือคนปลูก” (ที่มา : เทศนาธรรมพระธรรมสิงหบุราจารย์)
มงคลข้อที่ 12 ว่าด้วยการเลี้ยงบุตร บุตรมาจากคำว่า ปุตฺต แปลว่า ลูก มีความหมาย 2 ประการคือผู้ทำสกุลให้บริสุทธิ์และผู้ยังหทัยของพ่อแม่ให้เต็มอิ่ม วันหนึ่งผู้เป็นพ่อแม่ต้องแก่และจากไป สิ่งที่อยากได้กับทุกคน คือความปิติ ความปลื้มใจไว้หล่อเลี้ยงใจให้สดชื่น ความปลื้มปิติจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อได้เห็นผลแห่งความดีหรือผลงานดีๆที่เราทำไว้ ยิ่งผลงานดีมากเท่าไร ยิ่งชื่นใจมากเท่านั้น แล้วอายุจะยืน สุขภาพจะแข็งแรง ความหวังของพ่อแม่โดยหลักแล้วหลีไม่พ้น บุตรที่เราเลี้ยงมาแล้วจักเลี้ยงตอบแทน บุตรที่เราเลี้ยงมาแล้วจักทำกิจธุระแทนเรา วงศ์สกุลของเราจักดำรงอยู่ได้นาน ลูกหลานปฎิบัติตนเป็นคนดี สมควรรับมรดก เมื่อพ่อแม่ละโลกไปแล้ว บุตรจักบำเพ็ญทักษิณาทานให้ ปรารถนา 5 ประการนี้ บิดามารดาจึงอยากมีบุตร
ประเภทของบุตร
- อภิชาตบุตร คือบุตรที่ดีมีคุณธรรมสูงกว่าบิดามารดา เป็นบุตรชั้นสูง สร้างความเจริญแก่วงศ์ตระกูล
- อนุชาตบุตร คือบุตรที่มีคุณธรรมเสมอบิดามารดา เป็นบุตรชั้นกลาง พอรักษาวงศ์ตระกูลไว้ได้
- อวชาตบุตร คือบุตรที่เลว มีคุณธรรมต่ำกว่าพ่อแม่ เป็นบุตรชั้นต่ำ นำความเสื่อมเสียมาสู่วงศ์ตระกูล
สิ่งที่ผู้เป็นพ่อเป็นแม่ควรตระหนักไว้นั่นคืออย่าให้ลูกอยู่ว่าง อย่าให้ห่างผู้ใหญ่ นกอยู่ในกรงให้รีบสอน ออกไปแล้วจะตามไปสอนอย่างไร ที่สำคัญคือพ่อแม่ต้องเป็นผู้กะทำความดีให้ลูกเห็น เป็นต้นว่าสวดมนต์เป็นตัวอย่างให้ลูกตั้งแต่เด็ก เขาก็จะสวดตาม เรื่องหนึ่งคือพาลูกเข้าวัดตอนเป็นหนุ่มเป็นสาวพวกเขาจะเห็นพระเป็นตุ๊กตา ต้องพามาตั้งแต่เด็กจะได้เรียบร้อย องค์ประกอบให้ได้ลูกดี คือตนเองต้องเป็นคนดีและการเลี้ยงดูอบรมที่ดี พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า การที่เราเป็นพ่อเป็นแม่ของบุตรนั้น มีหน้าที่ที่ต้องให้กับลูกของเราคือ ห้ามไม่ให้ทำความชั่ว ปลูกฝังสนับสนุนให้ทำความดี ให้การศึกษาหาความรู้ ให้ได้คู่ครองที่ดีและมอบทรัพย์ให้ในโอกาสอันควร
วิธีเลี้ยงดูลูกในทางธรรม
- พาลูกเข้าวัดเพื่อศึกษาหาความรู้ทางพระพุทธศาสนา
- ชักนำลูกให้สวดมนต์ก่อนนอนทุกคืน
- ชักนำให้ลูกทำบุญ
- ชักนำให้ลูกทำสมาธิภาวนาร่วมกันเป็นประจำทุกวัน
- ถ้าลูกเป็นชายให้บวชเป็นสามเณรหรือบวชเป็นพระภิกษุ
- เข้าปฏิบัติกรรมฐาน รวมทั้งศึกษาปริยัติธรรม
- รักลูกแต่อย่าโอ๋ อย่าตามใจจนเกินไป เพราะจะทำให้เด็ก เสียนิสัย
- อย่าเคร่งระเบียบจนเกินไป
- เมื่อเห็นลูกทำผิด ควรบอกกล่าวสั่งสอนเพื่อจะได้แก้ไขได้ทันท่วงทีและเห็นลูกทำดีก็ชมเพื่อให้เกิดกำลังใจ
- ต้องฝึกให้ลูกทำงานตั้งแต่ยังเด็ก
- การเลี้ยงลูกให้แต่ปัจจัย 4 ยังไม่พอ จะต้องให้ธรรมะแก้ลูกด้วย
อานิสงส์การเลี้ยงดูบุตร
- พ่อแม่จะได้ความปิติภาคภูมิใจเป็นเครื่องตอบแทน
- ครอบครัวจะสงบร่มเย็นเป็นสุข
- ประเทศชาติจะมีคนดีไว้ใช้
- เป็นต้นแบบที่ดีงามของสังคมสืบไปตลอดกาลนาน
ฯลฯ
สิ่งหนึ่งที่พึงสงสัยคือ “จัดแจงให้ลูกได้แต่งงานกับคนดี”
พ่อแม่ต้องเป็นธุระในการแต่งงานของลูกให้คำแนะนำและช่วยเหลือ ซึ่งพ่อแม่ต้องพยายามให้ลูกได้คู่ครองที่ดี ปัญหาสำคัญมีดังนี้
- พ่อแม่แทรกแซงความรักของลูก มีผลดีหรือผลเสียอย่างไร ถ้าคิดโดยละเอียดถี่ถ้วนแล้ว จะเห็นผลดีมากกว่าผลเสีย จะมีผลเสียอยู่เฉพาะในรายที่พ่อแม่ขาดจิตวิทยาและชอบทำอะไรเกินกว่าเหตุเท่านั้น แต่การร่วมมือเป็นของดีแน่ ความจำเป็นอยู่ที่ว่า ลูกยังอยู่ในวัยเยาว์ รู้จักโลกน้อย มองโลกในแง่ดีเกินไป อาจตัดสินใจผิดพลาดได้และความผิดพลาดในด้านคู่ครองนั้นมีผลมาก แก้ได้ยาก
- ใครควรเป็นผู้ตัดสินการแต่งงานของลูก ทางที่ดีที่สุด คือปรึกษาหารือและตกลงกัน พ่อแม่ควรเป็นเพียงที่ปรึกษา ไม่เจ้ากี้เจ้าการจนเกินงาม ต้องให้ลูกได้แต่งงานกับคนที่เขารัก “คนที่เราไม่ชอบแต่ลูกรัก ดีกว่าคนที่เรารักแต่ลูกไม่ชอบ”
เรียบเรียงจาก บทความของมหาภาและเทศนาธรรมพระธรรมสิงหบุราจารย์
http://selsoker.com/2you1.com/wp-content/uploads/2010/11/pregnancy-blog-featured-2.jpg
http://www.demeroladdictionhelp.com/images/son-daughter-stop-using-demerol.jpg
http://www.takesavillage.net/wp-content/uploads/2012/04/mother-hugging-son.jpg