จะว่าไปแล้วในตัวมนุษย์เองนี้ก็แปลก มีความซับซ้อนมากมายในตนเองทั้งระบบอวัยวะภายในและรูปลักษณ์ภายนอก ที่มีถูกบังคับให้มีความแตกต่างด้วยเพศธรรมชาติ แต่ถึงกระนั้นทั้งหญิงและชายต่างมีอวัยวะที่ซับซ้อนเช่นเดียวกันเปรียบลำไส้ที่ขดเป็นทบๆในช่องท้องเสมือนสายไฟในเครื่องคอมพิวเตอร์ก็ไม่ปาน หากกล่าวเช่นนี้แล้วเราก็มีหัวใจเป็น Main board ในการควบคุมร่างกาย อาศัยความรู้สึกนึกคิดเป็นผู้กดปุ่มต่างๆให้เราคิด อ่าน เขียน และกระทำสิ่งต่างๆ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องอาศัยปัจจัยอื่นร่วมด้วย คอมพิวเตอร์โน้ตบุคหากไม่ได้รับการชาร์จแบตเตอร์รี่แล้วการส่งกำลังไฟในการทำงานก็ไม่สามารถทำได้อย่างสมบูรณ์ ยิ่งเครื่องขึ้นเตือนว่ามีแบตเตอร์รี่ เหลือ 6 % ไม่ทันไรหน้าจอก็ดับลงทันที
ไฟฟ้าที่ว่านี้คงไม่ต่างจากพลังที่มนุษย์แต่ละคนมี เป็นต้นว่าพลังกาย ความคิด จิตใจ ในส่วนนี้เคยมีคำพูดที่ว่าเป็นพลังที่ลึกลับแห่งจิตที่ผสานรวมเป็นหนึ่ง นั่นคือหลักยึดแห่งจิต “จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว” ซึ่งกล่าวโดยหลักแห่งความสมดุลธรรมชาติสามารถเชื่อมโยงได้ ด้วยแนวคิดที่เน้นพลัง อานุภาพแห่งความคิด จินตนาการ ทุกคนคือเสาส่งสัญญาณ ซึ่งมีพลังเหนือสัญญาณอื่นๆบนพื้นพิภพและจักรวาลสามารกระจายคลื่นความถี่ของมนุษย์ สร้างชีวิตของแต่ละคนและสร้างโลก ความคิดของมนุษย์ก่อตัวเป็นคลื่นความถี่ดึงดูดสิ่งทีเหมือนกันซึ่งอยู่ในระดับคลื่นความถี่เดียวกัน กล่าวคือ พลังความคิดเป็นสัญญาณ ที่สามารถเชื่อมโยงถึงกันได้
หากมนุษย์ต้องการจะเปลี่ยนอะไรก็ตามในชีวิตของตน มนุษย์ต้องเปลี่ยนความถี่ด้วยการเปลี่ยนความคิดของตนเอง แรงสั่นสะเทือนของพลังจิตคือคลื่นความถี่ที่มีความละเอียดสูงสุด ด้วยเหตุนี้จึงพลานุภาพสูงสุดในบรรดาสรรพสิ่งที่ดำรงอยู่
สาเหตุเพียงประการเดียวที่คนเราไม่ได้สิ่งที่ตนเองต้องการก็เพราะมัวคิดถึงสิ่งที่ตนเองไม่ต้องการ กฎแห่งแรงดึงดูดเป็นกฎธรรมชาติ ไม่จำเพาะเจาะจงตัวบุคคล ไม่จำแนกดีชั่ว หากแต่รับความคิดของคนแล้วสะท้อนความคิดนั้นกลับมาในรูปของประสบการณ์ชีวิต ทั้งจักรวาลเกิดจากความคิด ทุกคนสร้างชีวิตของตนเองผ่านการคิดและกฎแห่งการดึงดูด กฎไม่ได้ทำหน้าที่เฉพาะกับคนที่รู้ว่ากฎนี้มีอยู่ แต่กฎนี้ส่งผลต่อชีวิตของแต่ละคนและทุกๆคนตลอดเวลา เพราะฉะนั้นขอให้ความคิดสุดท้ายก่อนหลับนอนของตนเป็นความคิดดีๆ การสวดมนต์ แผ่เมตตา ทำสมาธิ เจริญภาวนา ก็จะสามารถพลิกทุกสถานการณ์และเหตุการณ์ต่างๆในชีวิตได้ด้วยการเปลี่ยนวิธีคิดของตนเอง ความคิดต่างๆควรอยู่บนพื้นฐานของ ศีลธรรม คุณธรรม ที่ได้มาด้วยความยุติธรรม ไม่เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น
คนเราจะควบคุมความคิดตนเองได้ คือ การเรียนรู้ที่จะสงบสติอารมณ์ การทำสมาธิในชีวิตประจำวันอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้เกิดพลังแห่งสติปัญญาช่วยให้จิตใจสงบควบคุมความคิดได้และช่วยฟื้นฟูร่างกายด้วย แม้เพียงทำสมาธิเพียงวันละ 3 ก็ถึง 5 นาที ก็สามารถช่วยควบคุมความคิดได้อย่างเหลือเชื่อ แล้วเราก็สามารถมีพลังที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งใดก็ได้ เพราะตนเองเป็นผู้เลือกความคิดเป็นผู้ที่รู้สึกถึงความรู้สึกของตนเอง ตัวตนของเราคือพลังงานนิรันดร์ซึ่งจะมีอยู่และเป็นอยู่ตลอดไป อาจเพียงแค่เปลี่ยนรูปแบบไปเท่านั้น แต่ไม่สามารถถูกทำลายได้
Text : Porsche Kittisak K