ไม่ว่าจะเป็นการ์ตูนจากผู้สร้างระดับโลกอย่าง Walts Disney ที่เสกสรรเรื่องราวสะกดจิตวิญญาณของผู้ที่หลงใหลในการ์ตูน มีฉากของสถานที่ที่สวยสดงดงามในทุกเรื่อง ซึ่งแต่ละเรื่องนั้นจะเป็นดินแดนที่กว้างใหญ่ไพศาลมีปาฏิหาริย์เวทย์มนตร์ต่างๆ ในวันนี้เรามาดูกันว่า สถานที่ที่เป็นอรงบันดาลใจหรือจินตนาการให้เหล่านักคิดนักวาด เนรมิตออกมานั้นมีอะไรบ้าง
Shangri la
สถานที่จิตนาการที่ปรากฏอยู่ในหนังสือเรื่อง Lost Horizon เขียนโดย เจมส์ ฮิลตัน โดยหนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1933 เพื่อปลอบประโลมจิตวิญญาณของผู้คนที่กำลังสับสนกับชีวิตหลังสงครามโลกครั้ง ที่ 1 โดยหนังสือเล่มนี้ทำให้ชาวโลกรู้จักเมืองแชงกรีลา(เป็นภาษาธิเบตหมายถึงทางนำไปสู่ดวงตะวันและดวงจันทร์โดยดวงจิตหรือดินแดนอีกด้านหนึ่งของโลกหรือแดนสวรรค์บนโลก) โดยหนังสือได้พรรณนาว่าเป็นดินแดนเร้นลับแห่งใดแห่งหนึ่งในธิเบต มีความเชื่อว่านี่คือดินแดนในฝันของมนุษยชาติ ชุมชนที่สวยงามสงบสุข ดินแดนอารยธรรม ไม่มีความรุนแรง ไร้ซึ่งความกังวลใจ ตั้งอยู่ท่ามกลางขุนเขาสูงใหญ่ที่ยอดเขาปกคลุมด้วยหิมะตลอดทั้งปี อากาศเย็น ผู้คนมีความเป็นมิตร รักสงบ มีอายุวัฒนะแต่ผู้คนจะหายไปทันทีหากออกไปนอกเขตแชงกรีลา ปัจจุบันชื่อของแชงกรีลากลายเป็นชื่อเมืองหนึ่งของจีน คือ “ตี๋ชิง(Diqing)” อำเภอตี๋ชิง เขตจงเตี้ยน บริเวณตะเข็บรอยต่อของมณฑลยูนนานและทิเบต โดยทางจีนประกาศอย่างเป็นทางการ เมื่อปี 1997 (โดยศึกษาค้นคว้า ตามคำบรรยายของ เจมส์ ฮิลตัน เทียบกับพื้นที่ต่างๆในประเทศจีนมาร่วมปี)
Valhalla
สวรรค์วัลฮัลลา เป็นตำนานของสแกนดิเนเวีย ปรากฏในศตวรรษที่ 13 ในกวี Edda ตามตำนานเล่าว่าที่แห่งนี้เป็นสวรรค์ของชาวนอร์ส(ชาวไวกิ้ง) ปกครองโดยพระเจ้าโอดินที่มีคำสั่งให้วาลคิวรีรวบรวมวิญญาณของเหล่านักรบผู้กล้าที่ตายมาในดินแดนแห่งนี้เพื่อฝึกฝนเตรียมตัวในการทำสงครามแร็คนาร็อก โดยจะมีสัตว์ประหลาดออกมาเพื่อต่อสู้ หากชนะก็จะสามารถกินดื่มกันไม่อั้นในมีอาคารขนาดใหญ่ที่เรียกว่าวิหารแห่ง นักรบ Valhalla วิหารแห่งนี้มี 540 ประตู ใช้หอกเป็นจันทัน ใช้โล่เป็นหลังคาและใช้แผ่นเกราะตรงหน้าเป็นม้านั่ง นอกจากนั้นยังมีหมาป่าเป็นผู้รักษาประตูทิศตะวันตกและนกอินทรีย์คอยบินโฉบเฉี่ยวไปมา ที่แห่งนี้สามารถดื่มสำราญกันอย่างไม่มีสิ้นสุด หมูที่กินไปหมดแล้วก็มีมาเรื่อยๆ ไม่รู้จักหมด น้ำที่ดื่มเป็นไวน์ที่ดื่มก็ไม่มีพร่องและเมื่อถึงเวลาสงครามนักรบ 800 คนจะเดินสวนสนามออกไปทางแต่ละประตู ดินแดนแห่งนี้ปรากฏในการ์ตูนเรื่องการผจญภัยของบิลลี่กับแมนดี้
Atlantis
เกาะในตำนานที่ปรากฏในหนังสือของเพลโต นักคิดแห่งกรุงเอเธนส์ราว 400 ปีก่อนคริสตกาล ในบทสนทนาระหว่าง “ทิมาอีอุส” กับ “ไครติอัส” โดยไครติอัสที่พรรณนาเมืองแห่งนี้ว่าเป็นเมืองที่ปกครองโดยกษัตริย์ปกครองแผ่นดินที่มีมหานครกลางเกาะ ในใจกลางนครมีพระราชวังและวิหารที่ยิ่งใหญ่ของเทพโพไซดอน ดินแดนแห่งนี้มีความอุดมสมบูรณ์ มีต้นไม้สีเขียวทุกหนแห่ง อากาศที่แสนวิเศษทำให้ผลไม้สุกปีละสองครั้ง ในแผ่นดินมีช้างและสัตว์อื่นๆมากมาย ทั้งสัตว์ป่า สัตว์เลี้ยง เมืองเจริญมั่งคั่ง มีน้ำพุร้อนและเย็นสำหรับอาบเป็นน้ำพุประดับ สวนสาธารณะและสวนผลไม้มีที่สำหรับออกกำลังกายสำหรับบุรุษและม้าสนามม้าแข่งขนาดใหญ่ โรงทหาร ห้องคนเฝ้ายาม อู่เรือ ท่าเรือ เต็มไปด้วยเรือสินค้าเรือทหาร ผู้คนเคารพกฎหมาย กษัตริย์ของพวกเขาก็ปกครองอย่างชาญฉลาดและยุติธรรม หากต่อมาพวกเขาต่างละโมบโลภมากและทะเยอทะยานจนเป็นเหตุทำให้ซุส(กษัตริย์แห่งทวยเทพ)โกรธเป็นอย่างมากเลยบันดาลให้เกิดมหันตภัยธรรมชาติ แผ่นดินไหวและน้ำท่วมใหญ่ ทั้งวันและคืนที่โหดร้าย แผ่นดินแยกและกลืนกินชีวิตนักรบของเอเธนส์ทั้งหมด ในขณะที่เกาะยิ่งใหญ่แห่งแอตแลนติสก็จมหายไปในทะเลไปตลอดกาล ปัจจุบันยังมีมีการค้นหาเมืองแอตแลนติสแห่งนี้เนื่องจากเชื่อว่ามีอาวุธโบราณร้ายแรงอยู่ที่นั่น โดยคาดว่าอาจอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เพราะนักประดาน้ำบางคนพบขุมทองบริเวณนั้น
Cockaigne
ดินแดนจินตนาการในตำนานในยุคกลางมีเรื่องเล่าว่า เป็นดินแดนที่ไม่มีกฎหมายและไม่มีกฎใดๆ ในเมืองแห่งนี้มีเสรีภาพทางเพศ มีอาหารการกินอุดมสมบรณ์ทั้งบนดินและบนท้องฟ้า(ฝนตกเป็นชีส) อากาศที่สบายเหมาะแก่การนอน โดยเมืองแห่งนี้ปรากฏอยู่ในบันทึก the Latin “Cucaniensis” และ the Middle English “Cokaygne” นอกจากนั้นในประเทศต่างๆเรียกชื่อเมืองนี้แตกต่างกัน เช่น ชาวดัตช์เรียกเมืองนี้ว่า “ดินแดนแห่งความขี้เกียจ”, ชาวเยอรมันเรียกเมืองนี้ว่า “ดินแดนแห่งน้ำนมและน้ำผึ้ง”, ชาวสวีเดนเรียก “ดินแดนเพื่อนสันหลังยาวและไขมัน” และในบางประเทศก็เรียก “ดินแดนแห่งอาหาร” แน่นอนดินแดนแห่งนี้ไม่มีอยู่จริงในโลกแน่นอน โดยที่มาของเมืองนี้เป็นการสมมุติเมืองแบบยูโทเปียแบบเมืองสวรรค์ที่มีความเกียจคร้านและการกินเป็นหลัก ถือว่าเป็นดินแดนในฝันของชาวนายุคกลาง ซึ่งอาชีพชาวนาสมัยนั้นลำบากมากๆ
Utopia
โทมัส มอร์ นักปรัชญามนุษยนิยมชาวอังกฤษ เขียนขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1516 โดยตั้งใจเขียนเป็นวรรณกรรมเสียดสีล้อเลียนความโง่เขลาและความเลวร้ายของสังคมในสมัยนั้น เป็นแนวคิดเมืองในอุดมคติที่ไม่สามารถเกิดขึ้นจริงบนโลกของเราได้ สมมุติให้ยูโทเปียเมืองหนึ่งที่ผู้คนเป็นคนดี มีศีลธรรมและความพึงพอใจในการใช้ชีวิต ไม่ให้ความสำคัญกับวัตถุ เห็นเงินทองเป็นสิ่งหยาบช้า ไม่มีค่า ในเมืองไม่มีกฎหมายออกมาบังคับประชาชน พวกเขาอยู่ร่วมกันด้วยการให้เกียรติซึ่งกันและกัน ใส่เสื้อผ้าเรียบง่ายคล้ายคลึงกัน เสื้อผ้าแต่ละชุดใช้ทนทานนานถึงเจ็ดปี ผู้คนในระดับผู้ปกครองก็ไม่มีสิ่งบ่งบอกด้วยวัตถุใดๆไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าอาภรณ์ หรือสิ่งประดับที่ชี้ให้เห็นว่าแตกต่างจากประชาชนอื่นๆ บ้านเรือนทุกบ้านเป็นสวนปลูกดอกไม้ ผลไม้หรือพืชผัก ไม่มีกลอนหรือกุญแจบ้านเพราะไม่จำเป็น ความเป็นอยู่ไม่ขัดสน อยู่ดีกินดีมาก ไม่มีการแก่งแย่งกันและชาวเมืองต่างทำงานตามหน้าที่โดยไม่เกลียดคร้าน ไม่มีร้านเหล้า ไม่มีการพนันหรืออบายมุขอื่นๆ ความบันเทิงคือการศึกษาหาความรู้ เรียกได้ว่าเป็นสังคมอุดมคติอย่างแท้จริง
ในวันนี้หยิบยกมาให้เป็นตัวอย่างให้ได้ตื่นเต้นแบบหอมปากหอมคอ นอกจากที่ได้อ่านมาแล้วนี้ ลองให้คุณผู้อ่านได้นึกบ้างว่าในแต่ละเรื่องของดิสนีย์นั้นมีฉากของเมืองใดอยู่บ้าง อย่างดินแดนมหัศจรรย์ของสาวน้อยอลิส(Alice in Wonderland)นั้น คือเมืองใด ??
http://www.scifinow.co.uk/wp-content/uploads/2010/07/alice_in_wonderland01.jpg