แววตาไร้เดียงสาของหญิงสาวอายุเพียง 22 ปี ที่เธอมีความสุขอย่างยิ่งยวดกับการเริงกามในกรุงเทพฯอย่างสุดเหวี่ยง เรียกได้ว่า “multiple erotic” อาทิ อิ่มเอมรักบนเครื่องบิน ชนิด “Mile High” หนำซ้ำเธอมีความสุขกับการถูกกระชำเราในโรงสูบฝิ่น ไปจนถึงสังเวียนนักชกที่เธอเลียเลือดที่ซึมออกมาจากหน้าผากนักมวย ทั้งหมดอาจฟังดูร้ายกาจ อีกทั้งเธอยังมีความสัมพันธ์ทางเพศชนิด ฉ.ฉิ่งตีดัง ช.ช้างวิ่งหนี ประเทศไทยจึงได้ถูกต่างชาติขนานนามว่า “SEX LAND”
Slyvia Kristle (ซิลเวีย คริสเทล) เกิดเมื่อ 28 กันยายน ค.ศ. 1952 ในครอบครัวที่ทำธุรกิจโรงแรมในเมืองอูเทร็คท์ ประเทศเนเธอร์แลนด์ (Utrecht, Netherlands) เธอเป็นลูกสาวคนโตของครอบครัว เธอมีไอคิวสูงถึง 164 พูดได้ทั้งภาษาดัช, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมัน และอิตาลี แต่ต้องออกจากโรงเรียนตั้งแต่เกรด 4 พ่อแม่แยกทางกันตอนเธออายุได้เพียง 14 ปี หลังผู้เป็นพ่อออกจากบ้านเพื่อไปอยู่กับผู้หญิงคนอื่น เป็นเหตุการณ์ที่เธอยอมรับว่าเศร้าที่สุดในชีวิตเลยทีเดียว
ด้วยความที่รูปร่างหน้าตาสะสวย ทำให้เธอได้เข้าสู่วงการนางแบบในวัย 17 ปี ถึงขั้นชนะการประกวดเวที European Miss TV ในปี 1973 และโอกาสสร้างชื่อเสียงได้มาเยือนเธอพร้อมกับ ฌุสต์ แฌ็คกิ้น ผู้กำกับชาวฝรั่งเศส ซึ่งหลงเสน่ห์เธอตั้งแต่แรกเห็นและชักชวนไปร่วมแสดงในหนัง “Emmanuelle” ซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของคริสเทลโดย นางมารยาท กระแสสินธุ์ (ภรรยาเชื้อชาติและสัญชาติไทยของทูตฝรั่งเศส ที่แต่งงานตั้งแต่อายุเพียง 16 ปี และได้นำประสบการณ์ทางเพศอันผาดโผนสุดเหวี่ยงของตน มาเขียนเป็นนิยายอีโรติก จนถูกนำมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์)
เรื่องเล่าถึงหญิงสาวชาวฝรั่งเศสผู้ตามหาความหมายของ Sex และความรักในประเทศไทย จากสาวไร้เดียงสาก็เริ่มอยากรู้อยากเห็นจนมีประสบการณ์ทางเพศอย่างถึงพริกถึงขิงกับชายมากหน้าหลายตา ชื่อเสียงของคริสเทลและภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นที่โด่งดังทั่วโลก ผู้ที่เคยชมหนังเรื่องนี้มาแล้วไม่ต่ำกว่า 350 ล้านคนทั่วโลก คริสเทลนับเป็นหญิงสาวใจกล้ามากในยุคสมัยนั้น เธอนั่งไขว่ห้างเปลือยอกอย่างรางชางทว่าสวยสง่าบนเก้าอี้หวาย พร้อมหยิบสร้อยคอไข่มุกมาสัมผัสริมฝีปาก แสดงให้เห็นถึงความเป็นสาวเซ็กซี่ ซุกซน สุดเย้ายวนให้ชายหนุ่มในยุคนั้นเกิดไฟราคะเมื่อได้เห็นภาพของเธอบนแผ่นโฆษณาภาพยนตร์เรื่อง Emmanulle ที่ติดไว้ทั่วเมือง อีกทั้งสามารถสร้างชื่อเสียงและรายได้มหาศาลให้กับครอบครัวของตนเอง โดยผลงานภาพยนตร์ของเธอนั้นได้ถูกนำมาแสดงที่พระราชวังฌอง เอลิเช่ ประเทศฝรั่งเศสเป็นเวลา 13 ปี ก่อนที่ภาพยนตร์นี้จะกลายเป็นหนังภาคต่อเรื่อยมาในยุค 70’s ทั่วโลกจะรู้จักเธอในนาม “ดาราสาวเจ้าบทบาทที่กล้าลองประสบการณ์แปลกใหม่ในความรักก่อนหน้าที่โรคเอดส์(AIDS)ระบาดในประเทศไทย” หนังที่ใช้ทุนสร้างเพียง 5 แสนเหรียญฯ กลับสามารถทำเงินได้ถึง 100 ล้านเหรียญฯ จากการฉายซ้ำวนเวียนหลายปี และยังขายดิบขายดีเมื่อผลิตจำหน่ายในรูปแบบโฮมวิดีโอ ถือว่าโด่งดังเป็นที่นิยมไปทั่วโลก มีส่วนอย่างยิ่งที่ทำให้หนังแนวอีโรติกได้รับความนิยม และได้รับการยอมรับขึ้นมาในวงกว้าง แต่ทั้งหมดทั้งมวล Emmanulle ถูกมองว่าเป็นที่ปลาบปลื้มใจของผู้ชมในปี 1974 หากแต่เป็นสมัยนี้อาจเปรียบได้กับ ”Cinquante Nuances de Gris” ที่ฝรั่งเศสสั่งแบนในตอนแรก แต่กลับเป็นหนังทำเงินสูงสุดของปีนั้น
Columbia picture ไม่รีรอที่จะเผยแพร่ Emmanulle ไปทั่วโลก ท้ายที่สุด มีผู้ชมกว่า 650 ล้านคน เสียงในตัวอย่างหนังบอกว่า ”หนังเรื่องแรกในแนวนี้ ทำให้คุณรู้สึกดีโดยปราศจากความรู้สึกแย่” ผู้ที่ทำให้เกิดความรู้สึกดังกล่าวเป็นความรู้สึกที่ไม่ลามกจกเปรตก็คือ ซิลเวีย คริสเทล ที่ยั่วกิเลสตัณหาคนดูได้อย่างมีสไตล์นั่นเอง
คริสเทลมีผลงานระดับนานาชาติทั้งจอแก้วและจอเงินมากกว่า 50 เรื่อง อย่างเช่น ”Lady Chatterley’s Lover” ในปี 1981 หนังที่สร้างจากนิยายอีโรติคขายดีด้วยฝีมือการกำกับของ แฌ็คกิ้น และยังมีเรื่อง ”Mata Hari” อีก 4 ปีต่อมา โดยเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับสายลับในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งแน่นอนว่าเป็นแนวอีโรติคหวือหวาอีกเช่นเคย
แม้จะเดินทางไปทำงานที่สหรัฐฯ คริสเทล ก็ยังคงต้องรับบทที่คล้าย ๆ เดิมต่อไปในหนังตลกเซ็กซี Private Lessons (1981) ที่ว่าด้วยเรื่องราวของ นิโคล มาลโล สาวใช้ผู้พยายามยั่วยวนเด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง ซึ่งหนังก็ประสบความสำเร็จพอสมควร เป็นหนังทำเงินอันดับที่ 28 ในปีนั้น และเป็นหนังอิสระที่ทำเงินมากที่สุดเรื่องหนึ่งในปี 1981 นอกจากนั้นความอื้อฉาวของเนื้อหาที่ว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างสาว วัย 30 ปี กับหนุ่มน้อยที่เพิ่งก้าวสู่เข้าช่วงวัยรุ่น ก็ทำให้หนังกลายเป็นที่พูดถึงมากมาย ถือว่าเป็นงานที่สหรัฐฯ ซึ่งมีอยู่ไม่มากนักของ คริสเทล ซึ่งก็มี The Nude Bomb (1980) หนังแนวสายลับเป็นงานที่ฮอลลีวูดอีกเรื่องของเธอ ซิลเวีย คริสเทล ยังมีผลงานต่อไปอีกหลายปี จนกระทั่งมาถึงจุดสิ้นสุดกับบท Emmanulle อีกครั้งในปี 1993 ในหนังเรื่อง Emmanuelle au 7ème ciel หรือเรียกสั้น ๆ ง่าย ๆ ว่า Emmanuelle 7 เป็นหนังภาค 7 ที่สร้างโดยผู้สร้างชาวฝรั่งเศส อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นเธอยังรับงานแสดงต่อไป รวมถึงเคยกำกับหนังการ์ตูนอนิเมชั่น Topor and Me (2004) ซึ่งคว้ารางวัลมาแล้ว
แม้จะประสบความสำเร็จในด้านการ แต่ชีวิตคู่แลดูจะไม่ค่อยประสบความสำเร็จมากนัก หลังแต่งงานกับ ฮูโก้ เคล้าส์ (สามีคนแรก) นักประพันธ์สัญชาติเบลเยี่ยม ซึ่งอายุมากกว่าเธอถึง 23 ปี หลังจาก ”Emmanuelle” เข้าฉายได้ 1 ปี จนมีบุตรชายด้วยกันหนึ่งคน ในปี 1975 ปัจจุบันอายุ 37 ปี แต่ความรักของทั้งคู่ก็ไม่ราบรื่น คริสเทล เป็นฝ่ายตีจาก ก่อนจะมาพบรักกับนักแสดงหนุ่ม เอียน แม็คเชน ระหว่างถ่ายทำหนังเรื่อง The Fifth Musketeer ในปี 1979 ซึ่งอายุมากกว่าเธอ 10 ปี เขาได้ชักชวนคริสเทลไปใช้ชีวิตที่ฮอลลีวู้ด ในนครลอสแอนเจลีส ซึ่งที่นั่นทำให้เธอจมลงสู่โลกของสุราและยาเสพติด ในตอนที่เริ่มคบกับ แม็คเชน ได้ 2 ปี คริสเทล ก็เริ่มใช้โคเคน ยาที่ทำให้ชีวิตของเธอเลวร้ายลงไปอีก เธออ้างในตอนนั้นคิดไปว่า โคเคน คือยาประเภท “Super-vitamin” เป็นของที่ทันสมัยสุด ๆ และไม่มีอันตรายใด ๆ ราคาอาจจะแพงนิดหน่อย แต่ก็ตื่นเต้นกว่าการเมาเหล้าหลายเท่า โดยเธอเคยกล่าวกับหนังสือพิมพ์ในบ้านเกิดว่า “ฉันหวังว่าฉันจะสามารถข้ามส่วนนั้นของชีวิตไปได้” ในการให้สัมภาษณ์เมื่อปี 2006 กับสารคดี Hunting Emmanuelle คริ สเทล อ้างว่าการใช้โคเคนอย่างหนัก ทำให้เธอตัดสินใจผิดพลาดไปไม่น้อย รวมถึงการขายส่วนแบ่งผลประโยชน์จากหนัง Private Lessons ให้กับเอเยนต์ส่วนตัวแค่ 150,000 เหรียญฯ ซึ่งเทียบไม่ได้เลยเมื่อหนังประสบความสำเร็จอย่างสูงทำเงินได้ถึง 26 ล้านเหรียญฯ และแล้วความรักของทั้งคู่ก็ไปไม่รอด ครั้งหนึ่งดราสาวเจ้าบทบาท เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศถึงการใช้ชีวิตคู่ครั้งใหม่นี้ว่า “Worst (แย่สุดๆ)”
สุดท้ายเธอกลับมาใช้ชีวิตในฮอลแลนด์หลังจากนั้นเธอแต่งงานใหม่อีก 2 ครั้ง กับนักธุรกิจชาวสหรัฐฯคนหนึ่งที่มีอายุรักเพียง 5 เดือน และปิดท้ายด้วยการแต่งงานกับโปรดิวเซอร์ ฟิลลิปเป บล็อต และใช้ชีวิตคู่กับโปรดิวเซอร์รายการวิทยุ เฟรด เดอ วรี อีกประมาณ 10 ปี จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในปี ค.ศ.2001 เมื่อสามีคนล่าสุดสียชีวิตลง เธอก็เริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพของเธอ ก่อนจะตรวจพบว่าเป็นมะเร็งกล่องเสียงหลังจากสูบบุหรี่มาตั้งแต่อายุ 11 ปี ต้องเข้ารับการทำเคมีบำบัดถึง 3 ครั้ง และต้องผ่าตัดหลังเนื้อร้ายลุกลามมาถึงปอด ครั้งหนึ่งเธอถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ด้วยอาการทางเส้นเลือดในสมอง เธอเคยกล่าวไว้กับหนังสือพิมพ์ในบ้านเกิดเมื่อปี 2005 ว่า ”ฉันไม่คาดหวังอะไรมากจากชีวิตหลังความตาย ฉันคิดว่าฉันรู้ดีว่าความเจ็บปวดคืออะไร เมื่อฉันคิดถึงช่วงบั้นปลายชีวิต หลักๆ ฉันคิดว่าคงไม่ทำอะไร แต่ฉันทำได้มากกว่านั้น” หลังจากต่อสู้มานานนับสิบปี เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2012 คริสเทลได้เสียชีวิตลงแล้วอย่างสงบ ขณะกำลังนอนหลับที่บ้านพักของตัวเอง (Amsterdam, Netherlands) ด้วยโรคมะเร็งปอด สิริอายุ 60 ปี บ้างถึงกับเอ่ยว่านี่คือจุดสิ้นสุดแห่งยุคสมัยของภาพยนตร์ฮีโรติกแบบคลาสิก
Text : Kittisak Kandisakunanont
Thank you for information and image from
http://en.wikipedia.org/wiki/Sylvia_Kristel
http://www.wickedmike.com/goodbye-sylvia-kristel-thanks-for-the-show/sylvia-kristel-z2/
http://www.time9.com/s/iqry/1512854
http://lottovolante.plnet.forumcommunity.net/?t=52754364
http://whatpop.com/l8nd5/view
http://www.2oceansvibe.com/2012/10/19/emmanuelle-actress-sylvia-kristel-dies-aged-60/
http://www.tailslate.net/sylvia-kristel-emmanuelle-beauty-dead-at-60/
http://www.2oceansvibe.com/2012/10/19/emmanuelle-actress-sylvia-kristel-dies-aged-60/
http://newmovieposters.blogspot.com/2012/02/sylvia-kristel-lady-chatterleys-lover.html
http://www.tower.com/mata-hari-sylvia-kristel-dvd/wapi/107064073
http://www.tower.com/julia-sylvia-kristel-dvd/wapi/110961638
http://cultqueens.tumblr.com/post/15447953792/sylvia-kristel-goodbye-emmanuelle
http://haphazard-stuff.blogspot.com/2012/09/private-lessons-1981-review.html