ภัยสุขภาพจากเสียงรบกวน

เชื่อหรือไม่ว่า ในโลกที่เราอาศัยอยู่ทุกวันนี้ไม่เคยมีความเงียบ แม้แต่ในขณะที่เราคิดว่าไม่ได้ยินอะไรเลย ก็ยังคงมีคลื่นเสียงอยู่มากมายนับไม่ถ้วนในบรรยากาศ เพียงแต่เสียงเหล่านั้นมีความถี่แตกต่างไปจากระดับที่หูของเราจะสามารถรับรู้ได้

นอกจากเสียงพูดเพื่อการสื่อสาร เสียงเพลงที่เราเปิดฟัง เสียงที่ช่วยให้เราดำเนินกิจกรรมและแสวงหาความเพลิดเพลินในชีวิตซึ่งจัดว่าเป็นสิ่งจำเป็นและมีประโยชน์แล้ว เสียงที่เกิดขึ้นก่อให้เกิดเสียงในระดับต่างๆกัน อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ อันตรายของเสียงนั้นมีตั้งแต่ในระดับที่สร้างความรำคาญไปจนถึงระดับที่ทำให้เกิดความเจ็บป่วยรุนแรง องค์การอนามัยโลกกำหนดว่า เสียงที่เป็นอันตราย หมายถึง เสียงที่ดังเกิน 85 เดซิเบลเอที่ทุกความถี่ ส่วนใหญ่พบว่า โรงงานอุตสาหกรรมมีระดับเสียงที่ดังเกินมากกว่า 85 เดซิเบลเอ เป็นจำนวนมากซึ่งสามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพทางกายและจิตใจ


เสียงที่เราพบเจอบ่อยๆ และไม่อยากได้ยินคือ เสียงรบกวน หมายถึง ระดับเสียงที่ผู้ฟังไม่ต้องการจะได้ยินเพราะสามารถกระทบต่ออารมณ์ความรู้สึกได้แม้จะไม่เกินเกณฑ์ที่เป็นอันตราย แต่ก็เป็นเสียงรบกวนที่มีผลต่อผู้ฟัง การที่จะตัดสินว่าเสียงชนิดใดเป็นเสียงรบกวน ไม่ได้ขึ้นกับความดัง แต่เกี่ยวข้องกับความรู้สึก และกาละเทศะเป็นสำคัญ เช่น เสียงดนตรีที่ดังมากในสถานที่เต้นรำ ไม่ทำให้ผู้ที่เข้าไปเที่ยวรู้สึกว่าถูกรบกวน แต่ในสถานที่ต้องการความสงบ เช่น ห้องสมุดเสียงพูดคุยตามปกติที่มีความดัง ประมาณ 60 เดซิเบลเอ ก็ถือว่าเป็นเสียงรบกวนได้

ผลเสียของเสียงรบกวนที่มีต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจนั้นมีหลายประการด้วยกัน เช่น ทำให้เกิดความรำคาญ รู้สึกหงุดหงิดไม่สบายใจ เกิดความเครียดทางประสาท รบกวนต่อการพักผ่อนนอนหลับ และการติดต่อสื่อสาร ทำให้ขาดสมาธิ ประสิทธิภาพการทำงานลดลง และถ้าเสียงดังมากอาจทำให้ทำงานผิดพลาด หรือเชื่องช้าจนเกิดอุบัติเหตุได้

ปัญหาจากเสียงที่มีผลต่อสุขภาพร่างกายที่เห็นได้ชัดที่สุดคือ ความเครียด อาจก่อให้เกิดอาการป่วยทางกาย เช่น โรคกระเพาะ โรคความดันสูง ยิ่งไปกว่านั้นการได้รับฟังเสียงดังเกินกว่ากำหนดเป็นระยะนานเกินไปอาจทำให้สูญเสียการได้ยิน ซึ่งอาจเป็นอย่างชั่วคราวหรือถาวรก็ได้

การแก้ปัญหาเสียงรบกวนทำได้หลายระดับ โดยมุ่งควบคุมที่แหล่งกำเนิด ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ถ้าในสถานที่ทำงาน อาจแก้โดยการออกแบบอุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องจักรให้มีการทำงานที่เงียบ การเลือกใช้อุปกรณ์ ควรเลือกประเภทที่มีเสียงดังน้อย เปลี่ยนกระบวนการผลิตที่ไม่ทำให้เกิดเสียงดัง พยายามจัดหาที่ปิดล้อมอุปกรณ์ที่ทำให้เกิดเสียง รวมถึงการติดตั้งเครื่องใช้ที่ทำให้เกิดเสียงให้วางอยู่ในตำแหน่งที่มั่นคง ช่วยลดเสียงที่เกิดจากการสั่นสะเทือนได้ และอย่าลืมบำรุงรักษาอุปกรณ์ให้มีสภาพดีอยู่เสมอ เช่น การทำความสะอาดเป็นประจำ การหยอดน้ำมันหล่อลื่นกันการเสียดสี เพราะแม้แต่เสียงบานประตูเปิดปิด ก็อาจเป็นเสียงรบกวนที่น่ารำคาญได้ในเวลาที่ต้องการความเงียบ

ทั้งนี้การทำห้องหรือกำแพงกั้นทางเดินของเสียง โดยออกแบบวัสดุเก็บเสียง หรือดูดซับเสียงที่สัมพันธ์กับความถี่ของเสียง การปลูกต้นไม้ยืนต้นที่มีใบดกบริเวณริมรั้ว ก็ช่วยในการลดเสียงได้ดี แต่ถ้าแก้ที่ต้นเหตุไม่ได้ ก็ต้องแก้ที่ผู้รับฟัง โดยการใช้อุปกรณ์ป้องกันต่อหู เพื่อลดความดังของเสียงมาช่วย หรือบางคนอาจจะใส่หูฟังเปิดเพลงที่ชอบฟังให้สบายใจ แม้จะต้องมีเสียงดังกรอกหูทั้งวัน แต่หากไม่รู้สึกรำคาญ และไม่ดังเกินไป ก็ไม่เป็นผลเสียต่อสุขภาพ

อ้างอิงข้อมูลจาก : กองอนามัยสิ่งแวดล้อม สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร

Thanks to images from
http://www.mensfitness.com/nutrition/does-noise-pollution-from-traffic-cause-heart-attacks

Related contents:

You may also like...