Retro Jewelry

เครื่องประดับที่มีอยู่ทั้งหมดทั้งมวลบนโลกใบนี้ เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ สังคม วัฒนธรรม เศรษฐกิจของผู้คนในยุคสมัยนั้นๆ กล่าวอีกในหนึ่งคือเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ชิ้นสำคัญก็ว่าได้ ไม่ว่าจะยุคใดสมัยใด ผู้คนก็มีความสนใจในเครื่องประดับซึ่งทั้งที่จริงแล้วเป็นสิ่งที่ฟุ่มเฟือย ถึงอย่างไรแล้ว เครื่องประดับก็จะยังคงอยู่คู่กับโลกใบนี้ไปอีกนานเท่านาน เรื่องมีอยู่ว่า…

ไม้เว้นแม้แต่ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ช่วง ค.ศ.1935 -1949 รัฐบาลของยุโรปออกกฎหมายเข้มงวดในเรื่องการใช้โลหะ เนื่องจากในยุคก่อน(Art Deco) มีการใช้แพลตตินัมในการทำตัวเรือนเครื่องประดับ ซึ่งแพลตตินัมนี่เองสามารถนำไปผลิตเป็นอาวุธสงครามได้ นั่นคือขีปนาวุธ ประชาชนมีการผลิตโลหะมีค่าอื่นขึ้นมาใช้แทน เป็นจุดเริ่มต้นของโลหะมีค่าใหม่ในแวดวงอุตสาหกรรมเครื่องประดับ นั่นก็คือทองชมพู (rose gold) เกิดเป็นยุคใหม่ของเครื่องประดับที่เรียกว่า “Retro”

เครื่องประดับยุคนี้เป็นการบูรณาการความโดดเด่น สวยงามของเครื่องประดับสองยุคเข้าด้วยกัน คือ ลวดลายอ่อนช้อย ฉวัดเฉวียน พลิ้วไหวจากยุค Art Nouveau และความเป็นสันเป็นมุด คม ชัดของยุค Art Deco เข้าด้วยกัน ที่สำคัญเครื่องจะประดับในยุคนี้จะมีความพิเศษคือ มีขนาดใหญ่แปลกตาไป บางครั้งอาจพบว่ามีขนาดใหญ่และทึบตันกว่าปกติ บางชิ้นก็ใหญ่เทอะทะ ไม่ปรากฏให้เห็นความสวยงาม ไม่พบความละเอียดอ่อน ประณีต เครื่องประดับบางชิ้นมีการใช้โลหะทองชมพูและทองคำอยู่ร่วมกันในชิ้นเดียวได้อย่างสวยงามและลงตัว
ในยุคนี้เครื่องประดับจะมีลักษณะเข้าชุดกันหลายชิ้น โดยอาจมีต่างหู สร้อยคอ แหวน จี้ ประกอบกันในการสวมใส่ โดยเครื่องประดับจะมีลักษณะหนา ทึบตัน อันเป็นลักษณะเด่นของยุคนี้ อัญมณีที่ใช้ในยุคนี้มีหลากหลาย อาทิ ซิทริน(citrine) อความารีน(aquamarine) อเมธิสต์(amethyst) และด้วยความที่เกิดสงครามขึ้น ทำให้อัญมณีธรรมชาติเสียหายไปจากการสงครามโลกครั้งที่ 2 จำนวนมาก จึงมีการสังเคราะห์ทับทิมขึ้น

ขอกล่าวถึงสงครามโลกครั้งที่ 2 พอสังเขป ในขณะที่ชาวยุโรปประสบกับสภาวะจิตใจเศร้าหมองภายหลังเสร็จสิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 ทางสหรัฐอเมริกาอาศัยจังหวะที่ยุโรปอยู่ในสภาวะฟื้นฟูบ้านเมือง ประกอบกับโรงงานผลิตเครื่องประดับหลายแห่งในยุโรปได้ปิดกิจการลง ขยายกำลังการผลิตเครื่องประดับอย่างกว้างขวาง ประชาชนของสหรัฐอเมริกาดีอกดีใจกับการที่เศรษฐกิจฟื้นกลับมา การค้าการตลาดเครื่องประดับเจริญถึงขีดสุดอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เครื่องประดับของชาวอเมริกันส่วนใหญ่ในขณะนั้นจะเป็นไปในทิศทางเดียวกันที่แสดงถึงความผลิบาน ความสุข จะพบดีไซน์หลักๆคือ รูปทรงดอกไม้หลากหลายอิริยาบถ ริบบิ้น และรังสีพระอาทิตย์(จากยุคก่อน) เป็นต้น

นักออกแบบเครื่องประดับฝีมือของยุโรปเดินทางเข้ามาหางานทำยังสหรัฐอเมริกามากขึ้น ก่อให้เกิดรูปแบบเครื่องประดับที่เปลี่ยนไป หลากหลายมากขึ้น เนื่องจากสหรัฐอเมริกาไม่มีการปกครองรบอบกษัตริย์ จึงไม่มีพระราชวงศ์เป็นทูตวัฒนธรรมผู้นำกระแสเครื่องประดับ จึงอาศัยดาราฮอลลีวูดเป็นผู้นำกระแสความเครื่องประดับยุคนี้

ช่วงกลางของยุค (ค.ศ.1940-1945) เครื่องประดับมีความใหญ่ หนา และทึบตันแบบที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนคือมีการนำอัญมณีขนาดมหึมามากกว่า 100 กะรัตมาทำเป็นเครื่องประดับ อย่างไรก็ตามหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง การออกแบบเครื่องประดับส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในกรอบของขนบธรรมเนียม ประเพณี เรียบง่าย รัฐบาลยุโรปอนุญาตให้นำแพลตตินัมกลับมาใช้ได้อีกครั้ง แน่นอนว่าเมื่อทองชมพูได้รับความนิยมลดลง จึงทำให้รูปแบบของเครื่องประดับ Retro ไม่ได้รับความนิยมอีกต่อไป

Text : Kittisak Kandisakunanont
Thanks to image from :
http://www.langantiques.com/university/index.php/Retro_Jewelry
http://gemgossip.com/home/2009/4/19/jewelry-time-periods-retro-era.html
http://eragem.com/retro-vintage-emerald-cocktail-ring-solid-18k-gold.html
http://eragem.com/news/estate-jewelry-pairs-perfectly-with-retro-ensembles/
http://www.christies.com/lotfinder/jewelry/a-retro-diamond-sapphire-and-ruby-rockette-5166362-details.aspx

http://www.cooljools.com/DESIGNER%20A-C2.htm

Related contents:

You may also like...