“If I Should stay . I would only be in your way. So I’ll go. But I know I’ll think of you every step of the way. And I… Will always Love you, oohh… ”… เชื่อว่าต้องเป็นที่คุ้นหูใครหลายพันคนทั่วประเทศ ความหมายของเพลงให้กำลังใจสำหรับบุคคลที่กำลังท้อแท้ให้มีกำลังใจที่เข้มแข็งและลุกขึ้นสู้อีกครั้ง โอกาสอยู่ที่ตัวเรา เพื่อรอยยิ้มแห่งความสำเร็จของเราเอง ผู้ขับขานเสียงเพลงนี้คือ วิทนีย์ ฮิวสตัน
วิทนีย์ ฮิวสตัน (Whitney Houston) ชื่อจริงว่า วิทนีย์ เอลิซาเบธ ฮิวสตัน เกิด 9 สิงหาคม ค.ศ. 1963 บุตรสาวของซิสซี ฮิวสตัน ชีวิตของเธอเรียกว่าคุ้นเคยอยู่กับการร้องเพลงตั้งแต่เด็กเพราะบิดาเธอเป็นนักร้องกอสเปลชื่อดัง เธอเริ่มร้องประสานเสียงในโบสถ์และได้เป็นผู้ร้องนำ ครั้งแรกเมื่ออายุเพียง 12 ปี เริ่มเข้าวงการฐานะนักร้องประสานเสียง ต่อมาก็ก้าวเข้าสู่โลก นางแบบเมื่อปี ค.ศ. 1981 เธอเคยเป็นปกให้นิตยสารกลาเมอร์ และเซเว่นทีน
ในปี พ.ศ. 2530 สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นอัลบั้มของศิลปินหญิงชุดแรก ที่เข้าอันดับสัปดาห์แรก อันดับที่ 1 ในนิตยสารบิลบอร์ด วิทนีย์สร้างสถิติในการ มีซิงเกิลที่ติดอันดับ 1 ถึง 7 เพลงติดต่อกัน รวมทั้ง “I Wanna Dance With Somebody (Who Loves Me)”, “So Emotional” และ “Where Do Broken Hearts Go” หลังจากนั้นอีก 3 ปี วิทนีย์ก็ออกอัลบั้ม I’m Your Baby Tonight ซึ่งมีเพลงฮิตอีกมากมายหลายเพลง รวมทั้งซิงเกิลในชื่อเดียวกันกับอัลบั้ม ซิงเกิล “I’m Your Baby Tonight” ขึ้นถึงอันดับ 1 ตามมาด้วยเพลงอันดับ 1 “All the Man That I Need” ขึ้นชาร์ตบิลบอร์ดนาน 2 สัปดาห์
ในปี 1987 อัลบั้มที่สองอย่าง “Whitney” ก็วางแผง และมีเพลงฮิตมากมาย อาทิ “Where Do Broken Hearts Go” และ “I Wanna Dance With Somebody.” และเพียง 2 ปีหลังจากนั้น ในปี 1987 เธอก็ได้คลอดอัลบั้มที่สองออกมาชื่ออัลบั้มว่า “Whitney” และแน่นอนว่า เธอยังคงได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลาม
ทั้งนี้ การที่เธอไม่เดินตามรอยการร้องเพลงโซลแบบที่ แฟลงกิน แม่บุญธรรมของเธอทำ ส่งผลให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในหมู่คนที่คิดว่าเธอได้หลงลืมความเป็นคนดำเพื่อที่จะร้องเพลงป๊อปมากขึ้น และพยายามเข้าถึงกลุ่มคนฟังเพลงผิวขาว ซึ่งเหตุการณ์การวิพากษ์วิจารณ์ที่ค่อนข้างจะรุนแรงที่สุด เห็นจะเป็นเหตุการณ์ในงานโซลเทรนมิวสิคอวอร์ด ปี 1989 ที่มีคนโห่ร้องถากถางเธอมากมาย แต่ในงานนี้เอง ที่ทำให้เธอได้โคจรมาพบกับ บ็อบบี้ บราวน์ อดีตสมาชิกวง New Edition และนักร้องเพลงโซล ซึ่งกลายมาเป็นแฟนหนุ่มของเธอในเวลาต่อมา และระหว่างนี้เองที่เธอได้ทำเพลงออกมาเป็นอัลบั้มที่ 3 นั่นคือ I’m Your Baby Tonight
หลังจากคบหากันได้ 3 ปี ในปี 1992 วิทนีย์ ฮูสตัน ก็ได้แต่งงานกับ บ็อบบี้ บราวน์ ซึ่งการแต่งงานของเธอครั้งนี้ ก็ยังคงไม่พ้นถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า การที่วิทนีย์แต่ง งานกับบ็อบบี้ ก็เพื่อที่จะลดเเรงเสียดทานของนักวิจารณ์ในเรื่องที่เธอร้องเพลงป็อป ซึ่งดูเหมือนคู่นี้ จะเป็นคู่ที่แปลกอยู่พอสมควร เพราะวิทนีย์ ถูกมองในฐานะของเจ้าหญิงเพลงป็อป ในขณะที่บ็อบบี้ กลับมีภาพลักษณ์แบบแบดบอย จาก นั้น ในปี 1993 ทั้งสองก็มีลูกสาวด้วยกัน ชื่อว่า บ็อบบี้ คริสติน่า ขณะที่ในช่วงเวลานั้น บ็อบบี้ถูกตำรวจจับกุมหลายครั้ง ซึ่งมีตั้งแต่คดีเมาแล้วขับ ไปจนถึงการที่ไม่จ่ายค่าเลี้ยงดูลูก
ในปี 1992 วิทนีย์รับงานแสดงในภาพยนตร์เรื่อง The Bodyguard และแม้ว่าจะมีคำวิพากษ์วิจารณ์ทั้งในแง่บวกและแง่ลบ แต่ว่า เควิน คอสเนอร์ นักแสดงฮอลลีวูด ได้ออกมาบอกว่า การแสดงของเธอประสบความสำเร็จในระดับนานาชาติ นอกจากนี้ เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว อย่างเพลง “I Will Always Love You” ก็กลายมาเป็นเพลงฮิตอมตะติดอยู่ในชาร์ตนานหลายสัปดาห์ และทำให้เธอได้รับรางวัลแกรมมี่อวอร์ด สาขาเพลงแห่งปี และสาขานักร้องเพลงป็อบหญิงยอดเยี่ยม และในปี 1995-1996 วิทนีย์กลับมารับงานแสดงอีกครั้งหนึ่งกับเรื่อง “Waiting to Exhale” และ “The Preacher’s Wife.” และภาพยนตร์ทั้งสองเรื่อง ก็ทำให้เธอได้ออกอัลบั้ม ที่มีชื่อว่า “My Love Is Your Love” ในปี 1998 เธอได้รับรางวัลแกรมมี่ อวอร์ด ในสาขา นักร้องหญิงอาร์เเอนด์บียอดเยี่ยมจากเพลง “It’s Not Right But It’s Okay.” และหลังจากนั้นเธอก็ได้ทำงานเพลงออกมาอีก 2 อั้มบั้มในเวลาไล่เลี่ยกัน คือ Just Whitney ในปี 2002 และ One Wish: The Holiday Album ในปี 2003 ก่อนจะเว้นช่วงนานถึง 6 ปี ในการทำงานเพลงอัลบั้มสุดท้ายออกมา นั่นคือ I Look To You ในปี 2009 ซึ่งเป็นอัลบั้มที่ประสบความสำเร็จ มีเพลงติดชาร์ตมากมาย รวมถึงได้เเผ่นเสียงทองคำ
แม้ว่าวิทนีย์จะประสบความสำเร็จในสายอาชีพ แต่ชีวิตส่วนตัวของเธอนั้นดูเหมือนจะไม่ราบรื่นเท่าไรนัก ทั้งเรื่องความรักและยาเสพติด โดยหลังจากที่เธอแต่งงานกับ บ็อบบี่ บราวน์ แล้ว ก็มีคดีบ็อบบี้ บราวน์ ทำร้ายร่างกายเธอเมื่อปี 1993 และในปี 2007 ชีวิตรักของเธอเป็นอันต้องสิ้นสุดลง เมื่อเธอตัดสินใจแยกทางกับบ็อบบี้ บราวน์ ในที่สุด
ส่วนเรื่องยาเสพติดนั้น เธอให้สัมภาษณ์ในรายการของ โอปรา วินฟรีย์ เมื่อปี 2010 ว่า ในระหว่างที่มีการฉายภาพยนตร์เรื่อง The Preacher’s Wife เธอติดยาเสพติดงอมแงม โดยหลังจากที่ทำงานเสร็จ ตลอดระยะเวลา 1-2 ปีนั้น เธอใช้ยาทุกวัน แต่เธอเองก็ไม่ได้รู้สึกดีกับช่วงเวลานั้น เหมือนกับเธอกำลังสูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง และจากการติดยาเสพติดนี้เองที่ทำให้เธอต้องเข้ารับการบำบัดผู้ติดยาเสพติด ถึง 2 ครั้ง ก่อนที่เธอจะสามารถเลิกยาเสพติดได้เป็นผลสำเร็จ
สตูดิโอ อัลบั้ม
- Whitney Houston – 1985
- Whitney – 1987
- I’m Your Baby Tonight – 1990
- My Love Is Your Love – 1998
- Just Whitney… – 2002
- One Wish (The Holiday Album) – 2003
- I Look To You – 2009
ซาวด์แทร็ก อัลบั้ม
- The Bodyguard – 1992
- Waiting To Exhale – 1995
- The Preacher’s Wife – 1996
อัลบั้มรวมเพลง
- Whitney: The Greatest Hits- 2000
- Love, Whitney – 2001
- Artist Collection: Whitney Houston – 2004
ทั้งนี้แม้ว่าวิทนีย์จะมีข่าวฉาวเรื่องยาเสพติดอยู่หลายครั้ง แต่เธอก็ยังคงเป็นศิลปินในดวงใจของใครหลาย ๆ คน และด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะทรงพลังและเป็นเอกลักษณ์ ทำให้เธอได้รับรางวัลต่าง ๆ มากมาย จนกินเนสส์บุ๊คยกย่องให้เป็นนักร้องหญิงที่ได้รับรางวัลมากที่สุดตลอดช่วง ชีวิตการเป็นน้กร้อง โดยรางวัลที่สำคัญ ๆ ได้แก่ รางวัลจากเอมมี่อวอร์ด 2 รางวัน รางวัลจากแกรมมี่อวอร์ด 6 รางวัล รางวัลงานเพลงจากบิลบอร์ด 30 รางวัล รางวัลงานเพลงจากอเมริกันมิวสิคอวอร์ด 22 รางวัล เป็นต้น
แต่ใครเลยจะไปคาดคิดว่า จู่ ๆ วิทนีย์ ฮูสตัน จะมาจบชีวิตลงอย่างกะทันหัน ขณะที่งานเพลงของเธอยังคงถูกเปิดฟังนับครั้งไม่ถ้วน โดยในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ท่ผ่านมา วิทนีย์ถูกพบเสียชีวิตในโรงแรมเบเวอร์ลีฮิลตัน แคลิฟอร์เนีย ขณะกำลังอยู่ระหว่างพักผ่อนเพื่อเตรียมตัวร่วมงานแกรมมี่อวอร์ดในวันรุ่ง ขึ้น นับเป็นข่าวที่ช็อควงการดนตรีเป็นอย่างมาก จนงานแกรมมี่อวอร์ดนั้นถูกเปลี่ยนเป็นงานไว้อาลัยวิทนีย์ ฮูสตัน เลยทีเดียว
ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 วิทนีย์ถูกพบเสียชีวิตที่โรงแรมเบเวอร์ลีฮิลตัน ในเบเวอร์ลี ฮิลส์, รัฐแคลิฟอร์เนีย ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตยังคงไม่เป็นที่แน่ชัด เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ของเบเวอร์ลีฮิลส์ระบุว่าพบนักร้องสาวในร่างซึ่งไร้ การตอบสนองและได้ทำการนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพเป็นเวลาประมาณ 20 นาที ก่อนที่จะประกาศว่าเธอได้เสียชีวิตลงแล้ว ณ เวลา 15:55 นาฬิกา ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า “ไม่มีข้อบ่งชี้ใดที่แน่ชัดว่าการเสียชีวิตเป็นเหตุอาชญากรรม”
ผู้มีชื่อเสียงจากหลากหลายแขนงต่างร่วมแสดงความเสียใจต่อการตายของวิทนีย์ เช่น ดอลลี พาร์ตันผู้ที่ร้องเพลง I will always love you. ซึ่งวิทนีย์นำมาร้องคัฟเวอร์ใหม่แสดงความเห็นว่า “จะยังคงรู้สึกสำนึกและเกรงขามต่อการแสดงอันน่าตื่นตะลึงที่เธอได้กระทำกับ เพลงของฉัน และขอพูดมันจากก้นบึ้งของหัวใจ ‘วิทนีย์ ฉันจะยังคงรักคุณเสมอไป คุณจะยังคงเป็นที่โหยหาจากผู้คน’.” ส่วนแม่บุญธรรมของวิทนีย์ อาเรธา แฟรงคลิน กล่าวว่า “มันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อและชวนตกตะลึง ฉันไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองเพิ่งจะได้อ่านข่าวนี้ผ่านหน้าจอโทรทัศน์ไป”
ทางด้านอดีตสามีของวิทนีย์อย่าง บ็อบบี้ บราวน์ ระบุว่าเขา “ร้องไห้ไม่หยุด” หลังจากที่ได้รับทราบข่าวการเสียชีวิต เขาไม่ได้ยกเลิกตารางการแสดงของตัวเองที่กำลังดำเนินอยู่ ภายในหนึ่งชั่วโมงของการตาย บ็อบบี้ได้จุมพิตแล้วโบกไปยังท้องฟ้าพร้อมกับหลั่งน้ำตาก่อนจะพูดว่า “วิทนีย์, ผมรักคุณ” ซึ่งผู้ชมการแสดงของเขาในมิสซิสซิปปีต่างร่วมเป็นสักขีพยาน
Text : Kittisak Kandisakunanont
Thanks to images and information from :
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B9%8C_%E0%B8%AE%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%99
http://news.mthai.com/general-news/153205.html
http://www.whitneyhouston.com/us/news/remembering-whitney
http://younghipscene.com/2012/02/11/whitney-houston-found-dead-in-beverly-hilton-hotel/
http://singersroom.com/artist/Whitney-Houston/news
http://www.zimbio.com/pictures/p49ZHNleNqJ/FILE+Whitney+Houston+St+Barts/mQNiCD2iPie/Whitney+Houston