ผู้หญิงหลายคนต้องพบกับความทุกข์ทรมานทุกๆรอบเดือน แต่นั่งคงไม่กระไรนักหากอาการปวดท้องเมนส์ยังเป็นเสมือนลางร้ายสำหรับคนที่อยากมีลูกได้ในบางครั้งอีกด้วย รู้จักกับอาการนี้กันก่อนดีกว่าจะได้ไม่ต้องกลัวเกินเหตุ
เชื่อคุณผู้หญิงส่วนใหญ่จะมีอาการก่อนมีประจำเดือนทุกเดือนจนเกิดความคุ้นเคย บางคนก็มีอาการไม่มากจนไม่รบกวนคุณภาพชีวิต แต่บางคนก็เป็นมากจนเกิดอาการซึมเศร้า ประมาณว่าผู้ป่วยร้อยละ 8-10 จะมีอาการของกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน อาการต่างๆเหล่านี้ได้แก่ คัดเต้านม เวียนศีรษะ ปวดท้อง อาการเหล่านี้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนในกระแสเลือดโดยมาก
ปวดประจำเดือนคืออะไร ?
เป็นอาการปวดหน่วงๆ ถ่วงที่ท้องน้อยขณะมีรอบเดือน ปวดเป็นระยะๆ บางทีก็ปวดตลอด หรือปวดร้าวไปที่หลัง ต้นขา หรือสะโพก อาจรู้สึกปวดหรือถ่วงๆ บริเวณช่องคลอดและมดลูก บางครั้งจะมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ปวดเมื่อยตามตัวทั่วไป เป็นไข้
สาเหตุของการปวดประจำเดือน
มดลูกประกอบด้วยกล้ามเนื้อที่บีบรัดและคลายตัวได้เป็นจังหวะๆ ขณะมีรอบเดือนกล้ามเนื้อมดลูกจะบีบรัดตัวแรงกว่าในช่วงปกติ ทำให้รู้สึกปวดได้ การบีบรัดของกล้ามเนื้อมดลูกนี้เกิดจากการกระตุ้นของสารตัวหนึ่งที่ชื่อว่า Prostaglandins(พรอสตาแกลนดิน) ซึ่งมีอยู่ที่มดลูกและส่วนอื่นบางแห่งของร่างกาย หากมีการกระตุ้นทำให้บีบรัดตัวแรงๆ และบ่อยๆ ก็จะขัดขวางการไหลของเลือดที่เลี้ยงกล้ามเนื้อมดลูก เกิดภาวะขาดเลือดชั่วขณะทำให้เกิดความเจ็บปวดซึ่งก็คือ “Menstuation” หรือที่ภาษาชาวบ้านเรียกว่า “ปวดท้องเมนส์”
Menstruation is the shedding of the uterine lining (endometrium). It occurs on a regular basis at a very young age, maturation, in females of certain mammal species, until menopause. This article focuses on human menstruation. Women typically stop menstruating if they conceive or if they are breastfeeding. Menstruation lasts from puberty until menopause among non-pregnant women.
การปวดประจำเดือนมี 2 แบบ คือ :-
- ปฐมภูมิ (Primary) พบได้บ่อยกว่า เป็นผลจากการบีบรัดตัวของมดลูก ไม่ถือว่าเป็นสิ่งผิดปกติ มักเริ่มต้นเป็นในวัยรุ่น หรืออาจจะเป็นในช่วงหลังจากคลอดบุตร เมื่ออายุมากขึ้น จะปวดน้องลงหรือเหมือนเดิม แต่บางทีก็เป็นมากขึ้น
- ทุติยภูมิ (Secondary dysmenorrhea) เป็นผลมาจากสาเหตุอื่น เช่น เนื้องอก ภาวะติดเชื้อ มีเลือดประจำเดือนตกค้างในอุ้งเชิงกราน หรือมีโรคของมดลูก ปีกมดลูก และรังไข่ มักเป็นหลังจากที่เคยมีประจำเดือนปกติมาก่อน ระยะเวลาปวดท้องอาจอยู่นานกว่า 2-3 วันตามปกติปวดท้องน้อยแบบนี้อาจปวดในช่วงอื่นที่มีไข่ช่วงระยะมีประจำเดือนก็ได้ หรือขณะมีเพศสัมพันธ์
ดังนั้นไม่ว่าคุณจะปวดประจำเดือนแบบใดก็ตาม The classy diva ขอแนะนำให้ไปปรึกษาแพทย์-สูตินรีแพทย์ อย่ามามัวอดทนทรมาน เสียการเสียงาน เสียความรู้สึกอยู่ แพทย์มีทางแก้ไขรักษาให้คุณ อาการมักจะไม่รุนแรงจนกระทั่งรบกวนคุณภาพชีวิต แต่คนกลุ่มหนึ่งอาการเหล่านี้รุนแรงจนกระทั่งบางคนเกิดอาการซึมเศร้า แบ่งกลุ่มอาการออกเป็นอาการทางกายและอาการทางอารมณ์
- อาการทางกาย มักเกิดก่อนมีประจำเดือน 2 สัปดาห์ ผู้ป่วยจะมีอาการแน่นท้อง คัดเต้านม บวมน้ำเล็นน้อย บางคนอาจจะเจ็บเต้านมขณะไข่ตกเมื่อมีประจำเดือนอาการเจ็บเต้านมก็หายไป จุกเสียดแน่นท้อง ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ร้อนตามตัว นอนไม่หลับ ไวต่อเสียงและกลิ่น
- อาการทางอารมณ์ อารมณ์ของผู้ป่วยจะผันผวนมากโกรธง่าย เครียด จะสูญเสียสมาธิ บางคนความจำไม่ดี มีผู้ป่วยจำนวนหนึ่งจะมีอาการซึมเศร้าอย่างมาก โกรธง่าย บางคนอาจจะร้องไห้โดยไม่มีเหตุผล และปวดศีรษะจากความเครียดก่อนมีประจำเดือนเรียกกลุ่มอาการนี้ว่า “Premenstrual dysphoric disorder(PMDD)” ซึ่งเป็นโรค premenstrual syndrome ที่มีอาการรุนแรง โดยต้องมีอาการทางซึมเศร้าอย่างน้อย 5 อาการตามการวินิจฉัย ผลของเสียต่อสุขภาพของ Premenstrual syndrome อันได้แก่ ขณะที่มี Premenstrual syndrome จะทำให้โรคหลายโรคกำเริบ เช่นโรคปวดศีรษะไมเกรน โรคเบาหวาน โรคหอบหืด โรคลมชัก โรคsle ตามมาคือผลเสียทางอารมณ์ทำให้มีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์กับสมาชิกในครอบครัว เพื่อนร่วมงาน บางคนอาจจะมีความคิดที่จะทำร้ายตัวเอง ผู้ป่วยมักจะกังวลเรื่องเจ็บเต้านมทำให้ต้องตรวจ mamography ก่อนวัยอันควร
การดูแลสุขภาพของสาวๆ วัยมีประจำเดือนตามแนวของแพทย์ทางเลือกสามารถปฏิบัติได้ดังนี้
- การออกกำลังกาย ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำ เช่น การเล่นโยคะ สามารถลดอาการปวดท้องน้อย และอาการปวดหลังได้
- การรับประทาน อาหารให้เพียงพอ ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีกากใยสูง สารอาหารครบ 5 หมู่ และเน้นเสริมธาตุเหล็ก แคลเซียม และวิตามิน บี1 ซึ่งมีมากในอาหารจำพวกข้าวซ้อมมือ ผักและผลไม้สด
- พยายามพักผ่อนให้เพียงพอ
- การอาบน้ำร้อน หรือประคบด้วยกระเป๋าน้ำร้อนที่บริเวณท้องน้อยจะช่วยบรรเทาอาการปวดได้
- การบำบัดด้วย น้ำมันหอมระเหย (Aromatherapy) สามารถนำน้ำมันกลิ่นลาเวนเดอร์ (Lavender), เจอเรเนียม (Geranium) ครั้งละ 6-8 หยดผสมน้ำอาบเช้า-เย็น ก่อนมีประจำเดือน 2 สัปดาห์
- การใช้น้ำมัน กลั่น คาจูพุต (Cajuput), เสจ (Sage), แดนิซีด (Aniseed), ไซเปรส ( Cypress ) และมาร์จอแรม (Marjoram) ผสมทาที่หน้าท้องวันละ 2 ครั้ง ก่อนมีประจำเดือน 10 วัน จะช่วยลดอาการปวดประจำเดือนได้
- การประคบด้วยน้ำร้อน-น้ำเย็น โดยประคบร้อน 2-3 นาที สลับด้วยการประคบเย็น 30 วินามี ทำซ้ำประมาณ 2-3 รอบ จะช่วยลดอาการปวดได้เหมือนกัน
ซึ่งวิธีการต่างๆ เหล่านี้ จะช่วยในการบำบัดอาการปวดประจำเดือน ตามศาสตร์ของแพทย์ทางเลือก และเป็นวิธีที่ง่ายต่อการบำบัด
สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)และสถาบัน ChangeFusion
http://www.ayushveda.com/magazine/foods-to-regulate-your-menstrual-cycle/
http://lifeandpain.com/2011/07/20/9-healthy-tips-for-reducing-menstrual-pain/
http://en.wikipedia.org/wiki/Menstruation