ไดอานา ฟรานเซส สเปนเซอร์ เกิดเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2504 เวลา 18.39 น. ที่ปาร์กเฮ้าส์ เมืองแซนดริงแฮม มณฑลนอร์ฟอล์ก เป็นธิดาคนเล็กของจอห์น สเปนเซอร์ ไวสเคานท์อัลธอร์พ (เอิร์ลสเปนเซอร์ที่ 8 ในเวลาต่อมา) กับภรรยาคนแรก ดิออนนูเรเบิล ฟรานเซส เบิร์ก ร็อฌ (ต่อมาเป็น นางฟรานเซส ชานด์ คีดด์) บิดาของไดอานาสืบเชื้อสายมาจากยุกแห่งมอลเบอระที่ 1 มารดาของไดอานามีเชื้อสายระหว่างอังกฤษกับไอริช เป็นลูกสาวของบารอนเฟอร์มอยที่ 4 กับเลดี้รูธ ซิลเวีย กิล นางสนองพระโอษฐ์ในสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธโบว-ลีออนส์
พ่อแม่ของไดอานาหย่าร้างกัน ขณะที่เธอมีอายุได้เพียง 8 ขวบ ในปี พ.ศ. 2512 หลังจากที่สองสามีภรรยาโต้เถียงกันอย่างเผ็ดร้อนและผลลงเอยด้วยการที่แม่ไป มีความสัมพันธ์กับชายที่แต่งงานแล้ว ต่อมาไดอานากับน้องชายได้ไปอยู่กับแม่ในอพาร์ตเมนต์ในลอนดอน เขตไนท์บริดจ์ เธอได้เข้าเรียนที่โรงเรียนแถวบ้านที่ลอนดอนในตอนกลางวัน ไม่นานนัก จอห์น พ่อของไดอานาได้ฟ้องร้องคดีเรื่องสิทธิในการเลี้ยงดูบุตรทั้งสี่กับฟรานเซส ผู้เป็นแม่ ท้ายที่สุดพ่อเป็นผู้ชนะคดีเนื่องจากบารอนเนสเฟอร์มอย ยายของไดอานา ให้การว่า ฟรานเซสทำตัวเป็น “แม่ที่ไม่เหมาะสม” หลังจากหย่าร้างได้ไม่ถึงเดือน ฟรานเซสแต่งงานใหม่ทันทีและย้ายไปอยู่ที่เกาะเซล สก็อตแลนด์ฝั่งตะวันตก แต่ทั้งไดอานาและพี่น้อง ๆ ก็ได้ไปเยี่ยมแม่เป็นประจำ แม้ว่าลูกทั้ง 4 คนจะได้อยู่กับพ่อ แต่จอห์นก็ไม่มีเวลาให้ลูก ๆ เพราะมัวยุ่งแต่กับงาน
ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเดิมอีกครั้ง เมื่อจอห์นไปมีความสัมพันธ์กับเรน เคานต์เตสแห่งดาร์มัธสตรีที่ผ่านการแต่งงานมาแล้ว เรนเป็นลูกสาวของอเล็กซานเดอร์ แม็กควอเดลกับบาร์บารา คาร์ตแลนด์ (นักเขียนนวนิยายโรแมนติกที่ไดอานาชื่นชอบ) จอห์นแต่งงานกับเรนหลังจากที่เธอหย่าขาดกับสามีคนเก่าได้ไม่นาน การแต่งงานครั้งที่สองของพ่อและแม่ของไดอานานี้ ทั้งสองไม่มีบุตรกับคู่สมรสคนใหม่ แต่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างสี่คนพี่น้องกับพ่อเลี้ยงและแม่เลี้ยงก็เป็นไป อย่างไม่ราบรื่นนัก
ในตอนแรกๆ นั้นเจ้าชายชาร์ลส์ทรงคบหาอยู่กับซาราห์ พี่สาวคนโตของไดอานา ซึ่งในขณะนั้นเจ้าทรงมีพระชนมายุเกือบ 30 ชันษาและทรงถูกกดดันให้อภิเษกสมรส ซึ่งตอนนั้นซาราห์เคยถูกคาดหวังจะได้เป็นเจ้าสาวของเจ้าชายชาร์ลส์ในอนาคต โดยพระองค์จะเสกสมรสกับหญิงพรหมจรรย์ที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายเชิร์ชออฟอิงแลนด์เท่านั้น หากทรงเสกสมรสกับสตรีที่นับถือนิกายโรมันคาทอลิก พระองค์จะถูกตัดสิทธิ์ในการขึ้นครองราชบัลลังก์ทันที ตามมาตราที่ 1701 แห่งกฎหมายอังกฤษ
บารอนเนสเฟอร์มอย ยายของไดอานาเห็นว่าหลานสาวของเธอคนนี้แหละที่เหมาะสมกับเจ้าชายชาร์ลส์ที่ สุด เพราะไดอานายังเป็นสาวบริสุทธิ์ ยังไม่เคยคบหากับชายใดมาก่อน และยังเป็นลูกสาวของขุนนางอังกฤษผู้สูงศักด์ จึงทำให้บารอนเนสเห็นว่าไดอานาคู่ควรที่จะได้เสกสมรสกับเจ้าชายอย่างถูกต้อง ตามกฎหมายและเหมาะสมกันตามสถานะในสังคม เจ้าชายชาร์ลส์รู้จักไดอานามานานหลายปี เพราะซาราห์ผู้เป็นพี่สาวเคยชวนไดอานาไปร่วมชมการล่าสัตว์และแข่งโปโลกับ พระองค์อยู่เนืองๆ แต่หลังจากที่พระองค์ทรงเลิกรากับซาราห์แล้ว ทรงสนพระทัยไดอานาอย่างจริงจังในฤดูร้อนปี พ.ศ. 2523 ที่นั่นไดอานาชมการแข่งขันโปโลของเจ้าชายและได้ร่วมงานปาร์ตี้ที่สองได้มี โอกาสพูดคุยกันอย่างถูกคอ ความสัมพันธ์พัฒนาขึ้นไปอีกขั้น เมื่อได้รับคำเชิญจากเจ้าชายให้ไปร่วมเรือยอชท์หลวงบริทาเนียในงานแข่งเรือ ใบ ตามมาด้วยคำเชิญจากเจ้าชายชาร์ลส์ที่ให้เธอไปพักผ่อนที่พระตำหนักบัลมอรัลใน สก็อตแลนด์ ซึ่งได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2, เจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินเบอระ และสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธ และความสัมพันธ์ระหว่างไดอานากับเจ้าชายชาร์ลส์ก็กลายเป็นความรักหวานหอม จนกระทั่งในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2524 เจ้าชายขอเสกสมรสกับไดอานา ซึ่งเธอตอบตกลง แต่เรื่องนี้ถูกเก็บไว้เป็นความลับจนกระทั่งหลายสัปดาห์ต่อมา
ไดอานาได้เป็นสมาชิกราชวงศ์อังกฤษจากการอภิเษกสมรสกับเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ เจ้าชายแห่งเวลส์ เมื่อ 29 กรกฎาคม 2524 พระราชพิธีอภิเษกสมรสมีขึ้นที่มหาวิหารเซนต์พอล กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ มีผู้รับชมการถ่ายทอดสดพระราชพิธีในครั้งนี้มากถึง 750 ล้านคนทั่วโลก
ต่อมาไดอานาได้ให้กำเนิดพระโอรสทั้งสองพระองค์คือ เจ้าชายวิลเลียมและเจ้าชายแฮร์รี รัชทายาทลำดับที่สองและสามแห่งการสืบสันติวงศ์แห่งราชบัลลังก์อังกฤษและ 16 เครือจักรภพ นับตั้งแต่ทรงหมั้นกับเจ้าชายแห่งเวลส์ในปี พ.ศ. 2524 จนกระทั่งการสิ้นพระชนม์จากอุบัติเหตุรถยนต์ที่กรุงปารีส ในปี พ.ศ. 2540 ไดอานาเป็นผู้หญิงสำคัญคนหนึ่งของโลก ไม่ว่าจะความสนพระทัย การฉลองพระองค์ รวมถึงพระกรณียกิจของพระองค์ได้รับความสนใจจากทั่วทุกมุมโลก พระองค์ทรงเป็นผู้นำแฟชั่น เป็นสัญลักษณ์แห่งความงาม ความหวังของผู้ป่วยโรคเอดส์ แต่เหนือกว่าสิ่งอื่นใดคือพระองค์ทรงเป็นพระราชินีในดวงใจของประชาชนอีกด้วย ตลอดทั้งพระชนม์ชีพพระองค์เป็นผู้ที่ถูกถ่ายรูปมากที่สุดคนหนึ่งในโลกราวกับนักแสดงที่มีชื่อเสียง
ไดอานาเป็นที่จดจำภาพลักษณ์การแต่งกาย แฟชั่น งานด้านการกุศลและเป็นบุคคลสาธารณะในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 จากการเป็นพระชายาองค์แรกของเจ้าชายแห่งเวลส์ ไดอานาเคยรณรงค์ต่อต้านการใช้กับระเบิดทั่วโลก และเคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการของโรงพยาบาลเด็ก เกรท ออร์มันด์ สตรีทตั้งแต่ปี พ.ศ.2532 – 2538
เจ้าหญิงไดอาน่าสิ้นพระชนม์เมื่อ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2540 (36 ชันษา) โรงพยาบาลปีเต-แซลแปตริแยร์ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ แต่เป็นเอกฉันท์ว่าการสิ้นพระชนม์ในครั้งนี้เป็นการลอบปลงพระชนม์
การจากไปอย่างกะทันหันของเจ้าหญิงแห่งเวลส์ผู้ทรงเสน่ห์ ได้สร้างความโศกเศร้าสะเทือนใจให้กับชาวโลก บุคคลสำคัญในหลายประเทศได้ส่งสาส์นแสดงความเสียใจมายังสหราชอาณาจักร ทันทีที่ประชาชนในอังกฤษทราบข่าวการสิ้นพระชนม์ของไดอานา พระราชวังเคนซิงตันอันเคยเป็นที่พักของพระองค์ก็คลาคล่ำไปด้วยดอกไม้ เทียน การ์ดแสดงความอาลัย และจดหมายจากประชาชนนานหลายเดือน พิธีศพของไดอานาถูกจัดขึ้นที่วิหารเวสต์มินสเตอร์ในวันที่ 6 กันยายน 2540 ซึ่งก่อนหน้านี่ไม่กี่วัน สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ได้มีพระราชดำรัสแสดงความเสียพระราชหฤทัยต่อการจากไปของไดอานาที่ถ่ายทอดสด จากพระราชวังบักกิ้งแฮม พระโอรสทั้งสองของเจ้าหญิงไดอานา เจ้าชายวิลเลียมและเจ้าชายเฮนรี่ ได้ร่วมเสด็จตามขบวนพระศพของพระมารดา พร้อมด้วยเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ เจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินเบอระและชาร์ลส์ สเปนเซอร์ เอิร์ลสเปนเซอร์ที่ 9 พระอนุชา และเซอร์เอลตัน จอห์น ได้ร้องเพลง Candle in the wind เพื่อบรรเลงถวายอาลัยแก่ไดอาน่า เจ้าหญิงแห่งเวลส์ในงานพระศพ
Thanks to image from :
http://www.siamdara.com/Hollywood/00003219.html
http://mblog.manager.co.th/natayaa/th-111785/