กลายเป็นข่าวใหญ่โดยไม่ตั้งใจไปซะแล้ว กับงานเปิดร้านใหม่ล่าสุดของ Louis Vuitton ที่พารากอนเมื่อไม่นานมานี้ เพราะเกิดความขัดข้องทางเทคนิคบางประการในขั้นตอนของการสื่อสาร ทำให้กองทัพนักข่าวจำนวนมหาศาลที่อุตส่าห์ฝ่ารถติดเสี่ยงฝนตกฟ้าคะนองในยามเย็นของเดินกรกฎาคม ต้องโดนกีดกันไม่ให้เข้าไปทำข่าว ซึ่งเปิดให้เฉพาะไฮโซ เซเล็บ ดารา เท่านั้น แม้กระทั่งบก.หนุ่มหล่อของนิตยสารผู้ชายที่จัดว่าเป็นฉบับยอดนิยมแถวหน้าสุดๆของเมืองไทยยังทนเซ็งไม่ไหว เพราะยังไฮโซไม่พอ ก็เลยโดนกั้นไม่ให้เข้างานเหมือนกัน ทั้งที่ท่านลงทุนลงแรงทิ้งภารกิจมากมายให้เกียรติมาร่วมงานด้วยตัวเอง (ซึ่งความจริงจะส่งลูกน้องมาเป็นตัวแทนก็ได้) ต้องบอกศาลาเลิกกลับไปด้วยอารมณ์กร่อยโดยที่ยังไม่ได้สัมผัสกับงานที่ตัวเองได้รับเชิญจากทางพีอาร์ ดีนะที่ไม่ได้ฟ้องร้องค่าเสียหายจากรายการค่าใช้จ่ายในการซักแห้งสูท Armani บวกความสึกหรอของรองเท้า Bally ค่าบอบช้ำของกระเป๋า LV ที่อุตส่าห์หนีบมาเป็นเกียรติแก่เจ้าของงาน และตั๋วค่ารถไฟฟ้ากับค่าแท็กซี่ ไม่งั้นจะเกิดเป็นอุทาหรณ์ครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของงานเปิดตัวร้าน
ซึ่งเมื่อเดี๊ยนสอดหูไปหาเรื่อง ก็ได้ยินเสียงร่ำลือเสียงเล่าอ้างกันอย่างอึงคะนึงด้วยความแค้นเคืองปนน้อยใจจากบรรดาผู้สื่อข่าวทั้งหลายที่ไม่ได้บังเอิญวาสนาดีเกิดมาเป็นไฮโซลูกค้ากระเป๋าแบรนด์เนม ว่าต่อไปจะพากันคว่ำบาตรเลิกไปร่วมงานหรือทำข่าวใดๆ ของแบรนด์นี้โดยเด็ดขาด ไหนจะมีเหตุฉกตัวดาราที่มาร่วมงานไม่ยอมให้นักข่าวสัมภาษณ์อีก ทำให้เกิดความหงุดหงิดกันโดยทั่วหน้า และพากันสงสัยว่า เกิดอะไรขึ้น … แล้วถ้าไม่อยากให้เข้างานไปทำข่าว แล้วเชิญนักข่าวมาทำไมกันมากมาย เชิญมาแล้วก็ทิ้งขว้าง
แทนที่งานหรูๆจะมีข่าวดีมีรูปสวยๆมาอวดประชาชนในสื่อต่างๆ ก็กลายเป็นงานที่มีแต่เสียงก่นด่าถึงขนาดรายการ Nine Entertain เอาไปประจานในช่วงไพร์มไทม์เลยทีเดียว นาทีนี้ก็มีแต่ความเห็นใจให้กับทั้งผู้จัดงาน บริษัทพีอาร์ และที่น่าเห็นใจสุดๆก็คือสื่อมวลชน ซึ่งแน่นอนว่า จะเป็นบาดแผลลึกที่ทุกฝ่ายจะต้องจำเป็นบทเรียนกันไปอีกนาน … ใครว่าคนไทยลืมง่าย งานนี้ กองทัพนักข่าวกระซิบเสียงดังเลยว่า … ก็ไม่ทุกเรื่องหรอกนะ ที่จะลืม อิ อิ