ยุคนี้เป็นยุคที่คำว่า “ไฮโซ” ปรากฎในพื้นที่ข่าวด้วยนิยามที่แตกต่างจากคำว่า ไฮโซ ในบริบทสังคมเมื่อสิบกว่าปีก่อนมาก และเมื่อพูดถึงสังคมคนเด่นคนดัง ซึ่งอาจหมายถึงสังคมชั้นสูง หรือสังคมไฮโซตามความเข้าใจของคนบางกลุ่มที่เราเห็นกันตามสื่อต่างๆนั้น เมื่อมองจากข้างนอกก็อาจเห็นภาพสังคมของคนกลุ่มหนึ่งที่ดูสดสวยแพรวพราวอยู่ในวงกลมเดียวกัน แต่ถ้ามองเข้ามาใกล้จริงๆก็จะพบว่าเป็นเพียงละครโรงใหญ่ ที่มีทั้งผู้แสดงและผู้ชม หากถือเอาว่าเจ้าภาพหรือคนจัดงานเป็นผู้แสดง และกลุ่มผู้มาร่วมงานเป็นผู้ชมในโรงละคร คนข้างในต่างก็รู้กันดีว่า ตั๋วที่ตีเข้าไปของบรรดาผู้ชมก็มีราคาค่างวดแตกต่างกันไปตามระดับชั้น สามารถจะแบ่งตั๋วออกเป็น 4 ระดับ คือตั๋วซูเปอร์วีไอพี ตั๋ววีไอพี ตั๋วธรรมดา และตั๋วเสริม
ตั๋วซูเปอร์วีไอพี
คือ คนที่มีครบองค์ประกอบ 4 อย่าง คือ ชาติตระกูล รวย เก่ง และดัง ถ้าพูดถึงคนกลุ่มนี้ก็ไม่ต้องอธิบายอะไรมาก พวกเขาจะเป็นเสมือนตัวอ่อนในไข่แดง เป็นเพชรยอดมงกุฎที่เจิดจรัสกว่าใครในหน้าข่าวสังคมเสมอ แต่คนกลุ่มนี้มักไม่ค่อยสนใจกับการเป็นข่าว ไม่ยินดียินร้ายกับการได้ถ่ายรูปตามหน้าแบ็คดร็อปหรือการให้สัมภาษณ์นักข่าว เข้าถึงยาก และถ้าสังเกตดีๆ คนพวกนี้เขาจะไม่ค่อยออกงาน โดยจะเลือกออกงานเฉพาะที่มีความหมายจริงๆ เช่น งานพระราชพิธีสำคัญ คอนเสิร์ตการกุศลที่ต้องบริจาคเงินเป็นล้านๆ หรือกาลาดินเนอร์หรูที่มีแต่คนระดับผู้นำ คนในกลุ่มนี้บางคนก็ทำตัวธรรมดา ไม่หลงบ้าบอไปตามบทบาทสมมุติ แต่คนบางคนก็ถือตัวเจ้ายศเจ้าอย่างและเหยียดชนชั้นแบบสุดๆ สื่อไหนที่ได้เผยแพร่ข่าวของคนถือตั๋วซูเปอร์วีไอพีก็จะถือว่าตนได้รับเกียรติอย่างสูง เพราะคนกลุ่มนี้เขาไม่ออกมาเป็นข่าวบ่อยๆ
ตั๋ววีไอพี
คือ คนที่มีองค์ประกอบอย่างน้อย 3 อย่างขึ้นไป บางคนอาจจะเป็นคนที่ไม่มีชาติตระกูล แต่รวย เก่ง และดัง หรือบางคนอาจจะมีชาติตระกูล ดัง และเก่ง คนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่นักข่าวสังคมชื่นชอบ เข้าถึงไม่ยากมาก อยากติดต่อลงข่าวก็มีลุ้น ขั้นตอนไม่เยอะ เพราะเขาก็สนุกกับการได้ปรากฏตัวอยู่ในพื้นที่ข่าวอย่างมีระดับ ใช้พื้นที่ข่าวเป็นเครื่องมือต่อยอดผลประโยชน์ อาจจะเป็นทายาทชั้นหลานของตระกูลดังที่กำลังเริ่มธุรกิจของตัวเองหรือสานต่อธุรกิจครอบครัว มาดโก้ แต่งตัวดี มีรสนิยม เวลานำไปลงข่าวแล้วคนชอบติดตาม เป็นเจ้าของฉากชีวิตโก้หรูประดุจเจ้าหญิงเจ้าชาย
ถ้าคุณชอบติดตามพวกเขาในโลกโซเชียลก็จะได้เห็นภาพเขาล่องเรือยอทช์ นั่งไพรเวทเจท ไปเที่ยวช้อปปิ้งแบรนด์เนมตามร้านหรูในต่างประเทศ กินอาหารตามร้านมิชลินสตาร์ ปาร์ตี้สังสรรค์กับเพื่อนฝูงในระดับเดียวกัน ถ้าพวกเขาคิดจะเล่นดนตรี วาดภาพ ถ่ายภาพ ทำขนม หรือเข้าสวนปลูกต้นไม้ ตัดเย็บเสื้อผ้า ฯลฯ ก็จะได้รับความสนใจจากสังคมมากเป็นพิเศษ และอาจได้รับการยกย่องว่ามีพรสวรรค์เหนือคนทั่วไป จิตรกรฝีมือดีบางคนวาดภาพสวยๆมาตลอดชีวิต ช่างภาพบางคนไปถ่ายภาพสวยๆมาแล้วทั่วโลก ยังอาจไม่ได้รับการนำเสนอข่าวมากเท่ากับผลงานระดับเล่นๆของบางคนที่ถือตั๋ววีไอพี เรื่องแบบนี้ จะว่าขำก็ไม่ใช่ จะเศร้าก็ไม่เชิง ถ้าไม่อยากปวดใจก็ให้ปลงเสียว่า ทำบุญมาไม่เท่ากัน
.
ตั๋วธรรมดา
คือ คนที่มีองค์ประกอบ 2 ใน 4 ประเภทที่กล่าวมา แต่องค์ประกอบหนึ่งในสองที่มักขาดไม่ได้หรือไม่น่าขาดคือ รวย เพราะการเข้าสังคมชั้นสูงย่อมมีค่าใช้จ่าย และถ้าถามว่า ต้องมีทรัพย์สินแค่ไหนถึงจะหลับหูหลับตาเรียกว่ารวยได้ ในพ.ศ.ที่เงินร้อยบาทยังซื้อกาแฟแบรนด์ดังกินไม่ได้นี้ ก็ตอบอย่างชุ่ยๆว่า ควรจะมีไม่ต่ำกว่าพันล้าน เพราะกระเป๋าหนังใบเดียวก็ล้านนึงเข้าไปแล้ว ไหนจะเครื่องประดับ เสื้อผ้าหน้าผม ออกงานแต่ละทีไม่ใช่บาทสองบาท ใส่ซ้ำก็กลัวคนจำได้อีก ถ้าคุณถือตั๋วใบนี้เข้ามาโดยไม่มี ‘หลวงพ่อรวย’ เป็นเครื่องรางคุ้มกัน คุณอาจได้รับฉายาเบื้องหลังที่น่าตกใจ เช่น ถ้าคุณเป็นคนมีชาติตระกูล+เก่ง หรือมีชาติตระกูล+ดัง แต่ไม่รวย คนเขาจะเรียกคุณว่า ‘ผู้ดีเก่า’ หรือ ‘พวกปลายแถว’ ถ้าคุณเก่ง+ดัง เช่น เป็นดารานักแสดง ที่ดันควงคู่มากับลูกหลานไฮโซ คุณอาจโดนเรียกว่า ‘ซินเดอเรลลา’ แปลว่าอะไรก็คิดกันดูเอง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า ความรวยจะทำให้คุณปลอดภัยจากการเรียกอย่างเจ็บแสบลับหลัง เพราะถ้าคุณรวยแค่ระดับเบสิกและไม่มีชาติตระกูล คนเขาจะเรียกคุณว่า ‘เศรษฐีใหม่’ ซึ่งบ่งบอกเป็นนัยๆว่าคุณอาจไม่มีรสนิยมหรือเป็นคนไม่มีสกุลรุนชาติ แต่ถ้าคุณไม่เจ็บกับคำไหนๆที่เขาเรียก ก็ไม่ต้องเดือดร้อน เพราะต่อหน้าคนเขาก็ทำดีกับคุณทั้งนั้นแหละ
นอกจากนี้ สังคมไทยยังให้ความสำคัญกับความเป็นคนรวยมากกว่าเป็นความเป็นคนดีหรือคนเก่ง ต่อให้คนทั่วบ้านทั่วเมืองเขารู้ว่า คุณรวยมาได้เพราะพ่อคุณค้ายาเสพติด ทำธุรกิจผิดกฎหมาย เป็นนักการเมืองโกงกินประเทศชาติ ค้ากาม ถ้าคุณกล้าเสนอหน้ามาโชว์ตัวในวงสังคม ก็ยังมีคนส่วนหนึ่งพร้อมจะเดินหน้าเข้ากราบกรานยกย่อง แม้ว่าลับหลังจะแอบนินทาก็เถอะสมาชิกกลุ่มตั๋วธรรมดานี้ ส่วนมากจะเป็นขาประจำ แต่จะมีอยู่พวกหนึ่งที่หมุนเวียนเปลี่ยนหน้าใหม่เข้ามาเรื่อยๆ คือพวก เก่ง+ดัง เช่น คุณเป็นนักมวยที่เพิ่งได้แชมป์โอลิมปิก หรือเป็นศิลปินที่ได้รับความนิยมมากในช่วงนั้น อาจเป็นนางงามเพิ่งได้มงกุฎ นักแสดงบางคนเก่งแต่ปกติไม่ดังมาก อาจจะเพิ่งมาดังเพราะแต่งงานกับลูกนักการเมืองฉาว หรือเป็นข่าวอะไรบางอย่างที่ใครๆพูดถึง ก็ทำให้เปลี่ยนสถานะจากคนถือตั๋วเสริมมาเป็นพวกตั๋วธรรมดาได้เหมือนกัน .
ตั๋วเสริม
คือ คนที่มีองค์ประกอบอะไรสักอย่างใน 4 ประเภทที่กล่าวมา เป็นชั้นที่มีจำนวนคนน้อยกว่า ตั๋วธรรมดา แต่อาจจะมีปริมาณใกล้เคียงกับ ตั๋ววีไอพี อาจเป็นกลุ่มของ ‘ผู้มาใหม่’ ที่อาจจะโดนลากเข้ามาโดยไม่ตั้งใจ หรือ ผู้ที่พยายามอย่างมากเพื่อจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในสังคมที่เชื่อว่าเป็น ‘ชั้นสูง’ นี้ คนถือตั๋วเสริมมีโอกาสโดนคนใจร้ายเรียกคุณว่าพวก ‘wanna be’ / ‘social climber’ บ้างก็หาว่า ‘เป็นนักขุดทอง’ ในขณะที่ตั๋วซูเปอร์วีไอพีได้รับการยกย่องว่าเป็นพวก ‘Born to be’ อีกทั้งยังอาจโดนพีอาร์ปากจัดผู้ทำหน้าที่เชิญแขกจัดอันดับคุณเป็นเซเลบระดับB- หรือ C+ เอาไว้เชิญแบบหว่านใกล้ๆวันงาน เพื่อถมงานเลี้ยงหรือเติมโต๊ะที่โดนพวกวีไอพีแคนเซิลกะทันหันให้เต็ม
คนที่ถือตั๋วเสริมนี้มีหลายประเภท และหลายเจตนารมณ์ บางคนเข้ามาได้ด้วยความดังอย่างใดอย่างหนึ่งในช่วงเวลาสั้นๆ บางคนอาจเป็นคนรวยสูงอายุที่อยากแต่งตัวสวยๆมาออกงานเพราะอยู่บ้านเฉยๆแล้วมันเหงา บางคนมาหาโอกาสทางธุรกิจ บางคนอาจมีเชื้อสายมาจากนามสกุลดังแต่ตัวเองไม่ได้มีฐานะ ต้องวิ่งทำงานหาเงินใช้หนี้งกๆ ตกเย็นก็วิ่งไปหาเช่าชุดเช่ากระเป๋ามาออกงานทำท่าเหมือนคนอยู่ว่างๆ บางคนมาเพราะอยากเป็นข่าว อยากมีชื่อเสียง ไม่ได้ต้องการอะไรมากกว่านั้น แค่ได้ดังก็สบายใจแล้ว
คนถือตั๋วเสริมที่แสดงออกชัดเกินไปว่า ต้องการไต่ระดับชั้น โดยพยายามประกบคนเด่นคนดัง พยายามเข้าหาคนที่ถือตั๋วซูเปอร์วีไอพี หรือวีไอพี พยายามทำตัวกลมกลืนกับคนที่ถือตั๋วชั้นสูงกว่าอย่างออกนอนกหน้า บ้างก็พยายามยัดเยียดตัวเองลงไปในพื้นที่ข่าวแบบไม่เนียน จะถูกค่อนขอด นินทาลับหลัง เพราะคนที่มาก่อน หรือถือตั๋วแพงในละครโรงนี้ถือว่า พื้นที่ส่วนใหญ่ในโรงละครเป็นของพวกเขา เป็นอาณาจักรที่เขาคุมอำนาจอยู่ เสมือนเป็นมาเฟียกลายๆ
ถ้านึกไม่ออกว่ามาเฟียในสังคมชั้นสูงเป็นไง ก็ให้ลองนึกถึงฉากในละครน้ำเน่าหลังข่าวที่นางเอกหรือพระเอกที่เป็นคนธรรมดา โดนดูหมิ่นเหยียดหยามไม่ยอมให้เข้าพวกกับหม่อมป้า ท่านชาย หรือกีดกันไม่ให้ร่วมก๊กคหบดีขุนนาง เพราะเป็นคนบ้านนอกคอกนา ไม่มีหัวนอนปลายเท้า ไม่มียศถาบรรดาศักดิ์ ไม่มีเงิน อะไรนั่นแหละ
คือต้องเข้าใจว่า คนส่วนหนึ่ง (ซึ่งมีเยอะด้วยในประเทศโลกนี้) เชื่อกันเป็นตุเป็นตะว่า สถานภาพสมมุติในละครโรงใหญ่นี้เป็นเรื่องจริง ทั้งคนที่นึกว่าตัวเองอยู่ชั้นบน และคนที่นึกว่าตัวเองอยู่ชั้นล่าง เมื่อต่างฝ่ายต่างพร้อมใจกันนึกว่าตัวเองเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ก็เลยเดินหน้าแสดงบทบาทไปตามสถานะสมมุติที่ตัวเองสวมอยู่ และทุกคนก็อินกับบทตัวเองแบบเว่อร์ๆ คือเรียกว่า จ่ายค่าตัวนักแสดงไปร้อยบาทแต่เล่นใหญ่ระดับล้านบาท…ทำนองนั้น
.
นอกเหนือจากตั๋ว 4 ประเภทที่ว่ามาแล้ว และไม่รวมพวกที่เข้าผ่านช่องพิเศษเพราะเป็นนักข่าว ก็ยังมีพวกตั๋วผี และพวกตั๋วปลอมที่แฝงเข้ามาอีกเพียบ พวกนี้มีพฤติกรรมน่าสนุก บางคนมาเพราะชอบกินฟรี บางคนมาเพราะอยากได้ของแจก อยากเข้ามาทำเนียนถ่ายรูปกลมกลืนกับพวกตั๋วจริงเอาไปอวดคนอื่นหรือเอาไปหาประโยชน์ต่างๆ พวกนี้อาจไม่มีต้นทุนพอสำหรับการซื้อตั๋วทุกประเภท แต่มีทุนสำหรับเสื้อผ้าหน้าผมสำหรับออกงาน
.
นักข่าววัยใส พีอาร์มือใหม่ขี้เกรงใจ และผู้จัดงานกระดูกอ่อน มักเป็นเหยื่อลำดับต้นๆของพวกตั๋วผี เพราะเห็นเขาแต่งตัวดีๆใช้ของแพงๆก็เกรงใจไว้ก่อน บางคนทำเนียนเดินเชิดๆตามหลังคนถือตั๋วจริงมาเข้างาน ก็ไม่มีใครกล้าทักท้วง ไปลงทะเบียนทิ้งนามบัตรไว้ให้ผู้จัดงาน นานๆเข้าเขาก็เอารายชื่อไปรวมกันไว้เป็นหางว่าว คราวหลังๆก็จะได้รับเชิญจริงๆโดยไม่ต้องถือตั๋วผี จากนั้นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถว่า เมื่อเข้ามาแล้วจะสามารถ ‘ปล่อยของ’ ได้เด็ดขนาดไหน บางคน ‘มีของ’ ก็อาจเปลี่ยนสถานะจากคนถือตั๋วผีเป็นตั๋วเสริมและตั๋วธรรมดาได้ในระยะเวลาสั้นๆ ซึ่งก็ต้องปรบมือให้กับความพยายามและความมุ่งมั่น จะไปดูถูกกีดกันเขาก็ไม่ควร เพราะเขาก็ทำได้จริงๆ
.
เรื่องราวในสังคมแบบนี้ ถ้ามองให้แย่มันก็แย่ แต่ถ้ามองให้สนุก มันก็สนุก แต่ละวันมีตัวละครใหม่ๆสลับหน้าเข้ามาเรื่อย ตัวละครเก่าค่อยๆหายออกไป เป็นวัฏจักรสามัญ ใครที่กำลังหาตั๋วจะเข้าไปร่วมสนุกในละครโรงใหญ่นี้ ก็ขอให้ได้ตั๋วใบที่ต้องการ สมใจปรารถนา
Text: จินตนา มโนจัง