วิลเลี่ยม แกรนท์ แอนด์ ซันส์ เปิดตัว The Distillers Library Bangkok: สถานที่สุดพิเศษที่รวบรวมวิสกี้หายาก เฉพาะแขกที่ได้รับเชิญเท่านั้น

a

หลังจากที่ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องทั่วเอเชีย The Distillers Library แห่งใหม่ได้มาเยือนกรุงเทพมหานคร เพื่อมอบประสบการณ์ชั้นยอดและความมหัศจรรย์ที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหน จากคลังสะสมของตระกูลแกรนท์ แด่ ผู้ที่หลงใหลในวิสกี้และนักสะสมชาวไทยทุกคนล่าสุด บริษัทผู้ดำเนินธุรกิจโรงกลั่นในรูปแบบครอบครัว วิลเลี่ยม แกรนท์ แอนด์ ซันส์ (William Grant & Sons) ประกาศเปิดตัว The Distillers Library Bangkok สถานที่สุดพิเศษที่นำมรดกตกทอดและเรื่องราวหลายร้อยปีของตระกูลแกรนท์ มาเรียงร้อยและเล่าขานขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย โดย The Distillers Library เปิดตัวครั้งแรกในเดือนเมษายน 2021 ประเทศสิงคโปร์ ตามด้วยประเทศจีนและเวียดนามในเดือนพฤษภาคม 2022 ซึ่งกรุงเทพมหานคร เป็นเมืองถัดไปที่ทุกคนจะได้สัมผัสกับประสบการณ์สุดพิเศษที่ถูกบรรจงถ่ายทอดอย่างประณีตจาก วิลเลี่ยม แกรนท์ แอนด์ ซันส์

The Distillers Library ตั้งอยู่ที่โครงการพิมาน 49 สุขุมวิท 49 ซึ่งเป็นพื้นที่เฉพาะผู้ได้รับเชิญเท่านั้นที่จะได้รับการต้อนรับระดับสูงสุดผ่านการจัดกิจกรรมและชิมเครื่องดื่มสุดพิเศษ แขกที่ได้รับเชิญจะได้พบปะอย่างใกล้ชิด พร้อมเพลิดเพลินไปกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่หายากและล้ำค่าที่สุดในโลกวิสกี้จากคลังส่วนตัวของตระกูล วิลเลี่ยม แกรนท์ แอนด์ ซันส์

คุณสัตยา ชาร์มา กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และออสตราเลเซียของ วิลเลี่ยม แกรนท์ แอนด์ ซันส์

“ประเทศไทยมีการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างรวดเร็วในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และชนชั้นสูงยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง Knight Frank คาดว่าจะเติบโตขึ้นถึง 16% ภายในปี 2568” คุณสัตยา ชาร์มา กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และออสตราเลเซียของ วิลเลี่ยม แกรนท์ แอนด์ ซันส์ กล่าว “เราต้องการมอบพื้นที่ที่เอื้ออำนวยและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่มีวิสัยทัศน์ก้าวไกล ในการดื่มด่ำกับวิสกี้สุดหรูและสิ่งมหัศจรรย์ที่ไม่เคยเห็นที่ไหนที่ วิลเลี่ยม แกรนท์ แอนด์ ซันส์ มอบให้”

คุณแม็กซ์ จักรกฤต เบเนเดทตี้ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อิตาเลเซีย เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเสริมว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นพันธมิตรกับ วิลเลี่ยม แกรนท์ แอนด์ ซันส์ เพื่อนำ The Distillers Library มาสู่ประเทศไทย ซึ่งจะเป็นการกำหนดนิยามใหม่ของประสบการณ์การค้นพบคลังส่วนตัวของตระกูลแกรนท์ และอำนวยความสะดวกในการชื่นชมวิสกี้ที่หายากและล้ำค่าอย่างแท้จริงผ่านการแบ่งปันความรู้ระหว่างผู้ที่หลงใหลในศิลปะและวิทยาศาสตร์ของวิสกี้อย่างลึกซึ้ง”

เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการเปิดของคลังเก็บวิสกี้หายาก The Distillers Library ในกรุงเทพฯ วิลเลี่ยม แกรนท์ แอนด์ ซันส์ จะนำวิสกี้ชุดแรกของการวางจำหน่ายแบบไพรเวทจากโรงกลั่น Ladyburn ที่เป็นตำนานออกสู่ตลาด นอกจากนี้ ยังมีการเปิดตัววิสกี้ที่หายากอย่างยิ่งเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งเป็นหนึ่งใน 148 ขวดที่มีจำหน่ายทั่วโลกอย่าง The Balvenie 50YO อีกด้วย ผู้ที่หลงใหลและนักสะสมจะได้พบกับคอลเลคชันรุ่นลิมิเต็ด อิดิชันอื่น ๆ รวมถึงวิสกี้รุ่นพิเศษที่บ่มในถังเดี่ยว(single cask bottlings) เช่น รุ่น Glenfiddich 1973 Armagnac, 1978 Hogshead และ 1978 Oloroso ได้ที่ The Distillers Library เท่านั้น

ประวัติศาสตร์อันโด่งดังของครอบครัวตระกูล แกรนท์ เริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 1887 เมื่อ วิลเลี่ยม แกรนท์ สร้างโรงกลั่นแห่งแรกของเขาด้วยความช่วยเหลือจากลูก ๆ ทั้งเก้าคนและช่างสกัดหินคนหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสกอตแลนด์ เขามีความตั้งใจแน่วแน่ที่อยากสรรค์สร้าง ‘สุราที่ดีที่สุดในหุบเขาแห่งนี้’ ซึ่งหกชั่วอายุคนต่อมา วิลเลี่ยม แกรนท์ แอนด์ ซันส์ ได้บุกเบิกวิสกี้ซิงเกิลมอลต์ ที่ยังคงเป็นกิจการของตระกูลและยึดถือจิตวิญญาณของความอิสระ ความมุ่งมั่น และนวัตกรรมความล้ำสมัยที่ผู้ก่อตั้งแบรนด์ตั้งใจไว้

วิสกี้อันล้ำค่าภายใน The Distillers Library จะเป็นตัวบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับมรดกของตระกูลที่ตกทอดกันมาและประเพณีปฏิบัติต่าง ๆ ให้ทุกคนได้รับรู้ ยิ่งไปกว่านั้น The Distillers Library ยังนำเสนอผลิตภัณฑ์ของ Glenfiddich ซิงเกิลมอลต์วิสกี้ที่ได้รับรางวัลมากที่สุดในโลก ซึ่งเป็นเวลากว่า 130 ปีนับตั้งแต่วันคริสต์มาสปี ค.ศ. 1887 โดยตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา มอลต์มาสเตอร์ ไบรอัน คินส์แมน ได้รวบรวมจิตวิญญาณแห่งนวัตกรรมของ วิลเลี่ยม แกรนท์ ผ่านการตกแต่งที่ประณีตและการนำเสนอรูปแบบใหม่ และนอกจากการเป็นสก็อตวิสกี้ซิงเกิลมอลต์ที่ขายดีที่สุดในโลกแล้ว Glenfiddich ยังเป็นผลิตภัณฑ์จากหนึ่งในโรงกลั่นซิงเกิลมอลต์เพียงไม่กี่แห่งที่เจ้าของยังเป็นคนในตระกูลทั้งหมด และยังคงผลิตในโรงกลั่นเดียวกันกับที่ วิลเลี่ยม แกรนท์ และครอบครัวของเขาสร้างขึ้นอีกด้วย

เบรตต์ เบย์ลีย์ แบรนด์แอมบาสซาเดอร์ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ เจมส์ ถิ่ง Head of Private Clients, วิลเลียม แกรนท์ แอนด์ ซันส์

แขกที่ได้รับเชิญมายัง The Distillers Library จะได้สัมผัสประสบการณ์ลิ้มรส The Balvenie ที่มีจำนวนจำกัด โดย The Balvenie ได้รับการบ่มเพาะมาจากงานคราฟต์ทั้ง 5 ที่ทำขึ้นได้ยากเพื่อรสชาติที่โดดเด่น ได้แก่ การปลูกข้าวบาร์เลย์เอง การทำฟลอร์มอลต์แบบดั้งเดิม การมีช่างทำหม้อกลั่นทองแดง และช่างทำถังบ่ม คอยผลิตและทำงานอย่างใกล้ชิด ผสานกับความเชี่ยวชาญของ มอลต์มาสเตอร์ เดวิด ซี สจ๊วต ที่ลึกล้ำและทรงคุณค่าอย่างที่สุด

โรงกลั่น Labyburn ก่อตั้งขึ้นในช่วงทศวรรษ 1960 โดยเป็นหนึ่งในโรงกลั่นสก็อตซิงเกิลมอลต์ที่มีเทคโนโลยีล้ำหน้าที่สุดในยุค และถือเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งของครอบครัวตระกูล แกรนท์ อย่างไรก็ดี เนื่องจากวิกฤตเศษฐกิจในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา โรงกลั่นจึงจำเป็นต้องปิดตัวลงในช่วงกลางทศวรรษ 1970 โดยเครื่องกลั่นและนวัตกรรมทั้งหมดได้ถูกย้ายไปสู่การผลิตของ The Balvenie และ Glenfiddich ต่อไป

ผลิตภัณฑ์ Ladyburn Edition One ถือเป็นรุ่นลิมิเต็ด อิดิชัน ที่มีอยู่อย่างจำกัดเพียง 210 ขวดเท่านั้น โดยรุ่นนี้เป็นการเฉลิมฉลองทศวรรษแห่งการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมและสังคม จากความร่วมมือกับ เดวิด เบลีย์ ช่างภาพชื่อดังชาวอังกฤษ ซึ่งรุ่นลิมิเต็ด อิดิชัน นี้ได้คัดสรรผลงานสุดพิเศษ ภายใต้ชื่อ ‘London’s East End’ ซึ่งถ่ายในปี 1960 ของ เบลีย์ ที่แสดงถึงทิวทัศน์ของกรุงลอนดอนสมัยก่อน ที่ถ่ายทอดความเปลี่ยนแปลงในอดีตละสะท้อนมาจนถึงปัจจุบัน

รุ่นลิมิเต็ด อิดิชัน ทั้ง 210 ขวด ลงนามโดย เดวิด เบลีย์ ประกอบด้วยฉลากรูปถ่ายขาวดำ 200 ขวด และรูปถ่ายสีเฉพาะพิเศษ 10 ขวด โดยในจำนวนนี้ 110 ขวด ได้ถูกแบ่งเป็น 10 คอลเลคชัน ที่แต่ละคอลเลคชันบรรจุในกล่องจัดแสดงอย่างประณีต เน้นที่ฉลากภาพถ่ายที่เลือกสรรมาอย่างครบครัน

ภาพหลังจากความสำเร็จอย่างงดงามของผลิตภัณฑ์ Ladyburn Edition One ส่งผลให้บรรดานักสะสมในประเทศไทยตั้งตารอการเปิดตัวของ Edition Two ซึ่งเพิ่งประกาศเปิดตัวในงานอีเวนท์สุดพิเศษในกรุงลอนดอน ทั้งนี้ Edition Two มาในธีม ‘Swinging Sixties’ ที่จับคู่กับวิสกี้อายุ 55 ปี พร้อมภาพจากผลงานหายากของ นอร์แมน พาร์กินสัน ช่างภาพแฟชั่นชาวอังกฤษ ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งการถ่ายภาพแฟชั่นจากผู้คนอย่างกว้างขวาง

Ladyburn Edition One – Tasting Notes:

Ladyburn Edition One – กลิ่นและรสชาติ:

CASK 102095

วิสกี้ที่ผสมผสานระหว่างความหวานและความลึกล้ำของรสชาติ ที่ประกอบด้วยรสของผลไม้ เครื่องเทศ และ
ดาร์กช็อกโกแลต เจือกลิ่นและรสชาติของวิสกี้บ่มที่หายากและผ่านขั้นตอนอันพิถีพิถัน

สี: สีน้ำตาลเข้มมะฮอกกานี

ประเภทถัง: ถังไม้เชอร์รี่

อายุ: 54 ปี

ปีกลั่น: 1966

ปีบรรจุขวด: 2020

รุ่น: 210 BOTTLES

THE BALVENIE FIFTY: MARRIAGE 0614

The Balvenie Fifty รุ่น Marriage 0614 คือความฝันของนักสะสมตัวจริง จาก 50 ปีที่ มอลต์มาสเตอร์ เดวิด ซี สจ๊วต ได้รวบรวมส่วนประกอบจากคลังวิสกี้ล้ำค่าที่ผ่านการบ่มอย่างประณีตมาเป็นเวลานาน เพื่อให้เกิดรสชาติเข้มข้นเป็นพิเศษและความลึกล้ำอันน่าลิ้มลอง ซึ่งมีจำหน่ายเพียง 148 ทั่วโลกเท่านั้น

The Balvenie Fifty รุ่น Marriage 0614 ประกอบด้วยวิสกี้บ่มในถังไม้โอ๊คอเมริกันและยุโรป เป็นเวลากว่า 50 ปี ซึ่งคัดสรรโดย มอลต์มาสเตอร์ เดวิด จากสต็อกในโรงกลั่นของ Balvenie โดย The Balvenie Fifty รุ่น Marriage 0614 ได้รับการบ่มมาจากงานคราฟต์ทั้ง 5 ที่ทำขึ้นเพื่อรสชาติที่โดดเด่นจากรุ่น Marriage 0197 ที่วางจำหน่ายในปี 2019 ด้วยการเพิ่มส่วนประกอบจากถังไม้บ่มวิสกี้อีกสองถังใหม่รวมเข้าด้วยกัน จนเกิดเป็นรสชาติที่ลึกล้ำและหาได้ยาก

The Balvenie Fifty รุ่น Marriage 0614 เป็นคอลเลคชันรุ่นลิมิเต็ด อิดิชัน ที่ออกวางจำหน่ายต่อจากตัวรุ่น 50 ปี – Marriage 0197 และ Marriage 0962 ซึ่งต่อยอดซีรีส์วิสกี้ที่เข้มข้น ลึกล้ำ และหายากของผลิตภัณฑ์ The Balvenie

The Balvenie Fifty: Marriage 0614 – กลิ่นและรสชาติ:

สี: สีทองน้ำผึ้ง

กลิ่น: ผสานกลิ่นอายของเครื่องเทศสีเข้มล้ำลึก ผลไม้เข้มข้น และความหอมของไม้โอ๊ค ตามด้วยกลิ่นหอมหวานของ
ผลไม้แห้ง ลูกเกด และองุ่นแห้ง พร้อมด้วยความเผ็ดอันร้อนแรงจากขิง

รสชาติ: เข้มข้นและฉ่ำด้วยช็อกโกแลตรสขม เสริมรสเผ็ดจัดจ้านและตัดรสด้วยความหวานจากหยดน้ำผึ้ง พ่วงด้วยรสฝาดจากสารแทนนินที่ได้จากการบ่มในไม้โอ๊ค ที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว

รสชาติปิดท้าย: เข้มข้นและเคลือบรสนุ่มลิ้นปิดท้ายด้วยกลิ่นเครื่องเทศหวานและความหอมจากข้าวโอ๊ต

 

เกี่ยวกับ William Grant & Sons และ Glenfiddich
บริษัท William Grant & Sons เป็นบริษัทผู้ดำเนินธุรกิจโรงกลั่นในรูปแบบครอบครัวซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในสหราชอาณาจักร และก่อตั้งโดย วิลเลียม แกรนท์ ในปี 1887 ปัจจุบัน William Grant & Sons Holdings เป็นบริษัทผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พรีเมียมระดับโลก บริหารงานโดยครอบครัวรุ่นที่ 5 และผลิตเครื่องดื่มสก็อตวิสกี้ชั้นนำ อาทิ วิสกี้ซิงเกิลมอลต์ที่ได้รับรางวัลมากที่สุดในโลกอย่าง Glenfiddich® วิสกี้ซิงเกิลมอลต์ที่ผลิตอย่างพิถีพิถันพร้อมให้รสชาติหลากหลายอย่าง The Balvenie® และเครื่องดื่มสก็อตผสมที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลกอย่าง Grant’s® รวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชื่อดังมากมาย เช่น Hendrick’s® Gin, Sailor Jerry®, Tullamore D.E.W.® Irish Whiskey, Monkey Shoulder® and Drambuie®, Reyka® Vodka and Milagro® Tequila เป็นต้น

เกี่ยวกับ Italasia Trading (Thailand) Co. Ltd
บริษัท Italasia Trading (Thailand) Co. Ltd ก่อตั้งขึ้นในปี 1962 โดย โอเทลโล เบเนเดทตี้ เพื่อนำสินค้าจากอิตาลีเข้าสู่ประเทศไทย โดยในช่วง 60 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้จัดหาผลิตภัณฑ์และบริการอันหลากหลายให้แก่ธุรกิจโรงแรม และกลุ่มอุตสาหกรรม F&B ในประเทศ ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครเป็นที่ตั้งหลัก และเชื่อมต่อกับเครือข่ายและสาขาของบริษัทในการจัดจำหน่ายให้ครอบคลุมตลาดทั่วทั้งประเทศ ทั้งนี้ นอกจากการนำเข้าสินค้าจากประเทศอิตาลีแล้ว Italasia ยังนำเข้าและจัดจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม รวมถึงสินค้าและอุปกรณ์จำเป็นต่าง ๆ จากทั่วทุกมุมโลก ให้แก่กลุ่มธุรกิจโรงแรมและอุตสาหกรรมการบริการทั่วประเทศไทย

 

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมด้านข่าวประชาสัมพันธ์ กรุณาติดต่อ:
มยุรี ไชยพร (ยุรี) มยุรา ไชยพร (ยุรา)
E-mail: yuree@spark.co.th E-mail: yura@spark.co.th
โทร: 0942292326 โทร: 0983355549

 

 

Related contents:

You may also like...