เป็นเรื่องที่น่าสนใจที่ได้รู้ว่า ประเทศเล็กๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่นอกจากจะไม่ได้ร่ำรวยอะไร แต่มีคนรวยติดอันดับโลก เป็นประเทศที่การผลิตเหล้าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางราชการเป็นเรื่องผิดกฎหมาย อีกทั้งยังมีกฎหมายห้ามจำหน่ายเหล้าในวันสำคัญทางศาสนา อย่างประเทศไทยของเรานั้น เป็นประเทศที่ เรมี่ คอนโทร อินเตอร์เนชั่นแนล ผู้ดำเนินธุรกิจสุรากลั่นประเภทสปิริตรายใหญ่ของโลก ยกย่องให้เป็นตลาดคอนยัคสำคัญของนักดื่มที่มีความหลงใหลในรสชาติชั้นเลิศ
แม้จะไม่ได้ดื่มกันทุกบ้าน แต่ก็ต้องยอมรับว่าชื่อของ เรมี่ มาร์ติน นั้นอยู่ในความรับรู้ของคนไทยเรามานานแล้ว ตั้งแต่สมัยที่การโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยังไม่เป็นเรื่องต้องห้ามอย่างในปัจจุบัน คนไทยรุ่นก่อนล้วนคุ้นเคยกับสโลแกนของเหล้ายี่ห้อต่างๆเป็นอย่างดี รวมถึงสโลแกนที่เน้นถึงความมีเกียรติยศศักดิ์ศรีของคอนยัคที่มีชื่อคุ้นหูว่า เรมี่ มาร์แตง และสำหรับคนที่เป็นนักดื่มระดับสูงตัวจริง หนึ่งในเครื่องดื่มสุดปรารถนาในฐานะคอนยัคตัวท็อปที่เป็นมรดกตกทอดของ เรมี่ มาร์ติน คือเครื่องดื่มคอนยัคหลุยส์ที่ 13 (LOUIS XIII Cognac) นั้น ก็เป็นหนึ่งในเครื่องดื่มระดับเพชรยอดมงกุฎที่คลับและบาร์หรูในโรงแรมระดับห้าดาวทั้งหลายในประเทศไทย ล้วนต้องมีไว้สำหรับลูกค้าวีไอพีที่มีรสนิยมเป็นเลิศ
ในขณะที่การผลิตสุราของคนเล็กคนน้อยในประเทศสารขัณฑ์เป็นเรื่องที่ผิดทั้งกฎหมายและหมิ่นเหม่ต่อการโดนเหยียบย่ำว่าผิดศีลธรรม การผลิตสุราของประเทศที่ยิ่งใหญ่หลายประเทศ ยกตัวอย่างเช่น ประเทศฝรั่งเศส กลับเป็นส่วนหนึ่งของศิลปวัฒนธรรมขั้นสูงที่เป็นเกียรติยศศักดิ์ศรีอย่างที่สุดแก่ดินแดนผู้ผลิต ดังเช่น เหล้าคอนยัค (Cognac) ของฝรั่งเศสที่จะมีสิทธิ์เรียกว่า เป็นคอนยัคได้ ก็มีข้อกำหนดชัดเจนว่า กระบวนการผลิตตั้งแต่การปลูก, หมัก, กลั่น, บ่ม ไปจนถึงการบรรจุขวด ต้องทำในแคว้น คอนยัค (Cognac) เท่านั้น และยิ่งไปกว่านั้น เหล้าคอนยัคชั้นเลิศที่สุดอาจได้รับเกียรติให้ตั้งชื่อตามพระนามของกษัตริย์ผู้ครองแผ่นดินในรัชสมัยหนึ่งๆ อย่างเช่น คอนยัคที่ชื่อว่า Rémy Martin Louis XIII ซึ่งคิดค้นโดย Paul-Emile Rémy Martin เมื่อปี 1874 เป็นสุดยอดคอนยัคที่ผลิตด้วยการเบลนด์ โอ-เดอ-วี (Eaux-de-Vie) กว่า 1,200 ชนิดจากเขต กรองด์ ชองปาญ (Grande Champagne) บ่มนานถึง 100 ปี และจดทะเบียนในชื่อ Louis XIII Tres Grande Champagne ปี 1878
ชื่อของ Louis XIII ตั้งขื้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติของ พระเจ้าหลุยส์ที่ 13 ซึ่งปกครองฝรั่งเศสในช่วงปี 1601 – 1643 สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงการยกย่องวัฒนธรรมการผลิตสุราว่าเป็นศิลปวัฒนธรรมชั้นสูงอันคู่ควรแก่การอนุรักษ์สืบสาน ต่อยอดและพัฒนา ในฐานะเป็นภูมิปัญญาที่น่าภาคภูมิใจของชาติ ซึ่งแน่นอนว่า บุคคลผู้อยู่เบื้องหลังการสร้างสรรค์สุราชั้นเลิศนั้น ก็ย่อมจะได้รับการยกย่องเป็นบุคคลสำคัญของประเทศเช่นเดียวกัน
ในฐานะที่ประเทศไทยเราเป็นลูกค้าสำคัญของ เรมี่ คอนโทร อินเตอร์เนชั่นแนล ทางบริษัทผู้ผลิตจึงให้เกียรติส่ง
มร.บับทิสต์ ลัวโซ เซลลาร์มาสเตอร์แห่ง เฮาส์ ออฟ เรมี่ มาร์ติน (House of Rémy Martin) มาเยือนประเทศไทยเป็นครั้งแรกเพื่อจัดกิจกรรมแสนพิเศษ ณ ร้านคาเวียร์คลับ โรงแรมคอมพาส สกาย วิว กรุงเทพฯ เป็นการกระชับสัมพันธ์อันดีกับนักดื่มชั้นสูงในเมืองไทย โดยในโอกาสนี้ HiclassSociety.com ก็ได้รับเกียรติมากระทบไหล่ชนแก้ว จิบ Rémy Martin Louis XIII กับเซลลาร์มาสเตอร์ระดับตำนานท่านนี้ด้วย ซึ่งนอกจากจะได้ดื่มด่ำรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ ยังได้สัมผัสแง่มุมที่น่าประทับใจมากมายบนเส้นทางของการเป็นเซลลาร์มาสเตอร์ระดับโลกของ มร.บับทิสต์ ลัวโซ ในบรรยากาศที่อบอุ่นเป็นกันเอง
นับตั้งแต่มีการแต่งตั้งตำแหน่งเซลลาร์มาสเตอร์ของ เรมี่ มาร์ติน เป็นครั้งแรกเมื่อ 95 ปีที่แล้ว ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ มร. บับทิสต์ ลัวโซ ซึ่งเป็นเซลลาร์มาสเตอร์คนปัจจุบันของแบรนด์ ได้เดินทางมาเยือนประเทศไทย โดยการมาเยือนครั้งนี้ บับทิสต์ได้เผยถึงเคล็ดลับในการรังสรรค์คอนยัคชั้นเยี่ยมระดับโลก ซึ่งเป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยระยะเวลานานเกือบ 300 ปี แก่บรรดาแขกวีไอพีในเมืองไทย บับทิสต์คาดหวังว่า การเดินทางครั้งนี้จะช่วยกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างแบรนด์กับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญและผู้บริโภคคอนยัคระดับสูงในเมืองไทยให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
“การเป็นเซลลาร์มาสเตอร์นับเป็นสาขาวิชาชีพหนึ่ง การที่ได้มาร่วมแบ่งปันความหลงใหลในคุณภาพชั้นเลิศของคอนยัค เรมี่ มาร์ติน และกระบวนการรังสรรค์ซึ่งผ่านการขัดเกลาและตกทอดกันมานานกว่าศตวรรษ แก่ผู้รักคอนยัคในประเทศไทย ถือเป็นเกียรติอันสูงยิ่งอย่างแท้จริง ผมปรารถนาที่จะเชิญชวนผู้บริโภคชาวไทยให้มาสัมผัสถึงความทุ่มเทและความเชี่ยวชาญในการผลิตเครื่องดื่มคอนยัค เรมี่ มาร์ติน รุ่นต่าง ๆ ของเรา เพื่อให้เหล่านักดื่มได้ซาบซึ้งกับรสชาติและทราบประวัติความเป็นมาของแบรนด์มากยิ่งขึ้น”
รสชาติที่นุ่มลื่นแต่แฝงไปด้วยความเข้มข้นอย่างลงตัวของคอนยัค เรมี่ มาร์ติน เกิดจากการคัดสรรผลองุ่นชั้นเยี่ยมซึ่งเก็บเกี่ยวเฉพาะในแคว้นคอนยัคของฝรั่งเศส นำมาผ่านกระบวนการกลั่น 2 รอบในหม้อกลั่นทองแดง จนได้เครื่องดื่มระดับโอเดอ-วี (Eauxde-Vie) หลังจากนั้นจึงนำมาบ่มในถังไม้โอ๊กเป็นเวลาอย่างน้อยอีก 2 ปี ซึ่งบับทิสต์ได้รับการแต่งตั้งเป็นเซลลาร์มาสเตอร์เมื่อปี ค.ศ. 2014 ด้วยวัยเพียง 30 กว่าปี ทำให้เขาเป็นผู้ดำรงตำแหน่งอันทรงเกียรติที่มีอายุน้อยที่สุด โดยมีหน้าที่ควบคุมทุกกระบวนการผลิตคอนยัคอันโดดเด่นของแบรนด์ นับตั้งแต่ยังเป็นผลองุ่นจนกลายเป็นเครื่องดื่มในแก้ว โดยคอนยัคบางรุ่นต้องใช้เวลาบ่มนานนับทศวรรษ
หนึ่งในบทพิสูจน์ที่เด่นชัดในด้านองค์ความรู้ของ บับทิสต์ ลัวโซ และความเป็นเซลลาร์มาสเตอร์ ผู้เป็นหนึ่งในมรดกตกทอดของ เรมี่ มาร์ติน คือเครื่องดื่มคอนยัคหลุยส์ที่ 13 (LOUIS XIII Cognac) ซึ่งเกิดจากการผสมผสานเครื่องดื่มระดับโอเดอ-วี (Eaux-de-vie) ที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถันจากเขตกรองด์ ชองปาญ กว่า 1,200 ชนิด โดยเซลลาร์มาสเตอร์แต่ละท่านได้คัดสรรสุดยอดโอเดอ-วีเพื่อส่งต่อให้แก่ผู้สืบทอดตำแหน่งเซลลาร์มาสเตอร์รุ่นต่อไป
นอกจากได้กระทบไหล่ มร.บับทิสต์ ลัวโซ ในโอกาสพิเศษนี้แล้ว HiclassSociety.com ยังได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจาก คุณกิตติพัฒน์ ไชยกูล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ผลิตภัณฑ์เรมี่ คอนโทร ประเทศไทย ที่ได้มากล่าวแสดงความยินดี พร้อมย้ำถึงสายสัมพันธ์และความเชื่อมต่อระหว่างเซลลาร์มาสเตอร์แต่ละรุ่นในการสร้างสรรค์คอนยัคหลุยส์ที่ 13 ว่า
“เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ มร.บับทิสต์ ลัวโซ เซลลาร์มาสเตอร์ แห่ง เฮาส์ ออฟ เรมี่ ให้เกียรติเดินทางมาเยือนประเทศไทยครั้งแรก ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจของเรา นอกจากนี้ มร.บับทิสต์ ลัวโซยังแสดงให้เห็นถึงศิลปะในการผลิตคอนยัคผ่านการคัดสรร โอเดอ-วี ซึ่งจะมอบรสชาติอันเป็นนิรันทร์เหนือกาลเวลา เมื่อถูกนำไปผลิตโดยใช้ระยะเวลายาวนานกว่าศตวรรษนับจากนี้ และนี่จะถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จในชีวิตของเขาที่ฝากไว้กับ เฮาส์ ออฟ เรมี่ มาร์ติน เลยทีเดียว โดยเขายังสร้างสรรค์คอนยัคหลุยส์ที่ 13 ซึ่งเป็นผลงานชิ้นเอกจากการเลือกสรรชั้นเลิศของเซลลาร์มาสเตอร์รุ่นก่อนหน้า นั่นคือเซลลาร์มาสเตอร์หญิงคนแรกของ เรมี่ มาร์ติน เปียร์เรตต์ ตรีเชต์ นับเป็นตำนานอันรุ่งเรืองแห่งมรดกตกทอด กาลเวลาอันยาวนาน และความหรูหราแห่งรสชาติคอนยัคซึ่งถูกผลิตในครั้งแรกเมื่อเกือบ 150 ปีที่แล้ว”
การสร้างสรรค์รสชาติและกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นในสไตล์ของ เฮาส์ ออฟ เรมี่ มาร์ติน นับเป็นความ
ท้าทายที่บับทิสต์น้อมรับด้วยความรู้สึกเคารพ รับผิดชอบ และต้องการสืบทอดเจตนารมณ์ต่อไป พร้อมด้วยจิตวิญญาณในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ อันเป็นคุณลักษณะของตัวเขาเองอย่างกลมกลืน ในฐานะชาวแคว้นคอนยัคโดยกำเนิด ทำให้เขาได้รับแรงบันดาลใจให้เริ่มสนใจในกระบวนการทั้งหมด ซึ่งรวมถึงการคัดเลือกเครื่องดื่มระดับโอเดอ-วี การสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับผู้ผลิตแต่ละราย การลิ้มรสเครื่องดื่มสูตรผสมร่วมกับซัพพลายเออร์ และการบริหารขั้นตอนการบ่มและการผสมองค์ประกอบต่างๆ ซึ่งทำให้เขามีคุณสมบัติในการเป็นผู้ผลิตคอนยัคชั้นเลิศนั่นเอง
บับทิสต์ยังได้สร้างสรรค์เครื่องดื่มผสมสูตรพิเศษในแบบฉบับของตนเอง นั่นคือ Carte Blanche à Baptiste Loiseau และยังทำหน้าที่ควบคุมสานต่อการผลิตเครื่องดื่มคอนยัคสูตรเข้มข้นอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตระกูลเอ็กซ์โอ (XO) ซึ่งทำจากส่วนผสมเครื่องดื่มโอเดอ-วีที่สมบูรณ์แบบกว่า 400 ชนิด นอกจากนี้ยังมีคอนยัคยอดนิยมอย่างรุ่นวีเอสโอพี (VSOP Fine Champagne Cognac) และเครื่องดื่มที่เข้มข้นและกลมกล่อมอย่าง 1738 Accord Royal
สนนราคาหลักแสนอัพของ คอนยัคหลุยส์ที่ 13 นั้น เป็นมากกว่าความคุ้มค่าสำหรับผู้ที่หลงใหลและคู่ควรกับรสชาติอันเป็นเลิศแห่งกาลเวลา สำหรับผู้ที่สนใจคอนยัคหลุยส์ที่ 13 และผลิตภัณฑ์ในเครือเรมี่ คอนโทร ไม่ว่าจะซื้อดื่มเองหรือเพื่ออภินันทนาการให้กับผู้ที่เคารพรักใคร่ สามารถซื้อได้แล้ววันนี้ที่ เอ็มควอเทียร์, สยาม พารากอน, เซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัล ชิดลม, เซ็นทรัล เฟสติวัล อีสต์วิลล์, คริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ (ซีดีซี), วิลล่า มาร์เก็ต, ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต และ ฟู๊ดแลนด์
หรือติดต่อ https://m.louisxiii-cognac.com/
และ https://m.facebook.com/alchemyspiritsTH
หรือโทร 062-465-6964
Reported by Wannasiri Srivarathanabul
Editor@HiclassSociety.com