แม้ในชีวิตนี้ดิฉันยังไม่มีโอกาสไปเยือนประเทศไอร์แลนด์ แต่ด้วยความที่เป็นแฟนพันธุ์แท้วรรณกรรมสัญชาติไอริชมาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะเป็นงานเขียนของ บราม สโตเกอร์ (ผู้แต่ง Dracula), ออสการ์ ไวลด์ (ผู้แต่ง The Picture of Dorian Gray), เจมส์ จอยซ์ (ผู้แต่ง Ulysses และ The Dubliners), โจนาธาน สวิฟท์ (ผู้แต่ง Gulliver’s Travel หรือ กัลลิเวอร์ผจญภัย) และนักเขียนชื่อก้องโลกอีกหลายคนที่เป็นผลผลิตของประเทศนี้ ซึ่งฉากในวรรณกรรมหลายเรื่องก็มีที่มาจากบรรยากาศของเมืองต่างๆในประเทศไอร์แลนด์ จึงทำให้ดิฉันรู้สึกคุ้นเคยและเป็นมิตรกับประเทศที่ห่างไกลนี้ได้อย่างประหลาดทั้งที่ไม่เคยได้ไปสัมผัสจริง และทำให้มีพื้นที่พิเศษในหัวใจให้กับความเป็นไอริชเสมอ ไม่ว่าจะเป็นสินค้า บริการ ดนตรี เรื่อยไปจนถึงเครื่องดื่ม ที่หลายคนคงรู้กันดีว่า เป็นหนึ่งในผลงานโดดเด่นของชาวไอริช
และเมื่อพูดถึงการดื่มที่เป็นส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณชาวไอริช ก็ต้องเป็นไอริชวิสกี้นั่นเอง ถึงแม้คนไทยเราจะคุ้นเคยกับ สก็อตช์วิสกี้มากกว่า จนอาจมั่นใจไปว่า ชาวสก็อตแลนด์เป็นเจ้าตำรับในการคิดค้นผลิตเครื่องดื่มชนิดนี้ แต่ก็มีเกร็ดความรู้มากมายที่สนับสนุนข้อเท็จจริงที่ว่า คนที่คิดค้นวิสกี้ขึ้นมาคนแรกนั้นเป็นพระชาวไอริช ซึ่งถ้าจะมัวแต่ถกเถียงกันเรื่องนี้ ก็จะเสียเวลาชนแก้วไปเปล่าๆ ดังนั้นจึงไม่ต้องไปสนใจมันมาก เอาเป็นว่า ถ้าจะดื่มไอริชวิสกี้ให้เพลินใจ ก็เตรียมเมนูรองท้องแบบไอริชที่เหมาะกับการดื่มวิสกี้ไว้ อย่างเช่น แซลมอนรมควันสไตล์ไอริช หรือ ชีส Gubbeen รมควันสไตล์ไอริช จะดีกว่า
สำหรับวิสกี้ไอริชที่ดิฉันได้ลิ้มลองวันนี้ เป็นแบรนด์ใหม่และสูตรใหม่ ที่เป็นผลงานสร้างสรรค์ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง ทายาทธุรกิจสองตระกูลดัง ก็คือ ตระกูล คามูส์ (Camus) ผู้โด่งดังในเรื่องคอนยัค จากประเทศฝรั่งเศส และ ตระกูล แบริ่ง (Barring) มหาเศรษฐีเจ้าของเกาะส่วนตัว Lambay ในประเทศไอร์แลนด์ เพื่อผลิตวิสกี้ร่วมกันภายใต้ชื่อ Lambay Irish Whiskey Company โดยนอกจากจะมีความโดดเด่นของไอริชวิสกี้ที่จะต้องผ่านการกลั่นถึง 3 ครั้ง ยังมีเอกลักษณ์ที่บ่งบอกถึงการผสมผสานอย่างมีศิลปะกับแบรนด์คามูส์ จากกระบวนการหมักขั้นแรกในถังไม้โอ๊คที่เคยใช้หมักเหล้าเบอร์เบิน และหมักขั้นสุดท้ายในถังไม้โอ๊คที่เคยหมักเหล้าคอนยัค ทำให้ได้วิสกี้ที่มีรสชาตินุ่มนวล และลึกลับน่าค้นหา
ดังที่รู้กันว่า สก็อตช์วิสกี้กับไอริชวิสกี้นั้นเขาเบียดแข่งกันมาเรื่องความเป็นหนึ่ง ดังนั้น เมื่อสก็อตช์วิสกี้บอกว่า กลิ่นรสที่เอกลักษณ์ของตัวเอง มาจากการนำมอลต์ไปอบแห้งด้วยถ่านพีท (ซึ่งเป็นถ่านธรรมชาติที่มีในสก็อตแลนด์) อันเป็นที่มาของกลิ่นสก็อตช์วิสกี้ ก็เป็นที่มั่นใจได้ว่า ไอริชวิสกี้ระดับพรีเมียมอย่าง Lambay ก็ย่อมจะไม่สร้างกลิ่นของตัวเองขึ้นมาด้วยวิธีเดียวกันนั้น โดย “Lambay Whiskey Single Malt” จะมีขั้นตอนการทำมอลต์บาร์เลย์โดยไม่ใช้ความร้อนจากถ่านพีท ไม่ใช้กรรมวิธีการกรองเย็น รสชาติอันเป็นเอกลักษณ์นั้น มาจากขั้นตอนแรกที่มีการใช้ถังไม้โอ๊คที่เคยผ่านการหมักเหล้าเบอร์เบินมาก่อน ทำให้ความหวานบางเบาและกลิ่นมวลดอกไม้ส่งต่อสู่วิสกี้ Lambay Single Malt
.
หลังจากนั้นใช้กระบวนการหมักขั้นตอนสุดท้ายด้วยการหมักในถังไม้โอ๊คที่คัดสรรมาจากถังที่เคยใช้หมักคอนญัก จากนั้นถังหมักเหล่านี้จะถูกนำมาวางไว้บนเกาะแลมเบย์ เพื่อให้ถังได้สัมผัสกลิ่นอายของทะเล วิสกี้ที่ได้จะมีสีมะฮอกกานี Lambay Single Malt มีรสชาติของมะพร้าว ข้าวมอลต์ และผลเบอรี่แห้ง สัมผัสสุดท้ายอันยาวนานด้วยรสชาติที่แฝงไว้ด้วยความหวานและกลิ่นผลไม้สด
.
และดังที่เรารู้กันว่า ส่วนผสมหลักในการทำวิสกี้ประกอบด้วย มอลต์จากข้าวบาร์เลย์ ยีสต์ และน้ำ จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า รสชาติของน้ำที่นำมาเป็นส่วนผสมหลักของวิสกี้ย่อมจะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่มีผลต่อรสชาติของวิสกี้เช่นกัน นอกจากวิสกี้ทั้งสองชนิดนี้จะสื่อถึงความสมบูรณ์แบบและความหลากหลายของธรรมชาติที่เกาะแลมเบย์ ซึ่งตั้งอยู่ห่างออกไป 3 ไมล์นอกชายฝั่งเมืองดับลิน รสชาติของวิสกี้ทั้งสองชนิดนี้ยังมีความเป็นเอกลักษณ์ชัดเจนจากการใช้น้ำจากแหล่งน้ำของเกาะแลมเบย์เองที่ชื่อว่า ทรินิตี้ เวลล์ (Trinity Well water)
Editor’s Note
.
ความประทับใจแรกของดิฉันในการชิมทั้ง Lambay Small Batch และ Lambay Single Malt ในอีเวนท์ซึ่งจัดขึ้นที่ร้าน Liberation ช่วงเวลาแดดร่มลมตก (แต่ในร้านค่อนข้างมืดแบบไม่รู้วันรู้คืน) เริ่มต้นด้วยแบบ Neat คือ ดู ดม ดื่มเพียวๆ ในแก้วทรงทิวลิป ด้วยความสลัวของร้านจึงบอกไม่ได้แน่ชัดในเรื่องสี แต่มั่นใจว่ากลิ่นรสของเหล้าทั้งสองตัวให้ความรู้สึกเป็นมิตร ชวนสัมผัส อาจเป็นด้วยอานิสงส์จากการหมักในถังคอนยัคหรือเปล่าก็ไม่รู้ที่ทำให้รู้สึกว่า รสชาติละมุน ดื่มง่าย ลิ้นและเพดานปากไม่โดนแผดเผาจากฤทธิ์แอลกอฮอล์หนักหน่วงจนเกินไป โดยส่วนตัวแล้วคิดว่า Lambay Single Malt ให้ความรู้สึกกลมๆ จะถูกจริตมากกว่า Small Batch นี่ถ้าพก แซลมอนรมควัน หรือ ชีส Gubbeen รมควันสไตล์ไอริช มากินแกล้มคงจะนั่งดื่มเพลิดเพลินได้ถึงตีสอง ซึ่งก็ต้องขอบคุณ คุณแมกซองค์ โกยเนียร์ ผู้จัดการฝ่ายขาย ภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค คามูส์ ไวนส์ แอนด์ สปิริต ที่ให้ความรู้ดีๆ เกี่ยวกับ Lambay Whiskey ตลอดรายการ ทำให้ได้ทั้งอรรถรสในการดื่มและได้อาหารสมองมากมาย
.
.
ส่วนการดื่มในรูปแบบ ค็อกเทล ซึ่งได้รับเกียรติจาก คุณชาช่า- สุวิญชา สิงห์สุวรรณ หัวหน้าบาร์เทนเดอร์คนสวย แห่งLibération Bangkok มาสร้างสรรค์ให้ชิม 2 แก้ว ได้แก่ “Yellow Island” ที่ประกอบด้วย Lambay Small Batch + Tumaric Cordial + Coconut Schrubb + Tepache กับ “Irish’s Spirits” ที่ประกอบด้วย Lambay Single Malt + Coconut + Pandan Syrup + Coconut Schrubb นั้น
ขอชมเชยว่า เป็นเครื่องดื่มที่ออกแบบได้สวยงามหน้าตาดีมีคอนเซ็ปต์ทั้งสองแก้ว โดยดิฉันชอบแก้วที่สอง คือ “Irish’s Spirits” มากกว่า เพราะกลิ่นของใบเตยที่มากับน้ำมะพร้าวนั้นละมุนละไมให้บรรยากาศชาวเกาะดี แม้จะไม่ใช่เกาะแลมเบย์ แต่เป็นเกาะสมุยในเมืองไทยนี่แหละ ก็ถือว่าทำได้ดีมาก ส่วน Yellow Island นั้นขอนับถือในความกล้าหาญ แก้วนี้ ถ้าฝรั่งหรือคนต่างชาติที่ชอบสาวไทยมาจิบ คงนึกถึงผู้หญิงไทยหน้าคมผิวเข้มที่ตำเครื่องแกงอยู่ในครัว แสนเซ็กซี่เอ็กโซติก
แต่สำหรับมนุษย์ป้าชาวไทยใจร้ายอย่างดิฉัน จิบปุ๊บนึกถึงน้ำล้างครกทันที เพราะขมิ้นทำให้เรานึกถึงเครื่องแกง ก็นับว่า เป็นแก้วที่กล้า จิบแล้วสนุกดี มีความเป็นศิลปะ กล้าลอง กล้าท้าทาย เหมาะสำหรับคนชอบของแปลก และทำให้เราสนุกกับหลากหลายความเป็นไปได้ที่จะลองผสม Lambay Whiskey ให้ออกมาเป็นค็อกเทลน่าสนใจต่างๆ ที่เติมจินตนาการและแรงบันดาลใจให้บรรเจิดประดุจวรรณกรรมไอริชที่น่าหลงใหล
.
ใครเป็นแฟนจิตวิญญาณแบบไอริชที่โอบกอดแผ่วเบาด้วยอ้อมแขนของคอนยัคและเบอร์เบิน ลองไปสอย Lambay Whiskey มาชิมกันได้ ทั้งสองแบบ มีวางจำหน่ายแล้วในประเทศไทย ที่ Godfather ทุกสาขา สนนราคาที่ร้าน Godfather สำหรับ Lambay Small Batch 70 cl 2,290 บาท และ Lambay Single Malt 70 cl 3,210 บาท
.
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ คุณเทียมจันทร์ สกุลพาณิชย์ บริษัท ยูไนเต็ด เบฟเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด
โทรศัพท์ +66(0)81-902-2501
อีเมล: thiemjan@unitedbeverage.co.th
#Lambay #LambayIrishWhiskey #Camus #Italasia#UnitedBeverage #LambaySmallBatch #LambaySingleMalt#SingleMalt #SingleMaltWhiskey #Liberation