ภาพลักษณ์ที่สูงสง่าดูสมาร์ทของชายหนุ่มที่ใบหน้าเกลี้ยงเกลาย่อมเป็นที่เตะตาของหญิงสาว จึงไม่แปลกเลยที่ “ชายโก้” ม.ล.รังษิธร ภาณุพันธุ์ จะเป็นหนุ่มหล่อสุดเนี๊ยบแห่งปี 2014 งานไหนที่ขาดเขาไปนั้นถือได้ว่าชัตเตอร์ของนักข่าวนั้นมืดบอดไปเลยทีเดียว
อาจเป็นเพราะชายโก้เติบโตมากับความเป็นราชนิกุล จอมพล สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช โดยเขาคือบุตรชายของ ม.ร.ว.พันธุรังษี และ อาภาวรรณ ภาณุพันธุ์ ณ อยุธยา กอปรกับที่ครอบครัวส่งเขาเข้ารับการศึกษาที่ฝึกความเป็นลูกผู้ชายและสุภาพบุรุษที่โรงเรียนวชิราวุธทำให้เขาเป็นบุคคลที่ดูผึ่งผายองอาจและมีความเป็นสุภาพบุรุษ
Hi-Class : ย้อนวันที่คุณยังเป็นเด็ก คุณผูกพันอย่างไรกับโรงเรียนผลิตสุภาพบุรุษลูกผู้ชาย
“ที่วชิราวุธนี้สอนให้ทุกคนที่เป็นลูกศิษย์นี้มีความเป็น gentleman จริงๆครับ มีการเคารพซึ่งกันและกัน มีระบบอาวุโสรุ่นน้องรุ่นพี่ ไม่มีสิทธิ์ที่ใครจะเกเรได้ มีระเบียบที่โรงเรียนวางไว้อย่างตายตัวโดยแบ่งเวลาเรียนและเวลาพักให้นักเรียนสามารถทำกิจกรรมร่วมกันได้อย่างไม่ทับซ้อนครับ เรียนเช้าบ่ายโมงเลิกเรียนให้เด็กทำกิจกรรม มีปี่สก๊อตที่เป็นที่ขึ้นชื่อของโรงเรียนที่เป็นการฝึกที่เข้มงวดมาก พอโตมาทำงานทำให้รู้เลยว่าชีวิตในวชิราวุธเหมือนการทำงานในองค์กรใหญ่ๆที่มีระบบบริหารงานอย่างเคร่งครัด แต่ผมอยู่วงดุริยางค์เล่น French Horn แต่การฝึกวงฯก็เข้มงวดไม่แพ้กันครับ เสมือนเป็นการจำลองการทำงานให้เกิดขึ้นในชีวิตของคุณตั้งแต่ครั้งยังเป็นเด็ก เพื่อที่จะได้เป็นแบบแผนระบบระเบียบมากยิ่งขึ้นในเวลาที่โตไปทำงานจริงครับ”
“…พูดถึงเรื่องเวลาพักนี้ ที่วชิราวุธจะมีกีฬาชนิดหนึ่งที่จะหลอมรวมให้ทุกคนเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เป็น Unity เลยคือกีฬารักบี้ครับ ทุกคนจะหล่อหลอมสิ่งที่ได้จากกีฬาคือการคิดวิเคราะห์ในการเล่น มีภาวะผู้นำ ภาวะผู้ตาม ซึ่งตรงนี้ทำให้ทุกคนนั้นมีความคิดที่รอบคอบมีความออดทนต่อสภาวะต่างๆได้เป็นอย่างดีครับ”
“…การอยู่โรงเรียนนี้มีข้อดีคือทางโรงเรียนจะให้ความสำคัญมากกับพัฒนาการของลูกศิษย์ จะมีโภชนากรมาคอยจัดอาหารให้มื้อต่อมื้อ มีความหลากหลายทางอาหาร ให้สารอาหารที่ร่างกายรับเข้าไปส่งผลให้การเรียนมีประสิทธิภาพสูงสุด”
Hi-Class : การอยู่ในสายราชสกุลมีกฎ ระเบียบ หลักปฏิบัติที่ต่างจากคนธรรมดาทั่วไปอย่างไร
“เรื่องระเบียบถ้าเป็นสมัยก่อนคงมีเยอะนะครับ เช่น ต้องเรียนให้ได้ดี เข้ามหาวิทยาลัยที่ต่างประเทศ สืบเนื่องมาจากสมัยล้นเกล้าฯรัชกาลที่ 5 ทรงส่งพระอนุชาไปศึกษาต่อต่างประเทศหลายองค์ทำให้ปฏิบัติต่อๆกันมา อย่างรุ่นท่านปู่และคุณพ่อก็จบจากประเทศอังกฤษ เราเองก็ขวนขวายในทิศทางเดียวกันจึงไปเรียนปริญญาโทด้านการตลาดที่ Msc. Consumer Marketing, The School of Management, University of Liverpool นอกจากนี้ต้องมีกิริยามารยาทในการพูด ตลอดจนการรับประทานอาหารกับผู้ใหญ่ที่ค่อนข้างเคร่งครัด เป็นต้นครับ”
Hi-Class : แสดงว่าเรื่องเรียนนี้ก็ไม่ได้เป็นไปตามใจหวัง มีผู้ใหญ่เป็นคนปูทางให้เดิน
“โชคดีที่คุณพ่อคุณแม่ท่านให้อิสระผมครับ หลังจากที่ผมจบวชิราวุธก็เข้าเรียนที่ TUBAS มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เกี่ยวกับประวัติศาสตร์การเมืองทั้งสองประเทศ ลงลึกถึงขั้นประวัติศาสตร์ยุคเมโสโปเตเมียร์จนถึงสงครามโลก ซึ่งได้เป็นการฝึกผมใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างมีศักยภาพ ขณะนั้นคิดว่าจบมาคงทำงานสาย International affairs (การทูต) เป็นช่วงเวลาเดียวกันที่ผมไปแข่งงานประกวดดัชชี่บอยแล้วได้รับรางวัลรองชนะเลิศทำให้รับงานในวงการบันเทิงเต็มตัว ด้วยความที่เวลา Overlap กัน ผมจัดการเวลาเรียนไม่เต็มที่เพราะวิชาประวัติศาสตร์ต้องอาศัยเวลาในการทบทวนบทเรียนเป็นอย่างมากผมเลยมีจุดเปลี่ยนไปคือลาออกจากธรรมศาสตร์ หันมามองตัวเองว่าชอบอะไรคือผมชอบงานที่ออกแนวโฆษณาขณะนั้นมหาวิทยาลัยรังสิตเปิดคณะสื่อสารการตลาดเป็นปีแรกผมเอาพอร์ตในวงการบันเทิงไปยื่นก็ได้รับข่าวดี และได้รับทุนซัพพอร์ตพิเศษจากมหาวิทยาลัยด้วย ผมเลยตั้งใจเรียนให้จบในระยะเวลา 3 ปีครึ่งซึ่งคนอื่น 4 ปีครับ และไม่คาดฝันว่าตนเองจะได้รับเกียรตินิยมอันดับหนึ่งครับ”
“ตอนเรียนนี้ได้ศึกษาค้นคว้าการทำสื่อโฆษณาต่างๆ การวางแผนการตลาด การสร้างแบรนด์ ทำให้ผมค้นพบตัวเองว่าผมชอบแนวนี้ พอจบที่นี่ปุ๊บก็เลยเรียนต่อเลย จบปริญญาโทเมื่อ 26 เลยรู้อายุผมเลย(หัวเราะ) จากนั้นก็ไปเรียนต่อที่ Liverpool ซึ่งหลายคนถามว่าทำไมไปที่นี่ คำตอบคือที่นี่สอนการตลาดที่ตรงตามความต้องการของผู้บริโภคว่าในอนาคตข้างหน้าจะมีสินค้าหลายตัวที่ผู้บริโภความารถเลือกและทำการเปรียบเทียบให้ตรงกับความต้องการของแต่ละคนมากที่สุด ที่นี่สอนให้มีการสร้างแบรนด์ของตนเองออกมา ซึ่งต่างจากที่อื่นคือสอนการตลาดที่ผูกขาดว่าสินค้าวางอยู่เฉยๆแล้วจะมีคนมาหยิบจับไป แต่อยู่ที่นี่ก็เลยได้ดุฟุตบอลทีม Liverpool ด้วยครับเพราะเชียร์ทีมนี้มาตั้งแต่เด็กๆครับ
Hi-Class : ความประทับใจในการเรียนขณะอยู่ Liverpool
“ที่ประทับใจสุดๆคือผมเลือกทำรีเสริชเกี่ยวกับ Uniqlo การขยายตลาดของแบรนด์นี้ในสหราชอาณาจักร ซึ่งต้องเดินทางทั่วสหราชอาณาจักร สำรวจตั้งแต่การจัดร้านแต่ละร้าน ผู้บริโภคมีความคิดเห็นอย่างไรกับแต่ละร้าน และที่จำได้คือมีร้านใน Oxford street อยู่สองร้านก็มาทำการวิจัยว่าทำไมสองร้านนี้มีจำนวนลูกค้าที่ต่างกัน จนกระทั่งเป็นงานวิจัยที่สมบูรณ์แบบ”
Hi-Class : แน่นอนว่าทุกคนเป็นเหมือนกันหมดคือในบางครั้งอยากจะทำอะไรตามใจตนเองประสงค์แต่ค้ำคออยู่ด้วยเกียรติ คุณรับมือให้ผ่านพ้นอย่างไร
“เกียรติค้ำคอ ถ้าพูดถึงประเด็นนี้บอกเลยว่าผมมักลืมตัวบ่อยๆว่าตนเป็นราชสกุล เพราะว่าเราอยู่ในสังคมสมัยใหม่ มีชีวิตที่ปกติเหมือนหนุ่มวัยทำงานทั่วไป แต่ว่าด้วยการเรียกชื่อ การให้เกียรติ การมองของคนรู้จักต่อตัวเรา มักเป็นกรอบที่ทำให้เราต้องเตือนตัวเองว่าเราต้องทำทุกอย่างให้ดี อย่าทำอะไรที่เสื่อมเสีย บางอย่างเราอยากทำเหมือนอื่นเราทำได้แต่บางที จะมีบางอย่างทำให้เรารู้สึกว่ามันไม่เหมาะไม่ใช่ทางของเรา สายตาคนรอบข้างนั่นแหละครับทำให้เรารู้สึก อีกอย่างคือบางคนอาจวาง positioning เราไว้ว่าเราต้องหยิ่งต้องแบบไม่น่าเข้าหา จริงๆเขายังไม่ได้รู้จักตัวตนของเรา ฉะนั้นมีบ้างทีทำอะไรตามที่ต้องการไม่ได้ตลอดเวลาครับ”
Hi-Class : คุณถ่อมตัวบอกว่าคุณคือ “หนุ่มวัยทำงานทั่วไป” ซึ่งจริงๆแล้วคุณเป็นเทวดาเดินดิน
“ผมอยากให้ทุกคนคิดว่าผมเป็น salary man ครับ เหมือนเป็นคนทั่วไปๆครับ ปัจจุบันเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท โคนาคะ (ประเทศไทย) ทำหน้าที่บริหาร Suit select ให้บริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นครับ”
Hi-Class : อะไรเป็นแรงบันดาลใจให้มาเกี่ยวข้องในจุดนี้ครับ
“ผมเองเรียนมาโดยตรงด้านการตลาดและสร้างแบรนด์อยู่แล้ว กอปรกับชอบคอนเซปต์ของแบรนด์นี้มากซึ่ง Konaka เป็นบริษัทที่ผลิตสูทสำหรับบุรุษเป็นแห่งแรกในญี่ปุ่น เริ่มจากเป็น trailer เล็กๆ ตัดสูทเสนอตามองค์กร ผลตอบรับดีมาก ซึ่งสมัยก่อนคนญี่ปุ่นสวมชุดแบบโกโบริ ยังไม่มีสูทสากล ทางประธานคนแรกเล็งเห็นกลุ่มนักท่องเที่ยวตะวันตกใส่สูทแล้วดูดี จึงอยากทำบ้าง เลยวางแผนศึกษาแพทเทิร์นสูทแล้วนำมาประยุกต์กับวัฒนธรรมชาวญี่ปุ่นให้สามารถสวมใส่ได้ในชีวิตประจำวัน แน่นอนว่าผลตอบรับดีกว่าเดิมจึงขยับขยายเปิดร้านใหม่จำหน่ายเฉพาะสูทสำเร็จรูป 400 กว่าสาขาทั่วโลก แต่แล้วก็มีผู้ที่เห็นว่าได้รับผลตอบรับที่ดีจึงมรการเลียนแบบออกจำหน่ายตัดราคาทั่วทุกมุมของญี่ปุ่น
…ต่อมา Konaka ได้ขยายตลาดออกมาโดยใช้ชื่ออีกชื่อว่า Suit select เกิดมาพร้อมอะไรที่เจ๋งมาก เพราะมีแบรนด์คู่แข่งอื่นไม่สามารถเทียบได้ ท่านประธานมีดีไซเนอร์มือฉมัง(มร. คาชิวะ ซาโตะ) เป็นผู้ปลูกปั้นแบรนด์ใหม่นี้ขึ้นมา โดยเล็งเห็นว่าสูทสามารถสวมใส่ได้ในหมู่วัยทำงานช่วงอายุยี่สิบต้นๆ สร้างคอนเซปต์ใหม่ที่ใช้เวลาคิดเป็นปีและผมติดใจความหมายของโลโก้ Suit select ที่เป็นเส้นสี่เส้น แต่มีความหมายที่ลึกซึ้งครับ โดยแบ่งเป็น “สองเส้น-สองราคา(Black line – Silver line)” โดยจะแบ่งเป็นวัยรุ่น(Black line)และวัยทำงาน(Silver line)
วัยรุ่นจะเป็นทรงเข้ารูปและดูร่าเริงด้วยสูทสองกระดุม มีโทนสีสีเทา สีดำ แบบเท่ห์ๆ นึกถึงหนุ่มคนหนึ่งที่ไปทำงานตอนเช้าอย่างมั่นใจ ตกเย็นไปจิบไวน์จีบสาว สำหรับวัยทำงานจะเป็นสไตล์คลาสสิกไปทางยุโรป มีสามกระดุม สวมใส่สบาย ไม่เข้ารูปมาก ชวนให้นึกถึงผู้ชายมั่นคงคนหนึ่งที่รักครอบครัว ไม่ซอกแซกในแบบหนุ่ม Black line…
…ทั้งร้านก็จะมีภาพลักษณ์แบบนี้ครับ label ก็จะเป็นสองสี สองราคา นอกจากนี้แล้ว layout ของร้านจะดูเฉียบคม ทันสมัยปกความคลาสสิก ไม้ตกแต่งร้านนำเข้าจากญี่ปุ่นไม่ใช่ไม้ลามิเนตแต่อย่างใด”
“…ระบบ sizing ของ Suit select หาที่เลียนแบบได้ยากมาก เพราะว่าไล่ไซส์จาก 165-190 เซนติเมตร แต่ละตู้ที๋โชว์จะมีรหัสความสูงเฉพาะเจาะจงลงไป ทุก 5 เซนติเมตรจะมีสูท 1 ไซส์ ไม่ว่าเข้ามาไซส์ไหนก็มีตอบสนองทุกความต้องการครับ”
Hi-Class : เรียกว่าคุณมีโลโก้ของ Suit select บนใบหน้า ใครเห็นชายโก้ก็ต้องนึกถึงร้านสูท
“หลังจากที่ดูงานที่ญี่ปุ่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมเองก็กลับมาดูแลกิจการนี้ที่เมืองไทยตั้งแต่ยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ติดต่อเลือกโลเกชั่น ตกแต่งภายใน สายโทรศัพท์ สายไฟ ฯลฯ ทั้งหมดต้องไม่คลาดสายตาผมจนกระทั่งเป็นร้าน Suit select ที่เห็นกันปัจจุบันที่ชั้น 3 ห้างเซนทรัลเวิลด์
ในส่วนของไอเท็มส์ทางร้านผมก็เป็นคนวางเองครับ วางอะไรตรงไหนให้หยิบจับได้ฉับไวไม่ให้ลูกค้ารอ เทรนด์พนักงานให้เสมือนว่าผมไม่อยู่แต่ทุกอย่างเหมือนมีผมอยู่ครับเพราะในความเป็นจริงแล้วการบริหารงานแบบแอดวานซ์ 100% ของบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นนั้นจะดูแลตั้งแต่คำพูดแรกที่พนักงานพูดกับลูกค้าตั้งแต่เข้าร้านจนออกจากร้านให้ลูกค้ามีความประทับใจสูงสุด ผมเองมีงานสำคัญคืองานจากบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นดูแลด้านการสื่อสารการตลาดครับ ซึ่งต้องดูแลภาพลักษณ์องค์กรทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่ artwork ที่จะลงในสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆครับให้มีจุดที่สื่อสารกับผู้อ่านได้อย่างเป็นธรรมชาติที่สุดครับ ซึ่งก็ตรงกับที่ผมได้ร่ำเรียนมาคือ Branding ในส่วนนี้ทำให้ผมเป็นคนที่ต้องกระตือรือร้นตลอดเวลาศึกษาทุกอย่างที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะสภาพแวดล้อม แนวโน้มตลาด สิ่งเหล่านี้มีความขึ้นลงผาดโผน แต่ถึงอย่างไรในยามที่บ้านเมืองเกิดความวุ่นวายผมก็ดูแลให้องค์กรมีรายรับได้ทุกวันครับ”
Hi-Class : ที่บอกว่าเสมือนคุณไม่อยู่และแอดวานซ์ 100% แสดงว่าคุณเป็นคนเนี๊ยบมาก
“เอาง่ายๆเลยครับว่าพนักงานใหม่ๆที่เข้ามาเทรนด์เพียงเดือนเดียวนี้ ลูกค้าจะไปงานแต่งงานคืนนี้ก็สามารถจัดให้ได้หมดครับว่าจะต้องมีอะไรบ้าง มี bow tie ผูกสคาร์ฟ เลือกสีที่เหมาะสมกับรูปร่างและบุคลิก จะใส่ผ้าคาดเอวหรือไม่ ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวนี้ต้องจัดให้ได้ภายใน 5 นาทีครับ”
“ผู้ชายที่แต่งตัวไม่เป็น มา Suit select ไม่มีปัญหา มีครั้งหนึ่งลูกค้าเดินขาสั้นเข้ามาแล้วบอกว่าจะไปประชุมที่มิวนิคต่อด้วยเจนีวา 3 คืน เขาขอสูทที่ดูดีภูมิฐานหน่อย 3 ชุด โจทย์มานี้จบภายใน 15 นาที ตรงนี้เองถือว่าเป็นการเทรนด์ที่ต้องลงลึกแต่ก็ทุกคนทำได้ครับ จะให้เด็กไปอ่านหนังสือเองนั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก แต่อย่างไรด็ดีครับ การสอนสิ่งที่ผมพูดนี้เป็นธรรมเนียมถือปฏิบัติที่ญี่ปุ่นเขาทำกันสืบมาจากรุ่นสู่รุ่นตั้งแต่ ค.ศ.1962 ครับ”
Hi-Class : คุณเป็นผู้ที่สุขุมและพิถีพิถันจึงเน้นเรื่อง service mind มาก
“จริงอยู่ที่ผู้ชายไม่ต้องแต่งตัวเท่าผู้หญิง แต่เมื่อคุณผู้ชายเข้ามาใน shop จะรู้จักคำว่าสไตล์มากขึ้น ทางเราจะมีการสอนการติด tie clip, tie pin, พับ pocket square และคุณทราบหรือไม่ว่า necktie นั้นสามารถผูกได้เป็นร้อยแบบ เหล่านี้คือสิ่งที่ลูกค้าประทับใจครับ วันหนึ่งลุกค้าเดินเข้ามาบอกกับผมว่าอันนี้พับอย่างไร ลืมไปพับใหม่ให้หน่อย สอนหน่อย ผมก็บอกว่าอันนี้ครับจำง่ายๆว่าเป็น A B C พับแบบนี้ๆ เขาก็รู้สึกว่าเขาแต่งตัวเป็นมากขึ้นแล้วอยู่ในสังคมก็เด่นขึ้นๆเรื่อยๆครับ ซึ่งตรงนี้ถือว่าเป็นเสน่ห์ครับ ”
Hi-Class : Word of mouth คือผลลัพธ์ของภาพลักษณ์ที่เนี๊ยบ
“จริงครับ ลูกค้าบางคนซื้อกลับไปแล้ว โอกาสวันหน้าวันหลังกลับมาเลือกสูทใหม่ก็บอกว่าวันนั้นมีคนชมว่าเท่ห์ดีวันนี้เลยกลับมาอีก และก็เป็นไปได้ครับที่ว่าเป็น Word of mouth เพราะองค์กรเราก็ไม่ได้จ้างบริษัททำโฆษณาเป็นหลักร้อยล้านบาท แต่ผู้ชายคนไหนใส่สูทร้านเราใครมองก็ทราบทันทีครับว่าเป็น Suit select”
Hi-Class : เล่าด้วยใบหน้าที่จริงจังและขรึมมากจึงขอถามงานที่หนักนี้ เวลาเจออะไรมาปะทะ รับมืออย่างไร
“ไม่ว่าคุณจะเจ็บปวดแค่ไหน ไม่ว่าน้ำตาจะตกในกี่ล้านหยด คุณควรเก็บมันไว้ข้างใน และใส่สูทผูกไท แต่งตัวให้สดใส ให้ดูีเสมออย่าให้ใครเห็นคุณอ่อนแอ ลองมองตัวเองในกระจกแล้วให้กำลังใจตัวเองว่า เราคือผู้ชาย คือผู้นำ คือสุภาพบุรุษ คือคนเข้มแข็ง คือคนกล้าหาญ ที่เอาตัวรอดได้และปกป้องคนที่รักเราได้เสมอ”
Hi-Class : นอกจากภาพลักษณ์ใส่สูทเนี๊ยบแล้วยังมีอีกหลายเวอร์ชั่นที่เป็นงานที่ไม่ยอมเปิดเผยให้กับใครทราบมาก่อน
“เป็นอีกมุมหนึ่งของผมครับที่รับงาน news reporter ครับ เรียกว่างานวงการบันเทิงรึเปล่า(หัวเราะ) อาจมีต้องบริหารเวลาให้ลงตัวมากที่สุดครับทั้ง Suit select และงานที่กล่าวถึงนี้ เพื่อไม่ให้กระทบกับทั้งสองที่ เพราะก็ได้รับความไว้วางใจจากทั้งสองที่ครับ ฉะนั้นแล้วอยู่ที่เราครับว่าจะทำอย่างไรให้ออกมาดีที่สุดครับ จันทร์ถึงพุธเข้าออฟฟิศเช้ามีประชุมตลอดครับ ส่วนพฤหัสบดีและศุกร์มีพบลุกค้าตอนบ่ายเป็นส่วนใหญ่ครับและมีแทรกแซงงานสังคมบ้างครับ เสาร์-อาทิตย์จึงเป็นงานพิธีกรหรืองานแคสติ้งครับ แต่ส่วนใหญ่เสาร์จะเข้าที่เซนทรัลเวิลด์ครับเพราะลูกค้า VIP มักเข้ามาลองสูทครับ เพราะมีหลายท่านมากที่บอกว่าถ้าโก้ไม่อยู่ไม่เข้ามานะ(น้ำเสียงจริงจัง) ถ้ามีอะไรก็จะต้องดูแลหัวจรดเท้า เราเจอลูกค้าที่ดีช่วยแต่งตัวให้เขาดูดี เราก็มีความสุขแล้วถือเป็นการพักผ่อนไปในตัวด้วยครับ หลังจากนั้นช่วง 4 – 6 โมงเย็นจะออกกำลังกายครับ เตะบอล รักบี้ เป็นต้นครับ”
“…สำหรับงานแสดงเรื่องพระนเรศวรนั้นผมก็ทุ่มเทมากครับไปเรียนขี่ม้าที่จังหวัดกาญจนบุรีจนคล่องครับ จนถึงขั้นปล่อยมือได้ครับ”
Hi-Class : การแสดงกับงานบริหารอะไรที่เป็นตัวเองมากที่สุด
“ผมรักทั้งสองอย่างครับและทำได้ดีทั้งคู่ครับ การแสดงนี้ก็เต็มที่ครับ สนุกสนานที่ได้ร่วมงานกับผู้ทรงความสามารถหลากหลายวงการหลายแขนง ตั้งแต่ผู้กำกับ คอสตูม เมคอัพ ซึ่งแต่ละท่านนี้ดูจากผลงานแล้วทราบทันทีว่ามีความทุ่มเทและตั้งใจมาก ทำให้ผมต้องคิดว่าเราก็ต้องเต็มที่ไปด้วยครับ
…ไม่ว่าจะเป็นฉากเดี่ยวที่ขี่ม้ากลางแดดผมก็เอนจอยครับ เพราะว่าเทคหนึ่งนี้ต้องถ่ายหลายมุมหลายช็อตมาก เราได้เห็นการทำงานทุกโมเมนต์เลยว่าทุกคนเต็มที่จริงๆ พอรวมเป็นเรื่องแล้วเป็นอะไรที่เพอร์เฟคมากครับแบบเกินคาดครับผม ยิ่งฉากที่รวมพลเคลื่อนทัพที่ใช้นักแสดงเป็นหลายพันคนนี้ยิ่งต้องไม่ให้มีข้อผิดพลาดครับ ไม่เช่นนั้นจะเป็นการถ่วงให้ทุกคนมาลำบากไปด้วยครับ และแล้วก็ผ่านไปได้ด้วยดีครับ และสังคมในกองถ่ายก็เป็นสังคมที่แฮ๊ปปี้มากครับ ทุกคนพูดคุยกันสนุกสนาน หน้ากล้องหลังกล้องทุกคนเต็มที่มาก ผลลัพธ์สุดท้ายจึงเป็นตำนานพระนเรศวรที่ยิ่งใหญ่มากครับ”
Hi-Class : คุณก็มีความพร้อมในทุกสถานการณ์ในทุกๆงานที่ทำ
“อะไรที่ผมทำผมถือว่าผมพร้อมครับและมีความสามารถถึงจึงทำครับ เรื่องงานบริหารนั้นก็เป็นรูปเป็นร่างไม่เป็นรองใครครับ ส่วนเรื่องการแสดงอย่างเรื่องฉากขี่ม้านี้ผมเป็นคนที่ขี่ม้าตั้งแต่เด็กอยู่แล้วครับจึงทำให้การสื่อสารกับม้าค่อนข้างไปได้ง่ายครับ เลยเป็นทริคที่ว่าอากาศร้อนม้าจะหงุดหงิดแต่พอเราเข้าฉากแล้วขี่ม้ากลางแดดผมก็สามารถคุมม้าให้อยู่ได้ครับ ไม่มีปัญหาอะไรครับ สบายมากครับ”
Hi-Class : ปรัชญาที่ใช้ในการดำเนินชีวิต
“ถ้าเราอยากประสบความสำเร็จต้องอยู่กับคำว่า Reality ให้มากที่สุดครับ หมายความว่าอยู่กับความจริงที่สำคัญคือการไม่โกหกตัวเองว่าตัวเราพัฒนาไปถึงไหนแล้ว ต้องรู้จักตัวเอง ซึ่งไม่เสียหายอะไรที่เราจะยอมรับความผิดพลาดของตัวเราเองแล้วกลับมาปรับปรุงให้ดีกว่าเดิม
Hi-Class : งานอดิเรกเวลาว่างของคุณ
“ปกติก็จะออกกำลังกายอยู่แล้วครับ ผมชอบอะไรก็ตามครับที่เป็นความเร็ว Top speed ผมมีขี่ม้า เจ๊ตสกี เรือ วิ่ง ผมจะผูกพันกับอะไรที่เป็นความเร็ว(หัวเราะ) เพราะตอนเด็กๆเป็นนักกีฬากรีฑาด้วยครับ เคยได้รับรางวัลกีฬาเยาวชนแต่แล้วช่วงเด็กๆซนมีปัญหาอาการบาดเจ็บและช่วงนั้นเป็นช่วงที่เขาคัดทีมชาติด้วยจึงหมดสิทธิ์ไป แต่ก็คิดว่าไม่เป็นไรครับ”
*******************************************************************************************************************
Story : Kittisak Kandisakunanont
Photo : Kasem Jiramonkolrat
Location : Suit select, 3rd Central World department store
*******************************************************************************************************************