ฯพณฯ โลรองต์ บีลี่ เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย

เปิดตัวคอลัมน์ Global Vision ได้รับเกียรติจากเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทยที่หนุ่มที่สุดคนหนึ่ง ฯพณฯ โลรองต์ บีลี่ เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย อีกทั้งความเป็นกันเองกับทุกคนของท่านทำให้ทุกคนที่ได้พบเจอรู้สึกประทับใจ

ท่านทูตวัย 47 ปีผู้นี้พกพาดีกรีความรู้และประสบการณ์นักการระหว่างประเทศเต็มกระเป๋าก่อนหอบหิ้วมาเมืองไทย ด้วยปริญญาโทด้านประวัติศาสตร์, ปริญญาโทด้านรัฐศาสตร์, สำเร็จการศึกษาด้านรัฐศาสตร์การเมืองจากสถาบันการศึกษาด้านการเมืองแห่งปารีส (IEP : Institut d’Études Politiques de Paris), สำเร็จการศึกษาจากสถาบันการบริหารแห่งชาติ (ÉNA : École Nationale d’Administration) สถาบันอันทรงอิทธิพลที่นักการเมืองในฝรั่งเศสส่วนมากเข้าศึกษาต่อ

ด้วยประวัติการทำงานในสถาบันสำคัญๆ ของชาติ และสุดยอดความภูมิใจเมื่อเป็นหนึ่งในคณะที่ปรึกษาด้านการทูตของอดีตประธานาธิบดี ฌากส์ ชิรัค ทั้งยังสื่อสารได้ถึง 5 ภาษา คือ เยอรมัน, อังกฤษ, โปรตุเกส, สเปน, ตุรกี และล่าสุดก่อนมาประจำกรุงเทพฯ ท่านได้ใช้เวลาศึกษาภาษาและวัฒนธรรมไทยจนสามารถฟังและพูดภาษาไทยได้ในระดับหนึ่ง ดังนั้นการที่ท่านมาประจำประเทศเล็กๆ ในโลกตะวันออกแห่งนี้จึงเป็นโอกาสอันดีที่จะได้ทำความรู้จักท่านให้มากยิ่งขึ้นในเกือบทุกด้าน

“ประสบการณ์เกี่ยวกับเมืองไทยก่อนมาเป็นเอกอัครราชทูตประจำไทยของผมมีไม่มากนัก แต่จำได้ว่าเป็นประเทศที่สวยงาม ผู้คนมีมิตรไมตรี อาหารอร่อย มีสัมพันธภาพอันดีเยี่ยมและยาวนานกับฝรั่งเศส ผมมาเมืองไทยครั้งแรกเพื่อท่องเที่ยวเมื่อปี 1991 ทางใต้ของไทยและเลยไปยังตอนเหนือของมาเลเซียแต่นั่นก็นานมาแล้วทำให้ผมลืมไปบางแล้วล่ะครับ และในที่สุดผมก็มาประจำที่เมืองไทยเมื่อปี 2006”

“เสถียรภาพความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสองเราแนบแน่นอันดับต้นๆ มาโดยตลอดผมคิดว่านอกจากนี้สัมพันธภาพทางเศรษฐกิจก็ยังมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน  และล่าสุดสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินปฏิบัติ พระราชกรณียกิจ ณ กรุงปารีส ผมคิดว่าก็ยิ่งช่วยกระชับสัมพันธภาพให้แนบแน่นยิ่งขึ้นระหว่างชาวไทยและชาวฝรั่งเศสนอกเหนือจากสายสัมพันธ์ทางการเมืองและทางเศรษฐกิจ”

“สำหรับเมืองไทยโดยส่วนตัวผมชอบการท่องเที่ยวในชนบท ผมชอบวิถีชีวิตแบบไทย ชอบอยู่ที่เงียบสงบ ผมกิ๋นข้าวนึ่งทุกวัน กินอาหารเผ็ดได้ ต้มยำกุ้ง ลาบปลาดุกก็กินได้ (หัวเราะ) และผมรู้สึกสบายมากกับที่นี่ สำหรับผมไม่มีปัญหาเลย ครอบครัวผมชอบมากกับการได้ไปเที่ยวที่ต่างๆ ในเมืองไทย ผมเองชอบเมืองน่านมากๆ เมื่อ 2 ปีที่แล้วก่อนมาประจำที่กรุงเทพฯ ผมอยู่ที่น่าน 3 สัปดาห์ อยู่กับครอบครัวคนไทยเพื่อเรียนภาษาไทย ที่นั่นผมมีชีวิตแบบไทย ถีบจักรยานไปโรงเรียนเรียนกับครูพิเศษคนหนึ่งเธอเป็นครูที่มีลูกศิษย์เป็นเด็กน้อยแต่สำหรับการสอนผมนั้น (เป็นหลักสูตรพิเศษ) มีผมเป็นนักเรียนคนเดียวที่เรียนต่อเนื่อง 3 สัปดาห์ ผมชอบวัฒนธรรมของล้านนาด้วย ผมได้เห็นและสัมผัสวิถีชีวิตที่เงียบสงบและทุกคนน่ารักมาก”

ส่วนร้านอาหารในเมืองไทยที่ท่านทูตนิยมชมชอบอันดับแรก คือ เลอ นอร์มังดี (Le Normandie) ที่โรงแรมโอเรียนเต็ล ถัดมาคือร้าน เลอ โบลิเออร์ (Le Beaulieu) ย่านสุขุมวิท นอกจากนั้นจากการที่ท่านทูตได้มีโอกาสไปงานเลี้ยงตามโรงแรมบ่อยจึงทำให้รู้ว่ายังมีอีกหลายแห่งที่มีอาหารรสชาติเยี่ ยมอยู่อีกมาก นอกเหนือจากภารกิจหลักของท่านแล้วในฐานะผู้แทนมิตรประเทศกิจกรรม-โครงการการกุศลต่างๆ ก็ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่อาจแยกไปจากหน้าที่การงานประจำหากต้องทำควบคู่กันไป

“สถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสให้การสนับสนุนองค์กรการกุศลต่างๆ หลายแห่ง อาทิ YMCA  เราแบ่ง 60% เป็นโครงการที่ให้ความช่วยเหลือ เช่น กับชาวกะเหรี่ยง โครงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยสึนามิ เป็นต้น หรือโครงการบูรณะอาคารโบราณสถานที่จังหวัดตราด (เรสิดังต์กัมปอด อดีตที่พำนักของข้าหลวงฝรั่งเศสเมื่อครั้งปกครองเมืองตราดก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นจวนเจ้าเมือง-ผู้ว่าราชการจังหวัดตราดในยุคต่อมา) เป็นที่ระลึกมิตรภาพระหว่างฝรั่งเศสกับไทย สมัยก่อนอาจจะเป็นภาพของการเมืองกับการยึดครองเมืองขึ้นของฝรั่งเศสและราชอาณาจักรสยาม แต่วันนี้เป็นสัญลักษณ์ที่ระลึกของมิตรภาพ ผมคิดว่าถ้าเราได้ดูแลโบราณสถานแห่งนี้ก็จะเป็นการร่วมดูแลมรดกทางประวัติศาสตร์ของประเทศไทยด้วย”

++++++++++++++++++++++++++++++++

 

 

profiler01

Related contents:

You may also like...