เป็นเรื่องธรรมดา ที่สภาพแวดล้อมในวัยเด็กคือตัวแปรสำคัญที่ทำให้ใครคนใดคนหนึ่งเกิดความรู้สึกผูกพัน ชอบพอ หรือหลงใหลในสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นพิเศษ แม้ว่าสิ่งนั้นจะไม่ใช่สิ่งที่อยู่ในความสนใจของผู้คนส่วนใหญ่ก็ตาม คอลัมน์ Leisure ฉบับนี้ พาคุณผู้อ่านไปพบกับคนผู้หนึ่ง ที่สภาพแวดล้อมในวัยเด็กจุดประกายให้เขาหลงใหลได้ปลื้มกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับเครื่องยนต์กลไก นำมาซึ่งของสะสมที่ไม่เหมือนใครอย่างป้ายทะเบียนรถยนต์ เขาคนนั้นชื่อ จิรายุ ห่วงทรัพย์ ไปครับ…เขายกลังเก็บป้ายทะเบียนมาให้เราชมแล้ว
เริ่มสะสมป้ายทะเบียนรถเพราะอะไร
ผมเริ่มชอบรถยนต์ตั้งแต่อายุ 12 ขวบ เพราะคุณพ่อหัดขับให้ พอขับรถเป็นก็เริ่มหลงใหลเครื่องยนต์กลไกมาตลอด เริ่มต้นจากการเล่นจักรยาน BMX ทำทีมแข่งตั้งแต่อายุ 13 ตระเวนแข่งไปทั่วกรุง พออายุ 15 ก็ขยับมาขี่มอเตอร์ไซค์ แต่งมอเตอร์ไซค์ซิ่งแข่งบนถนน พออายุ 18 ก็ขยับมาขับรถยนต์ คันแรกเป็นรถคุณพ่อ ยี่ห้อ DUTSUN รุ่น 160J ปี 1975 เอามาแต่งซิ่งแบบครูพักลักจำ แต่งเสร็จเอาไปแข่งที่เดอะพาเลซ ดิสโก้เทคยอดฮิตยุคนั้น หลังจากนั้นก็บ้ารถมาตลอด เห็นอะไรที่เป็นรถไม่ได้ เป็นชอบไปหมด
เห็นป้ายทะเบียนครั้งแรกที่ตลาดมืดแถวๆ วรจักร เห็นปุ๊บชอบปั๊บเลย จึงเริ่มเก็บป้ายทะเบียนรถตั้งแต่อายุประมาณสัก 20 ได้ ตอนแรกก็ไม่ได้ตั้งใจมาก แต่จาก 10 เริ่มเป็น 100 จาก 100 เริ่มเป็น 1,000 จนตอนนี้มีอยู่ประมาณ 1,600 แผ่นครับ
ทำไมต้องเป็นป้ายทะเบียนรถ
มันเป็นอัตลักษณ์ที่บอกถึงตัวตนของรถ คนที่ออกแบบ และประเทศหรือเมืองนั้นๆ บางคนเก็บสะสมนาฬิกา บางคนสะสมรถโมเดล บางคนสะสมแสตมป์ แต่ผมมัน DNA รถ และป้ายทะเบียนมันมีเสน่ห์มากๆ ตรงที่ว่า มันไม่ต้องอธิบายอะไรมาก อย่างคนเก็บนาฬิกา ต้องมาบอกว่าของปีนั้นปีนี้ ใครเป็นคนทำ ต้องติดป้ายบอก แต่ป้ายทะเบียนรถนี่ไม่ต้องบอก เลข ปี เมือง ดีไซน์ มันอยู่บนแผ่นหมดเลย เห็นปุ๊บ ผมเชื่อว่าคนก็ต้องมองมัน แต่แทบไม่ต้องอธิบายเลย
มีของประเทศอะไรบ้าง
หลักๆ จะเป็นอเมริกา ด้วยความที่ผมมีเพื่อนอยู่ที่นั่นหลายคน และผมก็เดินทางไปบ่อยๆ จึงพอจะรู้แหล่ง ป้ายที่มีอยู่ประมาณ 80% เป็นของ USA ที่เหลือเป็นของยุโรป, เยอรมัน, ออสเตรเลีย ในเอเชียก็มีจีน, ญี่ปุ่น, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, ลาว, พม่า, เขมร, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แต่ที่อยากได้ที่สุดคงเป็นพวกอเมริกาใต้ หายากมากๆ มีอยู่แผ่นเดียวคือของบราซิล
ป้ายที่พิเศษที่สุด
ที่พิเศษสุดเป็นของ KAN ปี 1939 ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกนะครับ ยิ่งดูยิ่งเก่ายิ่งเก๋า เคยมีคนมาขอซื้อเป็นหมื่น แต่ไม่ขายหรอกครับ ส่วนอีกป้ายเป็นของ UAE เพื่อนที่ไปขุดทองที่นั่นเอามาให้ บอกว่ากว่าจะแอบเล็ดลอดออกมาได้นี่สุดๆ แต่คิดค่าเสี่ยงแค่ 100 บาท น้ำใจจริงๆ
การดูแลรักษา
ปัญหามันมีอยู่ว่า ป้ายทะเบียนนี้ถ้าล้างสีมันจะลอก รายละเอียดต่างๆ จะหายไปหมด ผมก็เลยปล่อยให้เขลอะๆ อย่างที่เห็น (หัวเราะ)
Scoop
World’s Most Expensive License Plate
ใครจะไปอยากเชื่อ ว่ากะอีแค่แผ่นโลหะ (หรือบ้างก็เป็นพลาสติกบางๆ) ที่เรียกว่า ป้ายทะเบียนรถ บางครั้งกลับมีมูลค่าแพงกว่าตัวรถระดับหรูหลายเท่า แต่ก็อย่างว่าแหละครับ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะมันเป็นไปแล้ว โดยส่วนใหญ่มูลค่ามหาศาลอย่างไม่น่าเชื่อของเจ้าป้ายทะเบียนรถนี้ มักเกิดขึ้นในการประมูลแผ่นป้ายทะเบียนดังที่ทราบๆ กัน แต่ทราบไหมครับว่า แผ่นป้ายทะเบียนที่ถูกประมูลให้มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกคือแผ่นป้ายทะเบียนหมายเลขอะไร ถูกประมูลราคาเท่าไหร่ ใครเป็นผู้ประมูล และเกิดขึ้นที่ใด
เจ้าแผ่นป้ายที่ว่านี้ถูกจารึกสถานะ “แผ่นป้ายทะเบียนรถที่แพงที่สุดในโลก” ในงานประมูลหมายเลขป้ายทะเบียนรถยนต์ ที่บริษัทเอมิเรตส์ อ็อคชั่น จัดขึ้นที่เอมิเรตส์ พาเลซ โฮเตล โรงแรมหรูในนครอาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือยูเออี เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 แน่นอนว่าในงานนี้มีการประมูลป้ายทะเบียนรถยนต์หมายเลขต่างๆ มากมาย แต่ที่ถูกจับตาว่าจะเป็นไฮไลท์ของงานก็คือแผ่นป้ายทะเบียนหมายเลข 1 ตัวเดียวโดดๆ ซึ่งที่สุดมันก็ไม่สร้างความผิดหวังให้ผู้ที่จับตามอง เมื่อมันถูกซาเอด อับดุล กาฟฟาร์ อัล-คูรี นักธุรกิจวัย 25 ปีจากตระกูลมหาเศรษฐี เจ้าของธุรกิจด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในอาบูดาบี ประมูลไปด้วยราคา 52.2 ล้านดีแรห์ม หรือ 14.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นเงินไทยก็ตกประมาณ 454.4 ล้านบาท ทุบสถิติเดิมที่เคยเกิดขึ้นเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2550 ของทาลัล อาลี โมฮัมหมัด คูรี นักธุรกิจค้าหุ้น ซึ่งเป็นญาติพี่น้องของนายคูรี ที่ประมูลป้ายทะเบียนหมายเลข 5 ไปในราคา 6.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 217.6 ล้านบาท ไปอย่างขาดลอยเลยทีเดียว
+++++++++++++++++++++++