ปุณณภา ปริเมธาชัย

“แม้แต่เลือดในใจเราก็เป็นงานศิลปะ”

การสร้างสรรค์งานศิลปะดีๆออกมาสักชิ้นเป็นเรื่องยากยิ่ง แต่การสื่องานนั้นออกไปสู่การรับรู้และเข้าใจของสาธารณชนยิ่งยากกว่า แม้แต่ศิลปินเองก็น้อยนักจะทำหน้าที่นี้ได้บริบูรณ์ การจัดการศิลปะจึงต้องอาศัยผู้ที่มีทั้งความรู้ ความรักและความตั้งใจจริงรวมอยู่รวมอยู่ในคนๆเดียว

ปุณณภา ปริเมธาชัย กรรมการบริหาร บริษัท อาร์ทเทอรี่ อาร์ท เมนเนจเม้นท์ จำกัด คือหนึ่งบุคคลเหล่านั้น ในวันอากาศแสนสบาย เธอเปิดอาร์ทเทอรี่แกลเลอรี่อันแสนอบอุ่นต้อนรับและร่วมพูดคุยกับเราด้วยท่าทีเบิกบาน

“แรกๆที่เข้ามาทำงานที่เกี่ยวเนื่องกับศิลปะ แหม่มเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองชอบหรือไม่ชอบศิลปะอย่างไร เพราะเราเติบโตมาบนทางสายอื่น กระทั่งตอนเรียนก็เรียนสาขาอื่นแต่จับพลัดจับผลูได้เข้ามาทำงานที่ CVN Art Center ที่สุขุมวิทซอย 7 ซึ่งเจ้าของท่านก็กรุณาให้งานและสอนให้เราเข้าใจงานเป็นอย่างดี พอเราได้เข้ามาคลุกคลี ได้เห็นงานศิลปะทุกวัน ได้พบปะกับศิลปิน ได้สื่อสารก็เริ่มรู้สึกเหมือนเวลาเราเริ่มปิ๊งใครสักคน (หัวเราะ)…คล้ายๆกับว่าเราก็ไม่รู้ว่ารักเขาหรือเปล่า แต่เวลาห่างกันแล้วคิดถึงเขาทุกทีอย่างนั้น…

“ยังไม่ทันชัดเจนเท่าไรเราก็เปลี่ยนงาน และงานใหม่นี้ก็ทำให้เราเดินทางไปต่างประเทศบ่อยมาก และได้เห็นว่าที่นั่น งานศิลปะคือวัฒนธรรมที่ผูกพันกับชีวิตประจำวันของเขามาก แล้วเราก็รู้สึกคุ้นเคย กลายเป็ฯว่าเวลาว่างแทนที่จะไปช้อปปิ้ง ก็กลับไปตามแกลเลอรี่หรือพิพิธภัณฑ์ศิลปะเพื่อดูงาน ในที่สุดก็กลับมาจับงานด้านจัดการศิลปะเพราะผู้บริหารที่ CVN เขาเปิดร้านใหม่ที่เดอะ สีลม แกลเลอเรีย แล้วก็ไว้ใจให้เราเข้ามาบริหารเต็มตัว

“ช่วงนั้นจึงได้ดูงานเยอะมาก ได้พบปะกับศิลปิน ทำความเข้าใจลักษณะของงานศิลปะ แนวคิด รูปแบบ ลงลึกไปเรื่อยๆ ยิ่งทำให้เข้าใจมากขึ้น ระหว่างนั้นก็ได้เปลี่ยนสถานที่ทำงานมาบริหารที่ 44 Arts ถนนจักรพงษ์ ซึ่งแหม่มสนุกกับการจัดกิจกรรมศิลปะ การสร้างสรรค์นทรรศการมาก จนเป็นแรงบันดาลใจให้เปิดบริษัท อาร์ทเทอรี่ อาร์ท เมนเนจเม้นท์ จำกัด ขึ้น โดยได้รับโอกาสจากคุณสุทธิลักษณ์ จิราธิวัฒน์ ให้เข้ามาดูแลด้านการจัดกิจกรรมเพื่อประชาสัมพันธ์เดอะ สีลม แกลเลอเรีย ซึ่งเป็นงานที่สุดแล้วก็ทำมาตลอด

“สิ่งสำคัญที่สุดในการทำงานด้านการจัดการศิลปะคือหัวใจ Art Manager ต้องมีใจรัก ใจเข้มแข็ง อดทน และใจเย็น เพราะต้องทำงานอยู่ระหว่างศิลปะซึ่งเป็นนามธรรมกับคน ทั้งศิลปินซึ่งเป็นบุคคลพิเศษที่มีความอ่อนไหวแต่มีใจที่ทรงพลัง คนทำงานซึ่งต้องเหน็ดเหนื่อยอยู่เสมอและสาธารณชนซึ่งหลากหลาย มีทั้งคนศิลปะเองและผู้คนซึ่งบางทีไม่เคยดูงานศิลปะเลย เราต้องเชื่อมทุกอย่างให้เข้ากันได้อย่างสนิทที่สุดให้ได้ ซึ่งแหม่มคิดว่าเป็นงานที่สนุก แล้วเราก็พร้อมที่จะทำต่อไป ให้ทำอย่างอื่นก็ทำได้ยาก เพราะแม้แต่เลือดในใจเราก็เป็นงานศิลปะ

“สิ่งที่แหม่มตั้งใจมากที่สุดและจะต้องทำให้ได้คือการนำงานของศิลปินไทยออกไปแสดงในต่างประเทศ เพื่อให้การจัดการศิลปะของบ้านเราครบวงจร เวลานี้งานของคนไทยไม่รู้เท่าไรที่ต้องให้ฝรั่งพาออกไปแสดง ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดายมาก บ้านเรามีศิลปินมีฝีมือมากมาย เรามีทรัพยากรเอง และทำไมเราต้องยืมมือต่างชาติมาบริหารจัดการสิ่งที่เรามีอยู่ด้วย สิ่งที่บ้านเราขาดไปก็คือการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะฉะนั้นเราจึงแพ้จีน แพ้อเมริกา แพ้เวียดนาม ซึ่งเราควรไขให้เร็วที่สุด

“แต่สำหรับเราทั้งหลายแล้ว การสนับสนุนวงการศิลปะที่ดีที่สุดไม่ใช่การซื้อขาย แต่อยู่ที่การชม เมื่อจัดนิทรรศการขึ้นมาครั้งหนึ่งแล้ว การซื้อขายเป็นเรื่องรอง แต่จำนวนผู้ชมคือสิ่งที่ทำให้ศิลปินและเราภูมิใจมากที่สุด เพราะนั่นเป็ฯการสร้างแรงบันดาลใจและกำลังใจให้กับศิลปิน ให้เขาสร้างสรรค์งานต่อไปได้ เมื่อมีงานการจัดการศิลปะก็จะดำเนินต่อไปอีก วงการศิลปะก็จะเคลื่อนต่อไปไม่มีสิ้นสุด” ปุณณภาทิ้งท้ายอย่างน่าสนใจ

Related contents:

You may also like...