คุณภาพคู่คุณธรรม
ร้านอาหารไทยที่โด่งดังมีสาขาเป็นที่นิยมของชาวต่างชาติในเมืองใหญ่สำคัญของโลกนาม บลูเอเลเฟ่นท์ ไม่เพียงแค่ดำเนินธุรกิจโดยยึดหลักการตลาดเท่านั้นหากยังใช้หัวใจและสามัญสำนึกจากคุณธรรมที่ตกผลึกเป็นเครื่องมือในการนำพาองค์กรซึ่งกระจัดกระจายอยู่ทั่วโลกให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน โดยไม่ลืมที่จะแบ่งปันโอกาสให้กับสถาบัน องค์กร มูลนิธิเพื่อสังคมของไทยได้มีโอกาสเผ่ยแพร่ไปสู่ประสาทการรับรู้ในด้านรสชาติอาหารอันเป็นสาขาธุรกิจที่ตนเองถนัด
นูรอ โซ๊ะมณี สเต็ปเป้ ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานกรรมการ บริษัท บลูเอเลเฟ่นท์ จำกัด (มหาชน) นำความสำเร็จมาบอกต่อคนไทยด้วยกัน จากเรื่องง่ายๆ อันมีพื้นฐานที่ดีจากการคิด การพูด และการกระทำ เป็นที่มาสู่ความสำเร็จของอาหารไทยในระดับโลก รวมถึงความสุขในชีวิตจากการได้คิดดี ได้พูดดี และได้กระทำดี
“อยากจะบอกว่าความสำเร็จของบลูเอลเฟนท์นั้นไม่ใช่ดิฉันคนเดียว ซึ่งมีทั้งตัวดิฉันเอง คุณคาร์ล สเต็ปเป้ มีคุณทวีเสริฐ และมีเชฟต่างๆ ที่ประจำอยู่ในสาขาต่างประเทศมารวมกันในโปรเจคต์นี้ โดยคุณธรรมหรือปรัชญาในการดำเนินงานนั้นคือเราทำงานหนักและสปิริตเป็นแบบทีมเวิร์คเพราะเราทำงานเป็นทีมต้องมาพร้อมกันทั้ง 13 สาขาอาจจะเป็นไอเดียที่ริเริ่มจากดิฉันแล้วเราช่วยกันทำ
“สิ่งที่ทำให้ได้รับการตอบรับในระดับนานาชาติ สิ่งสำคัญคือเราใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพในการปรุงอาหาร ปัจจุบันเรากำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 28 จากร้านเล็กที่เริ่มบุกเบิกที่กรุงบรัสเซลก่อนจะขยายไปยังเมื่อชั้นนำของโลก เช่น ลอนดอน ปารีส มอสโคว โคเปนเฮเกน นิวเดลี ดูไบ บาห์เรน ฯ อีกเดือนจะเปิดที่จากาตาร์ เราเน้นคุณภาพ เน้นความเป็นไทย คอนเซ็ปต์ของบลูเอลเฟนท์เป็นคนไทยทุกที่ วัตถุดิบนั้นเราเป็นผู้ส่งออกไปยังสาขาต่างๆ เอง”
“ดิฉันทำงานในสิ่งที่ตัวเองชอบและรู้สึกว่าตัวเองก็แฮปปี้ไปกับมัน อยู่ด้วยกับครอบครัวและงาน เป็นสิ่งที่สนุกเมื่อเราทำจึงไม่คิดว่าเหนื่อย เมื่อทำงานกับทีมงานก็ใช้สปิริตร่วมกัน ไม่ว่าดิฉันจะเป็นผู้บุกเบิกหรือว่าจะเป็นหุ้นส่วนดิฉันจะใช้คนงานก็ต้องใช้จิตวิทยาเพราะเราไปสั่งๆ อย่างเดียวไม่ได้ต้องลงไปคลุกคลี เมื่อดิฉันคิดเมนูหนึ่งๆ ขึ้นมาก็ต้องลงไปอยู่ในครัวกับเชฟ ปรึกษาหารือด้วยกัน ทดลองทำจนได้มาซึ่งสิ่งที่เราต้องการนำเสนอให้แก่ลูกค้า นี่คือความทุ่มเท และซื่อสัตย์ในการปรุงอาหารไทยให้ชาวต่างชาติได้ลิ้มลองเมื่อรวมกับเป็นทีมเวิร์คจึงเป็นความสำเร็จขององค์กร”