กฤษณ์ ธีรเกาศัลย์

บนเส้นทางของชีวิต บ่อยครั้งที่เราพบเห็นคนผู้ไขว่คว้าหาความสุขอย่างหลงทิศด้วยวัยวุฒิที่ยังไม่เพียงพอ เขาเหล่านั้นมองโลกและชีวิตด้วยดวงตาที่มองออกจากตัวเอง ไขว่คว้าหาความสุขภายนอกกาย ก่อนจะพบว่าสุดท้ายปลายทางของการแสวงหา เขากลับไม่พบอะไรเลย กฤษณ์ ธีรเกาศัลย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สองน้ำ จำกัด เป็นบุคคลหนึ่งที่ยอมรับกับเราอย่างลูกผู้ชายว่าเขาเคยเป็นเช่นนั้น แต่เขาโชคดีที่มีคนผู้สูงวัยวุฒิหลายท่านตักเตือนและสั่งสอนให้เขารู้แจ้ง ก่อนที่จะหลงขึ้นสู่ยอดเขาอันเปล่าร้าง

“ผมเริ่มทำธุรกิจด้วยวัยวุฒิที่ยังน้อยนะครับ แล้วก็ยังมีอัตตาสูง ยึดตัวกู-ของกูมาก (เน้นเสียง) ตอนนั้นก็เรียกว่าไม่ค่อยดีเหมือนกัน (ยิ้ม) แต่ว่าโชคดีที่ผู้ใหญ่หลายๆ ท่านได้กรุณา ผมเข้าไปปรึกษาเรื่องธุรกิจกับผู้หลักผู้ใหญ่ แต่ท่านก็ให้กลับมาพร้อมกับธรรมะ ให้กลับมาพร้อมกับการดำเนินชีวิตและแนวคิดต่างๆ จนผมเห็นว่าปัญหาใหญ่ในการทำธุรกิจทั้งหมดนั้นอยู่ที่ใจเราเอง เมื่อไหร่ที่เรามีความโลภที่จะไปทำธุรกิจที่ไม่ดีเพื่อให้ได้เงินไม่ดี ก็คงไม่มีความสุข เมื่อไหร่ที่เห็นตัวเองสำคัญกว่าคนอื่นในห้องประชุม ปัญหามันก็ต้องเกิด

“ซึ่งหนึ่งในผู้ใหญ่ที่กรุณาสั่งสอนให้ผมตื่นรู้และที่ผมเคารพนับถือมากก็คือท่านอานันท์ ปันยารชุน ครับ ผมได้มีโอกาสคุยกับท่าน และท่านก็ได้กรุณาช่วยเราทั้งในเรื่องธุรกิจและหลักในการใช้ชีวิต อย่างเช่นหนังสือชีวประวัติของท่านอานันท์ที่ผมอ่านเขาเขียนไว้ว่า ‘เมื่อพิจารณาท่านอานันท์ตลอดทั้งชีวิตแล้ว ลักษณะที่ควรคุ้มค่าแก่การพิจารณาก็คือวิสัยทัศน์ ความตรงไปตรงมา การทำงานโดยมุ่งผล การกล้าตัดสินใจ การประนีประนอม การทำงานเป็นทีม ภาวะผู้นำ การทำงานอย่างโปร่งใส ไม่มีผลประโยชน์ผูกพัน ใฝ่รู้ตลอดเวลา มีความรู้จักเพียงพอ ไม่ยึดติดในวัตถุ’ ซึ่งผมคิดว่าสุดท้ายแล้วก็คือความรู้สึกที่เพียงพอ การใช้ชีวิตให้สมดุลที่สุด ผมมองว่าท่านอานันท์เป็นคนที่มีคุณลักษณะตรงนี้ชัดเจนมาก อย่างที่หนังสือสรุป ท่านไม่ได้พูดเองหรอก แต่ผมก็เห็นด้วยกับในหนังสือ ว่าท่านทำงานอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน ซึ่งตรงนี้ผมก็น้อมนำมาเป็นหลักในการทำงาน ในธุรกิจที่ผมได้ไปร่วมลงทุนกับบริษัทอื่นๆ ผมกล้าพูดได้เลยว่าไม่มีบริษัทไหนเลยที่ผมมีอำนาจเซ็นเช็คของบริษัทนั้นได้ ผมโปร่งใส มีสติ รู้อยู่เสมอว่ากำลังทำอะไร ไม่ไปเอาเปรียบคนอื่น นั่นคือสิ่งที่ผมรับมาจากท่านอานันท์

“มันมีโจ๊กที่ว่าคนเราพออายุ 25 จะรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองรู้ทุกอย่างในโลกแล้ว แต่พออายุ 30 ก็จะเกิดตระหนักว่า ตัวเองไม่รู้อะไรเลย (หัวเราะ) ง.งู มันมาก่อน ฉ.ฉิ่ง เพราะฉะนั้นมันก็ต้องโง่ก่อนฉลาด เราต้องเรียนรู้สิ่งต่างๆ ซึ่งการเรียนรู้ที่ดีที่สุดก็คือการเรียนรู้จากผู้มากวัยวุฒิกว่า ซึ่งท่านอานันท์ก็เป็นแรงบันดาลใจให้ผมอย่างยิ่งยวดครับ จากที่คิดเสมอว่าอยากรวย อยากมีเงินเดือนเยอะๆ ท่านอานันท์ก็สอนให้ทราบว่า ความสุขที่แท้จริงมันอยู่ข้างในนะ ถ้าไม่รู้จักพอ ไม่ว่ามีเท่าไหร่มันก็ไม่พอ แล้วพอมันก็ต้องเริ่มจากข้างในเราเอง

“ถามว่าผมโตทันสมัยของท่านอานันท์ไหม? ตอบอย่างเต็มปากเต็มคำเลยว่าไม่ทันครับ แต่สิ่งที่ผมทันคือเสียง Echo ที่ตอบมาจากยุคของท่านว่ารัฐบาลของท่านอานันท์ดี ท่านเป็นสุภาพบุรุษ อารมณ์ดี ทั้งเสียง Echo ที่มาจากทั่วโลก อย่างตอนที่ผมจำเป็นจะต้องติดต่อกับบริษัทยักษ์ใหญ่ในอเมริกาเพื่อที่จะเริ่มธุรกิจใหม่ ผมเข้าไปขอความช่วยเหลือจากท่านอานันท์ ท่านก็กรุณาช่วยติดต่อให้ ซึ่งบริษัทนี้ถือเป็นอันดับหนึ่งของโลกในส่วนของธุรกิจที่ผมจะทำ ไม่กี่วันทางนั้นก็ตอบแฟกซ์กลับมา ขึ้นหัวจดหมายว่า ‘Your Honorable อานันท์ ปันยารชุน’ มันเป็นประสบการณ์ตรงที่ประธานบอร์ดของบริษัทระดับโลกส่งมาถึงหนึ่งบุคคล (เน้นเสียง) แล้วคำพูดในจดหมายก็เป็นไปด้วยความเคารพเชื่อถือในตัวท่านอานันท์อย่างที่สุด มันเป็นแรงขับดันในการเปลี่ยนแปลงตัวเองของผม เป็น Echo ที่ดังมาก

“ระลึกถึงท่านอยู่เสมอครับถึงความกรุณาที่ท่านมีให้เรา สุดท้ายในบั้นปลายชีวิตของผม ก็ขอแค่ส่วนหนึ่ง…(นิ่งหยุด)…คงไม่มีปัญญาพูดได้เลยครับ พูดยังพูดไม่ออกเลย ว่าขอแค่ให้ได้ส่วนเสี้ยวหนึ่งของท่านอานันท์ คือมีคน Echo กลับมาบ้างว่าเราเป็นคนที่ดี เราทำงานได้ดี เราเป็นเพื่อนที่ดี เราเป็นนักธุรกิจที่ดี เป็นผู้บริหารที่ดี ดีต่อทุกๆ คนที่เข้ามา นี่แหละ จะพูดผมยังไม่กล้าพูดเต็มปากเลย เพราะเสียง Echo ที่มีต่อท่านอานันท์ที่ผมได้ยินมามันดังมาก ดังมากจริงๆ” คุณกฤษณ์จบคำพูดด้วยแววตาตื้นตันอย่างสำนึกคุณที่คนโปรดท่านนี้มีให้ตลอดมา

Related contents:

You may also like...