ดินแดนแห่งเทพนิยาย (2)

กลับมาตามเสียงเรียกร้องอีกครั้ง เมื่อเดือนที่แล้วนำเสนอเรื่องราวดินแดนแห่งเทพนิยายไป 5 แห่ง แต่ก็ได้รับเรื่องให้ลงต่อให้ครบเพราะคุณพ่อคุณแม่นำเอาไปเล่าเป็นนิทานให้หนุๆฟัง จึงเป็นแรงบันดาลใจให้เขียนเรื่องนี้ให้สมบูรณ์ ก็หวังว่าในสถานที่ที่จะนำเสนอนี้จะเป็นสถานที่แห่งใหม่ให้น้องๆหนูๆได้ฟังและจินตนาการถึงสถานที่สวยๆก่อนหลับฝันดีนะครับผม

Avalon

Avalon
อวาลอน เป็นเกาะและเมืองในตำนานกษัตริย์อาเธอร์ ได้เชื่อว่าเป็นเมืองที่กษัตริย์อาเธอร์อยู่ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต ปรากฏครั้งแรกในวรรณกรรมของเจฟฟรีย์แห่งมอนมอธ ในบันทึกประวัติศาสตร์จำลองฉบับ ค.ศ. 1136 เรื่อง Historia Regum Britanniae (“ประวัติกษัตริย์แห่งบริเตน”) ในตำนานเล่าว่าในที่แห่งนี้เป็นดินแดนแห่งแอปเปิล มีที่สวยงามและอร่อยที่สุดในโลกและยังเป็นสถานที่ที่สร้างดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์ของกษัตริย์อาเธอร์ เป็นที่ซึ่งอาเธอร์ใช้รักษาแผลบาดเจ็บจากการรบ หลังจากการศึกครั้งสุดท้ายที่คัมลานน์ นอกจากนั้นในตำนานของชาวคริสต์ ช่วงที่พระเยซูฟื้นจากความตายได้บอกกับโจเซฟว่า เขาจะไปยังที่อวาลอนแห่งนี้ ซึ่งความจริงแล้วบนโลกของเรามีชื่อเกาะอวาลอนอยู่จริงในประเทศอังกฤษ ซึ่งในปีค.ศ.1911 นักบวชที่วิหารกลาสตันเบอรี่ในซอมเมอร์เซต พบพระศพของกษัตริย์และราชินีคู่หนึ่ง ซึ่งต่อมาประกาศว่าเป็นพระศพของกษัตริย์อาเธอร์และราชินีของพระองค์ ทางพระเจ้าเฮนรี่ที่ 2 จึงโปรดให้จัดพิธีฝังพระศพขึ้นใหม่เพื่อเป็นสัญลักษณ์อันดีงามและเป็นความฝันของชาวอังกฤษ หากแต่ในเวลาต่อมาก็พบว่ามันเป็นของปลอมและเกาะอวาลอนที่แท้จริงนั้นก็ยังไม่มีใครทราบว่ามันอยู่ที่ใดกันแน่ (เกาะอวาลอนปรากฏอยู่ในการ์ตูนหลายเรื่อง หนึ่งในคือการ์ตูนมหาสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์)

Belmeni

Beimeni
น้ำพุแห่งวัยเยาว์ เป็นเรื่องเล่าของนักสำรวจสเปนที่ได้พบเห็นน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ซึ่งผู้ใดได้ดื่มกินจะกลับเป็นหนุ่มสาวได้ โดยเรื่องนี้เริ่มขึ้นเมืองนักสำรวจสเปนชื่อดังนามฮวน ปองเซ เดอ ลีออง ต้องการเดินทางไปในดินแดนแห่งใหม่คืออเมริกา ระหว่างทางเขาได้ยินชาวพื้นเมืองที่กล่าวถึงน้ำพุนี้อย่างน่าสนใจ เขาเลยออกตามหา โดยสถานที่แรกที่ไปคือบริเวณที่ตั้งของรัฐฟลอริด้าในปัจจุบัน ไปจนถึงเกาะแห่งหนึ่งคือเกาะบิมินี่ แต่กระนั้นเขาก็ไม่เคยเห็นน้ำพุที่ว่านี้ด้วยตาของตนเองเลยชั่วชีวิต แต่เขาก็เชื่อว่ามันมีอยู่จริง จึงนำเรื่องของมันเล่าแก่เพื่อนๆ นักเดินเรือจนเป็นที่แพร่หลายแก่หมู่นักเดินเรือชาวสเปนในยุคสำรวจโลกในเวลาต่อมา ปัจจุบันน้ำพุแห่งวัยเยาว์กล่าวเป็นศัพท์ที่ที่อุปมาเกี่ยวกับแนวทางการค้นหาชีวิตที่จะทำให้ชีวิตมนุษย์ยืนยาวในทางวิทยาศาสตร์

Camelot

Camelot
คาเมล็อตเป็นเมืองในตำนานของอังกฤษปรากฏในศตวรรษที่ 12 โดยกวีชาวฝรั่งเศส ชื่อ เครเตียง เดอทรัว เขาได้แรงบันดาลใจจากเรื่องเล่าของวณิพกที่มาแสดงลำนำในราชสำนักของราชินีเอลินอร์แห่งอากีแตน เครเตียง ที่เล่าถึงความรักกษัตริย์อาเธอร์และเมืองหลวงที่วิเศษแห่งนี้ในโลก ตามตำนานเล่าว่าคาเมล็อตตั้งอยู่ในป่าเขาและที่ใจกลางเมืองมีปราสาทที่เป็น ที่อยู่ของกษัตริย์อาเธอร์และอัศวินโต๊ะกลมที่ปกครองด้วยสามัคคีธรรมซึ่งเป็นดินแดนในฝันของคนยุคกลางสาเหตุก็เนื่องมากจากช่วงเวลานั้นเต็มไป ด้วยสงครามและโรคระบาด

คาเมล็อตเป็นดินแดนมหัศจรรย์ที่ดึงดูดจิตใจผู้คนมานานกว่า 8 ศตวรรษ หลายคนต่างเสาะแสวงหาตามที่ต่างๆว่าเมืองแห่งนี้แท้ที่จริงคือเมืองไหนกันแน่และกษัตริย์อาเธอร์มีความจริงหรือเปล่า แต่จนบัดนี้ก็ไม่สามารถหาคำตอบได้ แต่เชื่อกันว่าปราสาทอาเธอร์แห่งเมืองคาเมล็อตน่าจะเป็นปราสาทแคดเบอร์รีที่เมืองเซาท์แคดเบอร์รีมณฑลซอมเมอร์เซ็ตเป็นสถานที่ที่น่าเชื่อถือที่สุด เพราะปราสาทนี้เป็นป้อมปราการขนาดใหญ่ที่สุดของอังกฤษในช่วงเวลาที่น่าจะเป็นยุคสมัยของกษัตริย์อาร์เธอร์ เป็นศูนย์บัญชาการของกษัตริย์นักรบผู้ทรงแสนยานุภาพ อีกทั้งในปลายศตวรรษที่ 5 ซึ่งเป็นช่วงที่กษัตริย์อาร์เธอร์น่าจะมีพระชนม์ชีพอยู่ ป้อมนี้ถูกโรมันตีแตกไปเมื่อ ค.ศ.83 และทิ้งให้ร้างต่อมาถึง 400 ปีก่อนจะมีการบูรณะขึ้นมาอีกครั้ง มีร่องรอยของอาคารไม้และห้องโถงยาว 19 เมตร ซึ่งอาจเคยเป็นที่ตั้งโต๊ะกลมของบรรดาอัศวินก็ได้

El Dorado

El Dorado
คำว่า “El Dorado” เป็นภาษาสเปนเดิม มีความหมายว่า “มนุษย์ทองคำ” แต่กระนั้นในเวลาต่อมาก็เปลี่ยนเป็น “นครทองคำ” ซึ่งเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยทองคำและอัญมณีที่มีค่าและปัจจุบันได้กลายเป็นคำอุปมาหมายถึงดินแดนในฝันที่มนุษย์ทุกคนที่ได้มาแล้วร่ำรวยอย่างรวดเร็ว ในตำนานเล่าว่าเรื่องของนครทองคำนี้มาจากอินเดียแดงเผ่าชิบชาเชื้อสายมูอิสกาบนเทือกเขาแอนดีส เมืองแห่งนี้ทุกบ้านตกแต่งด้วยทอง ทุกอย่างทำด้วยทอง แม้แต่พิธีกรรมสำคัญของพวกเขาอย่างพิธีบวงสรวงเทวีแห่งทะเลสาบกัวตาวีตา กษัตริย์มูอิสกาจะต้องทาตัวด้วยยางไม้จนทั่วแล้วลงไปเกลือกในผงทองแล้วโดดลงในน้ำในทะเลสาบล้างผงทองตามตัวแล้วโยนเครื่องทองและอัญมณีลงทะเลสาบ โดยประเพณีดังกล่าวถูกยกเลิกในปี 1500 แต่มันก็ได้กระตุ้นให้มันก็ได้กระตุ้นให้นักสำรวจชาวสเปนและชาวยุโรปเข้ามาสำรวจและยึดคลองดินแดนหลายแห่งในทวีปอเมริกาใต้(รวมไปถึงการปล้นทองคำจากชาว พื้นเมืองหลายพื้นที่) แม้แต่โคลัมบัสก็เคยได้ยินเรื่องนี้และพยายามตามหาเหมือนกัน(เมื่อปี 1502) โดยคาดว่านครทองคำนี้อยู่ห่างจากแม่น้ำโอรีโนโก ในเวเนซุเอลา ใช้เวลาเดินทาง 10 วัน แต่ก็ล้มเหลวต่อมา ต่อมาก็มีนักสำรวจหลายคนพยายามค้นหานครที่ว่านั้นในอเมริกาใต้โดยครอบคลุมถึงแม่น้ำอเมซอนเลยทีเดียว หากแต่คนที่รอดกลับมานั้นมีไม่กี่คนและชื่อของเอลโดราโดก็อยู่ในนิยายและวรรณกรรมหลายเรื่อง นอกจากนั้นยังถูกตั้งเป็นชื่อเมืองและสถานทีในอเมริกาใต้และอเมริกาหลายแห่ง เช่น เอลโดราโดเคาน์ตีในแคลฟอร์เนียและรัฐอาร์คันซอ

Garden of Eden

Garden of Eden
สวนอีเดน เป็นสถานที่บรรยายไว้ในพระธรรมปฐมกาลว่าเป็นสถานที่มนุษย์สองคนแรกที่พระเจ้าสร้างอาดัมและอีฟ นอกจากนั้นมันยังอยู่ในบันทึกจารึกในตำนานของชาวสุเมเรียนด้วยว่าเป็นดินแดนที่พระเจ้าสร้างมนุษย์ที่นั่น โดยสวนนั้นบรรยายไว้ว่าสวยงามราวกับสวรรค์ สงบสุข มีพืชพรรณอาหารอุดมสมบูรณ์ เต็มไปด้วยสัตว์ป่า แม่น้ำใสสะอาด ต้นไพรพฤษาแผ่เงาร่มเย็น แต่ปัญหาคือถ้าสถานที่นี้มีจริง มันจะอยู่จุดไหนของโลกกันแน่ โดยหลายคนเชื่อว่าสวนอีเดนนี้อยู่ในโมโสโปเตเนียทางภาคกลาง เนื่องจากบันทึกการสร้างโลกในพระธรรมปฐมกาลได้กล่าวถึงที่ตั้งของสวนอีเด็นว่าอยู่ในบริเวณแม่น้ำสำคัญสี่สาย คือ แม่น้ำพิชอน แม่น้ำกิฮอน แม่น้ำไทกริสและแม่น้ำยูเฟรติส(ซึ่งอยู่ในบริเวณประเทศอาร์เมเนีย, ยอดเขาอารารัต, เยเรวานหรือที่ราบสูงอาร์เมเนีย)ซึ่งอยู่ในบริเวณประเทศอิรักในปัจจุบัน ซึ่งน่าจะเป็นบริเวณคอเคซัสโบราณโดยเฉพาะบริเวณใกล้กับอาร์เมเนีย แต่ที่ตั้งของแม่น้ำทั้งสี่ยังเป็นที่ถกเถียงกันและยังไม่มีหลักฐานเป็นที่แน่นอนที่สนับสนุนที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของแม่น้ำนอกจากที่กล่าวในพระธรรมปฐมกาลเองและวรรณกรรมยิว-คริสเตียน เรื่อง “Jubilee” สมมุติฐานอื่นก็ว่าตั้งอยู่ที่เมโสโปเตเมีย ทวีปแอฟริกา หรือ อ่าวเปอร์เซีย สมมุติฐานหลังมาจากหลักฐานของลุ่มแม่น้ำสี่สายที่มาพบกันที่เป็นที่ผลิต ทองคำและยางไม้หอมซึ่งตรงกับการพรรณนาการสร้างโลกดังกล่าว

ในแต่ละสถานที่ก็มีเรื่องราว ประวัติที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งก็สามารถให้ผู้อ่่านจินตนาการไปได้ไม่รู้จบสิ้น แต่ทว่าหากได้ไปเยือนสักครั้งย่อมต้องเป็นประสบการณ์ที่ไม่รู้ลืมอย่างแน่นอน หวังว่าน้องๆหนูๆทุกคนจะไปเยือนดินแดนแห่งเทพนิยายในฝันทั้งสิบแห่งนี้ได้อย่างแน่นอน เพราะน้องๆหนูๆมีแต่ความสุขกาย สบายใจมากกว่าคุณพ่อคุณแม่อย่างแน่นอน

Text : Porsche Kittisak K
Thanks to image from : http://www.scifinow.co.uk/wp-content/uploads/2010/07/alice_in_wonderland01.jpg

Related contents:

You may also like...