Honeymoon Cystitis

honeymoon2

ในสมัยโบราณการมีเพศสัมพันธ์จะเกิดได้ต้องหลังแต่งงานเท่านั้นและมักเกิดในช่วงที่มีเพศสัมพันธ์หลายๆครั้งติดต่อกันในระยะเวลาอันสั้นก็คือช่วงที่ฮันนีมูน จึงเรียกกันว่า “โรคฮันนีมูน” สาวโสดบริสุทธิ์ที่เพิ่งผ่านประตูวิวาห์หรือสาวที่เพิ่งเริ่มมีกิจกรรมทางเพศบ่อยครั้งต้องเคยเผชิญอย่างน้อยก็หนึ่งครั้งในชีวิต

การมีเพศสัมพันธ์เป็นธรรมชาติของมนุษย์ชาติ ควรมีเพศสัมพันธ์อย่างเหมาะสม ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป คุณผู้หญิงอาจต้องทนเจ็บปวดกับโรคนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า แม้โรคที่ทรมานและพูดไม่ออกบอกใครไม่ได้นี้ฟังดูแล้วเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาๆแต่หากใครเป็นแล้วก็ไม่ควรปล่อยปละละเลย หากไม่รักษาให้หายขาดจะนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่รุนแรงได้

กระเพาะปัสสาวะของเราเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าดูแลรักษาไม่ดีก็อาจนำไปสู่ภาวะหรือโรคร้ายแรงได้ เช่น โรคไต นิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะและเนื้องอก ผู้หญิงมักต้องเผชิญปัญหาที่สร้างความเจ็บปวดอันคาดไม่ถึง คือการอักเสบหรือติดเชื้อของกระเพาะปัสสาวะหรือท่อปัสสาวะ ซึ่งทำให้เจ็บปวดเวลาถ่ายปัสสาวะและถ่ายปัสสาวะลำบาก ถ้าเป็นไม่มากจะมีอาการรบกวนอยู่ 2-3 วัน แต่ถ้าเลวร้ายกว่านั้นก็อาจเจ็บปวดมากจนเคลื่อนไหวร่างกายไม่สะดวก ปัสสาวะลำบากและหากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องก็จะนำไปสู่อาการที่ร้ายแรงกว่าคือ “โรคไตอักเสบ” ได้ จากการสำรวจพบว่าในปัจจุบันมีผู้หญิง 30 คนจากจำนวนทั้งหมด 100 คนที่ต้องทรมานจากโรคนี้

er26_page_SDCC09_608

โรคฮันนีมูน (Honeymoon disease) เป็นโรคที่เกิดเฉพาะในเพศหญิงที่มีการอักเสบบริเวณท่อปัสสาวะ(Urethritis), ช่องคลอด(Vaginitis), กระเพาะปัสสาวะ(Cystitis) หลังจากมีเพศสัมพันธ์ ทำให้เกิดอาการแสบหรือเจ็บบริเวณท่อปัสสาวะในขณะถ่ายปัสสาวะบางคนอาจถึงขั้นติดเชื้อแบคทีเรีย ถ้ามีภาวะกระเพาะปัสสาวะอักเสบหลังการมีเพศสัมพันธ์ ก็จะเรียกว่า โรคฮันนีมูน ซิสไตติส (Honeymoon Cystitis) ร่างกายผู้หญิงนั้นบอบบางและติดเชื้อได้ง่ายทั้งจากสภาพตามธรรมชาติและสรีรวิทยา ไม่ว่ากับโรคติดต่อธรรมดาหรือโรคบางโรคที่สร้างความเจ็บปวดทรมานอย่างมาก เพราะเชื้อโรคมักซ่อนอยู่ในบริเวณจุดซ่อนเร้นโดยเฉพาะโรคที่ชื่ออันเพราะพริ้งนี้ ฟังแล้วอาจสร้างความกังวลใจให้สาวๆที่คิดอยากจะมีคู่อยู่ไม่น้อย ซึ่งอาการเริ่มแรกคืออาการปวดแสบปวดร้อนระหว่างการปัสสาวะ มีอาการปวดปัสสาวะบ่อยขึ้น ถ่ายปัสสาวะไม่ค่อยออก(ออกทีละน้อยแต่บ่อยครั้ง) ปัสสาวะมีสีขุ่นและกลิ่นแรง บางครั้งก็มีเลือดปนอยู่และมีไข้ขึ้น หากมีอาการเหล่านี้อยู่นานกว่า 24 ชั่วโมง ควรพบแพทย์ในทันที

การอักเสบหรือติดเชื้อของกระเพาะปัสสาวะหรือท่อปัสสาวะ ซึ่งทำให้เจ็บปวดเวลาถ่ายปัสสาวะและถ่ายปัสสาวะลำบาก ถ้าเป็นไม่มากจะมีอาการรบกวนอยู่ 2-3 วัน แต่ถ้าเลวร้ายกว่านั้นก็อาจเจ็บปวดมากจนเคลื่อนไหวร่างกายไม่สะดวก ปัสสาวะลำบากและหากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องก็จะนำไปสู่อาการที่ร้ายแรงกว่าคือ “โรคไตอักเสบ” ได้ จากการสำรวจพบว่าในปัจจุบันมีผู้หญิง 30 คนจากจำนวนทั้งหมด 100 คนที่ต้องทรมานจากโรคนี้

cystitis

ผู้เชี่ยวชาญด้านปัสสาววิทยาระบุว่า โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบเกิดขึ้นได้จาก 2 กรณีด้วยกัน อย่างแรกคือการอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ส่วนอีกกรณีหนึ่งเกิดจากพฤติกรรมรุนแรงที่กระทบกระเทือนต่อกระเพาะปัสสาวะโดยตรงจนเกิดการอักเสบขึ้น ผู้หญิงมีความเสี่ยงต่อการติดโรคจากเชื้อแบคทีเรียมากกว่าผู้ชาย เนื่องจากผู้หญิงมีช่วงของท่อปัสสาวะสั้นมากซึ่งทำให้เชื้อโรคเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะได้ง่าย โดยเฉพาะเชื้อที่พบในอุจจาระ เช่น อีโคไล (Escherichia coli – E.Coli) ยิ่งท่อปัสสาวะสั้นมากเท่าไหร่ ความเสี่ยงก็เพิ่มขึ้นเท่านั้น มักพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายโดยในผู้หญิงอายุ 20-40 ปี มีโอกาสติดเชื้อประมาณ 25-35 % ผู้ชายพบได้น้อยกว่า 1% เนื่องจากท่อปัสสาวะในผู้หญิงสั้นกว่าผู้ชาย โดยผู้หญิงมีท่อปัสสาวะยาวเพียง 1-2 นิ้ว แต่ในผู้ชายท่อปัสสาวะยาวถึง 8 นิ้ว

โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบอาจเป็นผลข้างเคียงของการละเลยสุขอนามัยบริเวณจุดซ่อนเร้น นอกจากนี้ยังเกี่ยวเนื่องกับอุปนิสัยในการบริโภคของแต่ละคนด้วย เช่น หากดื่มน้ำสะอาดน้อยเกินไปปัสสาวะก็จะเข้มข้นขึ้น ทำให้กระเพาะปัสสาวะถูกรบกวนและมีแนวโน้มว่าจะอักเสบได้ง่าย หรือการบริโภคแอลกอฮอล์ กาแฟ อาหารที่ผสมเครื่องเทศบางชนิด เช่น ผงกะหรี่ อาหารรสเผ็ดจัดหรือเครื่องดื่มที่มีกรดซึ่งจะไปกระตุ้นอาการอักเสบให้เกิดขึ้นได้ รวมถึงการรับประทานยาคุมกำเนิดบางชนิด การใส่ห่วงครอบปากมดลูกเพื่อคุมกำเนิดและยาฆ่าเชื้อที่นิยมใส่ในช่องคลอดหรือแม้แต่คลอรีนจากสระว่ายน้ำที่ล้างออกไม่หมด ล้วนทำให้ปัญหาการอักเสบรุนแรงขึ้นได้ทั้งสิ้น ช่วงเวลาที่เชื้อโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบจะแพร่กระจายได้ง่ายที่สุดก็คือระหว่างการมีเพศสัมพันธ์

สัญญาณอันตราย

ขณะถ่ายปัสสาวะ มีอาการแสบบริเวณปลายท่อปัสสาวะหรือบริเวณปากช่องคลอด หากมีภาวะกระเพาะปัสสาวะอักเสบร่วมด้วยก็จะมีอาการปัสสาวะบ่อยทั้งกลางวัน กลางคืน ปัสสาวะแสบ ปัสสาวะขัด กลั้นปัสสาวะไม่ได้ ปัสสาวะแล้วรู้สึกว่าไม่สุดต้องไปปัสสาวะอีกแม้เพิ่งปัสสาวะเสร็จ บางรายอาจจะมีอาการปวดหรือแสบบริเวณท้องน้อยร่วมด้วยทั้งตอนปวดและไม่ปวดปัสสาวะ

ใครบ้างที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้

  • กลุ่มคนที่มีกิจกรรมเพศสัมพันธ์ หรือลักษณะคล้าย ๆ กันนั้นบ่อยครั้ง และหลายครั้งในเวลาอันสั้น
  • ผู้ที่ดื่มน้ำน้อย
  • ผู้ที่ชอบกลั้นปัสสาวะนาน ๆ
  • ผู้ที่เคยรับการผ่าตัด หรือการรักษาด้วยการฉายแสงบริเวณกระเพาะปัสสาวะและอวัยวะเพศมาก่อน
  • ผู้ที่มีภาวะต้านทานของร่างกายต่ำกว่าปกติ

honey

การรักษา

เบื้องต้นควรจะพักกิจกรรมทางเพศในระหว่างที่มีอาการดังที่กล่าวมา หมั่นดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อระบายเชื้อโรคบริเวณกระเพาะปัสสาวะ ท่อปัสสาวะออก(ถ้ามี) ได้ หายเองได้ภายในเวลา 5-7 วัน แต่หากปล่อยทิ้งไว้และไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องจะเกิดภาวะกระเพาะปัสสาวะอักเสบและยิ่งหากติดเชื้อจากแบคทีเรียร่วมด้วย ก็มีโอกาสเกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะส่วนบน เช่น กรวยไต หลอดไต ซึ่งมีผลต่อไตในระยะยาว ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง หรืออาจเกิดการติดเชื้อเข้าสู่กระแสเลือดได้

การรักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นในช่วงสั้นๆหรือเกิดชั่วคราว ล้วนเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะหากละเลยไม่รักษาความสะอาดให้ดี เชื้อโรคจากท่อปัสสาวะจะแพร่เข้าสู่ไต จนทำให้เกิดโรคไตอักเสบรุนแรง หากมีอาการมากควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด ซึ่งมักจะต้องตรวจน้ำปัสสาวะและอาจจะเพาะเชื้อน้ำปัสสาวะ ซึ่งถ้าพบว่าผิดปกติก็ต้องทานยาปฏิชีวนะ แต่ทั้งนี้ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์และควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
แม้ว่าในปัจจุบันจะมียารักษาโรคนี้ขายในท้องตลาด แต่ยาเหล่านั้นก็รักษาได้ในระยะเวลาสั้นๆเท่านั้นและผู้ป่วยก็มักจะต้องทรมานจากการถูกโรคนี้โจมตีได้ซ้ำแล้วซ้ำอีก วิธีรักษาที่ถูกต้องที่สุดคือการไปพบแพทย์ตั้งแต่ครั้งแรกที่เริ่มปรากฏ สัญญาณของโรค โดยแพทย์จะเก็บตัวอย่างปัสสาวะไปตรวจเพื่อหาสาเหตุของโรคและชนิดของเชื้อที่เป็นต้นเหตุอาการอักเสบจะให้ยาปฏิชีวนะที่เหมาะสมในการต้านเชื้อเพื่อช่วยให้ร่างกายขจัดเชื้อออกไป เพราะถ้าไม่ทำแบบนี้ก็มีโอกาสกลับมาเป็นโรคเดิมๆด้วยอาการที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว

วิธีการป้องกันตัวเอง

ถ้าใครมีพฤติกรรมเสี่ยงที่เป็นแนวโน้มของการนำไปสู่โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้ง่าย วิธีที่จะช่วยป้องกันหรือทำให้อาการของโรคทุเลาลงได้คือดื่มน้ำสะอาดมากๆเพื่อให้ปัสสาวะเจือจางลงและถ่ายปัสสาวะอย่างสม่ำเสมอตามปกติ เพื่อช่วยให้น้ำล้างพิษออกจากกระเพาะปัสสาวะได้ดีขึ้น อย่ากลั้นปัสสาวะบ่อยๆจนกระเพาะปัสสาวะเต็มและพยายามปัสสาวะออกให้หมดทุกครั้ง ส่วนคำแนะนำอีกข้อคือให้ปัสสาวะทันทีทั้งก่อนและหลังการมีเพศสัมพันธ์ ควรคำนึงถึงสุขอนามัยเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญยิ่ง เช่นที่แพทย์แนะนำว่าควรชำระร่างกายให้สะอาดทั้งก่อนและหลังการมีเพศสัมพันธ์หรือหลังปัสสาวะก็ควรทำความสะอาดเช่นกันให้ทำความสะอาดจากด้านหน้าไปด้านหลังเพื่อไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่ช่องคลอด ยิ่งผู้หญิงคนไหนที่กำลังเป็นหรือมีแนวโน้มว่าจะเป็นโรคนี้ได้ง่ายก็ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายที่ไม่ได้อาบน้ำ การดื่มน้ำก่อนและหลังการมีเพศสัมพันธ์จะช่วยขจัดแบคทีเรียที่อาจเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะได้ หมั่นตรวจห่วงคุมกำเนิดว่าอยู่ในตำแหน่งถูกต้องหรือไม่และอย่าใช้ห่วงคุมกำเนิดนานเกินจำเป็น หลีกเลี่ยงการใส่เสื้อผ้าคับๆและถุงน่องไนล่อน ควรใช้ชุดชั้นในผ้าฝ้ายซึ่งระบายอากาศได้ดีกว่า

จากการวิจัยของแพทย์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและทีมแพทย์สหรัฐอเมริกาพบว่าน้ำเบอร์รี่ทุกชนิดมีสารช่วยฆ่าเชื้อโรคและลดแบคทีเรียในปัสสาวะโดยเฉพาะแครนเบอร์รี่ ควรดื่มวันละ 300 มิลลิลิตร จะช่วยลดจำนวนแบคทีเรียในปัสสาวะลงได้ นอกจากนี้อาหารจำพวกเนื้อวัว ไข่ นม ชีส ธัญพืชและขนมปัง ก็มีสรรพคุณช่วยรักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้เช่นกัน เพราะอาหารเหล่านี้เป็นแหล่งผลิตกรดอะมิโนซึ่งช่วยควบคุมการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย

หากกำลังเป็นโรคนี้อยู่ควรรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอให้ครบจำนวน แม้ว่าจะไม่มีอาการแล้ว โดยเฉพาะยาปฏิชีวนะเพื่อให้การฆ่าเชื้อได้ผลและไม่กลับมาเป็นโรคซ้ำอีก โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบเป็นเรื่องน่ารู้ของผู้หญิงเพราะเกี่ยวกับสภาวะร่างกายของผู้หญิงโดยตรงไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใด หากรู้รักษาความสะอาดก็จะทำให้ความเสี่ยงในการเป็นโรคลดลง ส่วนเรื่องอันตรายที่ต้องระวังให้ดีคือการลุกลามของโรคที่จะนำไปสู่การติดเชื้อในช่องคลอด เช่น โกโนเรีย(หนองใน)และหรือโรคร้ายอย่างมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะ ดังนั้นเพื่อสุขอนามัยคุณผู้หญิงจึงควรป้องกันและดูแลตัวเราเองให้ดี ก่อนที่จะกลายเป็นปัญหารุนแรงที่แก้ไขไม่ทัน

ขอขอบคุณข้อมูลจาก อ.นพ.ศิรส จิตประไพ

สาขาวิชาศัลยศาสตร์ยูโรวิทยา ภาควิชาศัลยศาสตร์คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
Faculty of Medicine Siriraj Hospital

Thanks to image from : http://jnlcollection.com/wp-content/uploads/2011/02/honeymoon2.jpg
http://www.bigtravelweb.com/images/honeymoon.gif
http://www.google.co.th/imgres?start=223&hl=en&client=firefox-a&sa=X&tbo=d&rls=org.mozilla:th:official&biw=1366&bih=575&tbm=isch&tbnid=7jBW41X2wD8sGM:&imgrefurl=http://www.excellence-resorts.com/weddings-romance/honeymoons-and-anniversaries&docid=K0U-ZsG2ZHSx4M&imgurl=http://www.excellence-resorts.com/media/er26_page_SDCC09_608.jpg&w=920&h=365&ei=Al8bUd6TOYiurAfzkICgAg&z
oom=1&ved=1t:3588,r:26,s:200,i:82&iact=rc&dur=1463&sig=111323625234316085828&page=16&tbnh=141&tbnw=326&ndsp=16&tx=174&ty=85
http://www.google.co.th/imgres?hl=en&client=firefox-a&hs=veF&sa=X&tbo=d&rls=org.mozilla:th:official&biw=1366&bih=575&tbm=isch&tbnid=13z9W2871oaSmM:&imgrefurl=http://www.mayoclinic.com/health/medical/IM03138&docid=hWHEaD4i69uV8M&imgurl=http://www.mayoclinic.com/images/image_popup/r7_interstitialcystitis.jpg&w=400&h=420&ei=VmEbUc1Nh_itB6TDgMgI&zoom=1&ved=1t:3588,r:0,s:0,i:108&iact=rc&dur=3700&sig=111323625234316085828&page=1&tbnh=172&tbnw=164&start=0&ndsp=12&tx=152&ty=114
http://www.google.co.th/imgres?hl=en&client=firefox-a&hs=veF&sa=X&tbo=d&rls=org.mozilla:th:official&biw=1366&bih=575&tbm=isch&tbnid=dPNdCRz8r-2b6M:&imgrefurl=http://experts.whyamisick.com/cystitis-and-honeymoonitis-and-how-i-healed-my-self/&docid=gCd1bxvYPsjRWM&imgurl=http://experts.whyamisick.com/wp-content/uploads/2011/02/cystitis.jpg&w=394&h=299&ei=VmEbUc1Nh_itB6TDgMgI&zoom=1&ved=1t:3588,r:5,s:0,i:123&iact=rc&dur=1070&sig=111323625234316085828&page=1&tbnh=172&tbnw=226&start=0&ndsp=12&tx=117&ty=116
http://www.wallbest.com/wallpapers/hd/honeymoon-wallpaper.jpg
http://www.google.co.th/imgres?hl=en&client=firefox-a&hs=HOF&sa=X&tbo=d&rls=org.mozilla:th:official&biw=1366&bih=575&tbm=isch&tbnid=DshHod0H8HtlFM:&imgrefurl=http://www.switzerlandwedding.com/en/honeymoon.html&docid=wrPYkxZUCx0GaM&imgurl=http://www.switzerlandwedding.com/media/img/main_images/honeymoon1.jpg&w=745&h=333&ei=Tl0bUfaUKcjUrQeXuoGYCQ&zoom=1&ved=1t:3588,r:86,s:0,i:414&iact=rc&dur=688&sig=111323625234316085828&page=7&tbnh=150&tbnw=314&start=85&ndsp=15&tx=104&ty=70

Related contents:

You may also like...