เหล้ากับการปฏิวัติ

กวัลโดส (Calvados) หรือบรั่นดีจากแอปเปิลเป็นเครื่องดื่มที่มีประวัติความเป็นมาที่เก่าแก่และยาวนานมากที่สุดชนิดหนึ่ง Calva ในภาษาละตินแปลว่า ‘โล่งแจ้ง’ Dorsa แปลว่า ‘ปลายยอด’

บางคนถึงกับกล่าวอีกด้วยว่า กวัลโดส ถือเป็นสัญลักษณ์ของการปฏิวัติฝรั่งเศส ในปี ค.ศ.1789 เพราะเป็นเครื่องดื่มที่แพร่หลายในหมู่ชาวนาซึ่งเป็นกำลังหรือแรงผลักดันสำคัญ ที่ทำให้การปฏิวัติสำเร็จลุล่วง (ตั้งชื่อตามแคว้นของชาวนากลุ่มหนึ่งที่ทำการเคลื่อนไหว)

กวัลโดสที่เรารู้จักในปัจจุบันมีถิ่นกำเนิดในแคว้นนอร์มังดี ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับเมืองทางตอนเหนือของประเทศฝรั่งเศสที่ติดกับช่องแคบอังกฤษ กวัลโดสเป็นที่นิยมดื่มไม่เฉพาะแต่ชาวนอร์มัง หากยังเป็นที่รู้จักและฝังรากลึกอยู่ในวัฒนธรรมการดื่มของชาวอังกฤษ หรือถ้าเราจะสืบย้อนกลับไปถึงที่มาของเครื่องดื่มชนิดนี้ เราก็สามารถเริ่มนับได้ตั้งแต่ต้นคริสตกาล (ซึ่งเท่ากับว่าเหล้าแอปเปิลอันถือเป็นบรรพบุรุษของกวัลโดสนั้นมีความเป็นมาที่เก่าแก่ถึงสองพันปี)

ตามตำนานความเชื่อก็คือ ชาวเคลท์ ซึ่งปัจจุบันมีถิ่นฐานอยู่ในไอร์แลนด์เหนือ ได้เดินเข้าไปพบกับต้นแอปเปิลป่าที่มีสัตว์นานาชนิดมากมายสิงสู่วนเวียนอยู่ใต้ต้น เพื่อกินผลแอปเปิลที่สุกงอมและร่วงหล่น แต่ที่น่าแปลกก็คือสัตว์เหล่านั้นดูเหมือนจะตกอยู่ในสภาพคล้ายคนเมา ที่เดินโซซัดโซเซ หรือไม่ก็นอนฟุบหลับไป อย่างผิดวิสัย ซึ่งโดยธรรมชาติแล้วสัตว์ป่ามักจะต้องระมัดระวังตัวมากกว่านี้
และเมื่อชาวเคลท์ลองชิมดูก็ค้นพบว่าแอปเปิลที่สุกงอมนั้นมีรสชาติหอมหวานกว่าผลไม้ชนิดอื่นๆ ด้วยการที่มันได้เปลี่ยนสภาพเป็นแอลกอฮอล์ แน่นอนแทนที่ชาวเคลท์จะเก็บไปแค่ผลแอปเปิล หรือเฝ้ารอคอยผลที่ร่วงหล่นเหมือนบรรดาสัตว์เหล่านั้น เขากลับนำเอาแอปเปิลป่าไปเพาะและแพร่ขยายพันธุ์ต้นแอปเปิลได้เป็นผลสำเร็จ

พืชพรรณจำพวกแอปเปิลเริ่มแพร่ขยายออกไปพร้อมๆ กับการแผ่กระจายอำนาจของจักรวรรดิโรมัน ลองนึกดูว่าในทุกที่ที่กองทัพโรมันเคลื่อนทัพไป สิ่งที่จะติดตามไปด้วยนอกเหนือจากสิ่งปลูกสร้าง ค่ายพักแรม โรงอาบน้ำ ก็คือสวนแอปเปิล พร้อมกับเทคนิควิธีในการหมักบ่มแอปเปิลในลังไม้

ควรกล่าวไว้ในที่นี้อีกด้วยว่า นอกจากรสชาติที่เป็นเลิศแล้ว แอปเปิลยังเป็นผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของชาวคริสต์ เพราะแอปเปิลเป็นต้นไม้ที่พระเจ้าทรงปลูกไว้ในสวนเอเดนทางฝั่งตะวันออก เหมือนที่จารึกไว้ในพันธสัญญาเก่า บทปฐมกาล 2 : 8 และ 2 : 9 “ พระเจ้าทรงปลูกสวนแห่งหนึ่งไว้ที่เอเดนทางทิศตะวันออกและให้มนุษย์ที่พระองค์ทรงปั้นมานั้นอยู่ที่นั่น..” และ “แล้วพระเจ้าทรงให้ต้นไม้ทุกชนิดที่งามน่าดูและที่น่ากินเป็นอาหารงอกขึ้นจากดินมีต้นไม้แห่งชีวิตต้นหนึ่งอยู่ ท่ามกลางสวนนั้นกับต้นไม้แห่งความสำนึกในความดีและความชั่วต้นหนึ่งด้วย…” หรืออีกนัยหนึ่งแล้วแอปเปิลก็คือสัญลักษณ์ของการแข็งขืน ไม่ยินยอม หรือกระทั่งเป็นตัวแทนความรู้ของมนุษยชาติ

การดื่มกินเหล้าจากแอปเปิลถูกเปลี่ยนให้เป็นการแสดงออกในเชิงรหัสยนัย (หรือมีความเชื่อในทางไสยศาสตร์พ่วงมาด้วย) เริ่มต้นอย่างจริงจังในพิธีกรรมของชาวไวกิ้ง/นอร์มังในศตวรรษที่ 10 ซึ่งแน่นอนชาวไวกิ้งนั้นมีรากฐานความเชื่อแตกต่างจากชาวคริสต์ ชาวไวกิ้งเรียกเหล้าที่ทำจากแอปเปิ้ลหมักว่า bj?r

ถัดจากนั้นหนึ่งหรือสองศตวรรษต่อมาจึงเป็นที่นิยมในหมู่พ่อค้าและนักเดินทาง มีการผลิตและจัดจำหน่ายในหลายท้องถิ่นโดยใช้ชื่อในตอนนั้นว่า succus pomis หรือ pomatium แน่นอน pomme ในภาษาฝรั่งเศสมีความหมายว่า แอปเปิล ซึ่งก็ไม่ได้มีแค่สี่ถึงห้าชนิดแบบที่เรารู้จัก หากที่ฝรั่งเศสมีมากถึง 150 ชนิด (แต่ปัจจุบันจะมีเพียง 40 กว่าชนิดเท่านั้นที่ผ่านกระบวนการผลิตมาเป็นกวัลโดส)
ส่วนกระบวนการกลั่นเหล้าถือว่าเริ่มต้นจริงๆ ก็เมื่อศตวรรษที่ 14 ตามประวัติศาสตร์ช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่อังกฤษกำลังทำสงครามกับประเทศฝรั่งเศส และแอปเปิลก็ถือเป็นผลไม้ที่มีความสำคัญทางด้านเศรษฐกิจชนิดหนึ่ง การกลั่นเหล้าเป็นกระบวนการที่ถือกำเนิดขึ้นพร้อมความเชื่อว่าเหล้าคือน้ำแห่งชีวิต (aqua vitae หรือ eau de vie) เหมือนอย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่า ต้นแอปเปิลถือเป็นต้นไม้ที่มีความศักดิ์สิทธิ์สำหรับชาวคริสต์

กระทั่งศตวรรษที่ 16 การกลั่นเริ่มเป็นที่รู้จักกว้างขวางขึ้น โดยนายแพทย์ เฮโรนิมุส บรุนชวิกค์(Hieronymus Brunschwygk) ซึ่งตีพิมพ์ Liber de arte distillandi บรุนชวิกค์มีแนวคิดว่า เหล้าที่ผ่านการกลั่นมีสถานะเป็นยา และเหล้าแอปเปิลที่ผ่านการกลั่นเจ้าแรกของนอร์มังดีก็ถือกำเนิดขึ้นภายใต้ตรา Lord of Gouberville ต่อจากนั้นเหล้าแอปเปิลที่ผ่านการกลั่นเป็นบรั่นดีจึงเริ่มเข้าสู่ระบบการผลิตที่เป็นอุตสาหกรรมมากขึ้น

ศตวรรษที่ 18 บรั่นดีแอปเปิลถูกเรียกว่า กวัลโดสหลังจากการปฏิวัติฝรั่งเศส (ที่ตอนนั้นเรียก eau de vie de cidre) และจากนั้นกวัลโดสก็เป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมในหลายกลุ่มชน จนกระทั่งมีร้านที่จำหน่ายกวัลโดสโดยเฉพาะที่เรียกว่า calva-caf? กระจายไปทั่ว และศตวรรษที่ 20 กวัลโดสก็กลายเป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงของนอร์มังดี โดยทั่วไปกวัสโดสจะถูกกลั่นให้มีดีกรีอยู่ระหว่าง 40-42 แต่ถ้าเป็นแบบพื้นเมืองหรือแบบที่ชาวนาทำดื่มกันเองกวัลโดสจะถูกกลั่นให้มีดีกรีสูงถึง 80 ดีกรี รสชาติของกวัลโดสที่วางจำหน่ายในท้องตลาดแบ่งออกเป็นสี่ประเภทด้วยกันคือ หวาน หวานขม ขม และร้อน

+++++++++++++++++

ผู้เขียน: กิตติพล สรัคคานนท์

Related contents:

You may also like...