แม้ว่าเทร็นด์ของการทำตัวให้มีสุขภาพดีของคนในยุคนี้อาจหมายถึงการออกไปฟิตเนส ไปทำสปานวดหน้านวดผิว การไปเข้าคอร์สบำรุงสุขภาพ การไปกินมื้อพิเศษในร้านอาหารเพื่อสุขภาพ การกินอาหารเสริม การเล่นโยคะ การไปรำมวยจีนตามสวนสาธารณะ เรื่อยไปจนถึงการเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาสุขภาพจิตในรูปแบบต่างๆ เช่น คอร์สฝึกสมาธิ คอร์สบำบัดความเครียด ล้างพิษ แสกนกรรม ฯลฯ สารพัดวิธีที่คนเราจะสร้างสรรค์คิดกันขึ้นมาได้อย่างมากมายไม่น่าเชื่อ แต่เราทุกคนก็รู้กันดีว่า หลักการง่ายๆของการมีสุขภาพที่ดีนั้น ไม่ใช่เรื่องที่พิสดารหรือซับซ้อนอะไรเลย หากแต่คนเราพากันละเลยที่จะรักษาสุขภาพด้วยวิธีพื้นๆ จนกระทั่งเกิดปัญหา แล้วจึงเป็นภาระที่ทำให้ต้องมาวุ่นวายกับการฟื้นฟู หาทางแก้ไข ซ่อมแซมสุขภาพที่เสียหายไปแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องลำบากและสิ้นเปลืองกว่าการดูแลสุขภาพให้ดีเสียตั้งแต่ต้นเป็นแน่
คำกล่าวว่า ‘สุขภาพดีเริ่มที่บ้าน’ นั้นเป็นสิ่งเราฟังกันมาจนชินหู แต่ปฏิบัติกันน้อยมาก ยิ่งคนทำงานประเภทตอกบัตรเข้าเก้าโมงเช้า ตอกบัตรออกหกโมงเย็น กลับมาบ้านแต่ละวันก็เหนื่อยจนขาลาก ลำพังจะแกะกับข้าวจากถุงอุ่นกินในไมโครเวฟ ล้างจาน แล้วอาบน้ำแปรงฟันดูข่าวดูละครก็แทบจะหมดแรงเสียแล้ว ไหนเลยจะเหลือเรี่ยวแรงและเวลามาคิดเรื่องการดูแลสุขภาพกันอย่างจริงจัง พอถึงวันเสาร์ก็มีภาระต้องซักผ้า รีดผ้า ทำความสะอาดบ้าน จนเสร็จแล้วเหลือเวลาว่างนิดหน่อยก็พากันขับรถออกไปเดินห้าง ช้อปปิ้ง ต่อคิวรอกินอาหารในร้านยอดนิยม ดูหนัง กินไอติม ถ่ายรูป อัพเดตเฟซบุ๊ค ฯลฯ แค่นี้ก็หมดไปราบคาบหนึ่งสัปดาห์ จบแล้วก็เริ่มต้นทำอย่างเดิมกับตนเองและครอบครัวต่อไปอีกในวันจันทร์ถัดไป…และถัดไป…และถัดไป เผลอแป๊บเดียวก็อาจถึงวัยใกล้เกษียณ และพบว่าร่างกายจิตใจเป็นโรงเรือนของโรคร้าย รวมถึงความเสื่อมของสุขภาพก่อนวัยอันควร ซึ่งเมื่อรู้ดังนี้แล้ว จะรอให้เกิดปัญหาก่อนแล้วตามแก้ก็คงไม่เข้าที เพราะหากใครมีบ้านดีๆ เอาไว้อยู่อาศัยแล้วก็ควรจะปรับวิถีการใช้ชีวิตเพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีด้วย มิใช่ใช้บ้านเป็นเพียงที่ซุกหัวนอน ไม่เช่นนั้นถ้าเกิดเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมา ก็จะเสียใจทีหลัง
การดูแลบ้าน และการรูปแบบการใช้ชีวิตในบ้าน ให้ทุกคนมีสุขภาพดีนั้นไม่ใช่เรื่องยาก เรื่องแรกก็เป็นสิ่งที่เราทำกันทุกวันอยู่แล้ว นั่นก็คือ การรักษาความสะอาด บ้านที่ดีจะต้องไม่มีส่วนซอกมุมอับทึบที่เข้าไปจัดการทำความสะอาดไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นห้องครัว ห้องน้ำ หรือแม้แต่ห้องที่อาจไม่ได้เปิดเข้าไปใช้บ่อยๆอย่างห้องเก็บของ เพราะความไม่สะอาดอับทึบหรือชื้นแฉะเป็นบ่อเกิดของเชื้อโรค เป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ที่เป็นพาหะนำโรค เช่น หนู แมลงสาบ แมลงวัน และยุง รวมถึงสัตว์พิษ เช่น งู ตะขาบ และสัตว์ที่ไม่น่ารักอย่างมด แมลง ปลวก ควรดูแลทุกซอกทุกมุมในบ้านให้สะอาดโปร่งโล่งเป็นระเบียบเรียบร้อย มีการระบายอากาศที่ดี ส่วนที่มีความชื้น หรือเป็นพื้นที่เปียกชื้น ก็ต้องดูแลให้การระบายน้ำคล่องตัวไม่มีการอุดตันติดขัด หรือน้ำขัง หนึ่งในโรคร้ายที่มากับสัตว์พาหะในบ้านของเราเองก็คือไข้เลือดออก จึงต้องดูแลทุกแหล่งน้ำในบ้านให้ปลอดจากการวางไข่ของยุงลาย นอกจากนี้ ยังมีหนูและแมลงสาบซึ่งเป็นปัญหาคลาสสิกของบ้านในเมือง ที่อาศัยและสัญจรอยู่ในท่อระบายน้ำ และตามซอกมุมสกปรกต่างๆ ซึ่งวิธีป้องกันก็คือการรักษาความสะอาดของท่อน้ำทิ้ง โดยไม่ทิ้งเศษอาหารและสิ่งสกปรกใดๆลงไปในท่อ รวมทั้งกำจัดขยะในบ้านทุกวันอย่างถูกวิธีและมิดชิด เพราะสัตว์พวกนี้หลงใหลสิ่งสกปรกและเดินทางมาตามกลิ่นอาหาร หากบ้านเราสะอาดและไม่มีกลิ่นอาหาร หรือกลิ่นขยะ มันก็จะไม่มีเหตุผลใดๆในการมาเยี่ยมเยือนบ้านเรา ถัดมาจากความสะอาดแล้วก็คือการรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยในบ้าน และวิถีการใช้ชีวิต ซึ่งหมายถึงการฝึกระเบียบวินัยขั้นพื้นฐานในชีวิตให้กับสมาชิกทุกคนในครอบครัว เชื่อหรือไม่ว่า บ่อยครั้งที่เหตุทะเลาะเบาะแว้งใหญ่โตร้ายแรงในบ้านเกิดมาจากเรื่องเล็กน้อยขี้ปะติ๋วอย่างเช่น หากุญแจไม่เจอ ใครบางคนวางของไม่เป็นที่ ลืมปิดฝายาสีฟัน หรือแม้แต่การหลงลืมมารยาทเล็กๆน้อยๆที่พึงมีในการใช้ห้องน้ำ กินข้าวแล้วไม่ล้างจาน ตื่นนอนแล้วไม่จัดห้อง ไม่พับผ้าห่ม ฯลฯ ความไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องจิ๊บจิ๋วจนไม่น่าจะเก็บมารำคาญใจหลายๆอย่างในบ้านนี่แหละ ที่ทำให้เกิดความหงุดหงิด ขัดเคือง คับข้องใจต่อกัน หรือบางครั้งก็ถ่วงความเจริญก้าวหน้าในชีวิต ทำอะไรก็ติดขัดไปหมด จนบางคนเข้าใจผิดไปกล่าวโทษฮวงจุ้ยหรือผีสางเทวดาว่าทำให้เป็นไป ความจริงแล้วเกิดมาจากชีวิตขาดระเบียบ ไร้วินัยจนทำให้งานการติดขัดเสียหายต่างหาก เพราะเมื่อใดที่คนเราหมักหมมปัญหาหรือไม่ยอมจัดการรายละเอียดปลีกย่อยในชีวิตประจำวันให้เป็นไปอย่างที่ควรเป็น แม้ภายนอกเราอาจไม่รู้สึกอะไรกับเรื่องเหล่านี้ แต่จะมีความกังวลหรือความคับข้องใจติดค้างอยู่ในจิตใต้สำนึก ทำให้เรารู้สึกไม่ปลอดโปร่งโล่งใจ มีภาวะของความกังวลทำให้มีความเครียดแฝงอยู่ลึกๆ โดยอาจไม่ทราบสาเหตุ บางคนอาจนอนฝันร้าย เช่น ฝันว่าตกเครื่องบิน หรือไปเข้าทำงานไม่ทัน ฝันว่าทำของมีค่าหาย ฯลฯ บ่อยๆเข้าก็ทำให้เสียสมาธิที่จะจดจำในสิ่งที่ควรจำ เพราะเสียสมองและอารมณ์หงุดหงิดไปกับเรื่องที่ไม่ควร เช่น จะออกนอกบ้านไปทำธุระสำคัญ เตรียมการทุกอย่างไว้ดิบดี ตื่นแต่เช้าตรู่ ตั้งใจว่าจะไปให้ทันเวลา แต่พอจะออกจากบ้านหากุญแจไม่เจอ อารมณ์เสีย อาจถึงขั้นทะเลาะกับคนในบ้าน ขาดสติ สูญเสียสมาธิ และสุดท้ายก็ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการทำงานหรือการตัดสินใจอื่นๆที่สำคัญถูกลดทอนลงไปโดยใช่เหตุ เป็นสาเหตุสำคัญที่มีผลต่อสุขภาพจิต และสืบเนื่องไปถึงสุขภาพกาย เช่น เกิดความเครียด ทำให้เกิดโรคกระเพาะ โรคความดันโลหิตสูง ฯลฯ เหล่านี้เกี่ยวข้องโดยตรงกับรูปแบบวิถีการใช้ชีวิตในบ้านทั้งสิ้น
การกินอาหารที่มีประโยชน์และการพักผ่อนที่เพียงพอก็เป็นสิ่งสำคัญ สำหรับชีวิตนอกบ้านในแต่ละวันเราอาจเสียเงินจำนวนมากไปกับการบริโภคสิ่งไร้ประโยชน์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น อาหารที่เปี่ยมด้วยไขมันและสารพิษ ขนมขบเคี้ยว เหล้า เบียร์ บุหรี่ ฯลฯ แต่เมื่อกลับมาถึงบ้านแล้ว ควรกำหนดกฎเกณฑ์ส่วนตัวเอาไว้เลยว่าให้บ้านเป็นสถานที่ปลอดสารพิษ และปลอดจากสิ่งไร้ประโยชน์ทั้งปวง แม้จะไม่มีเวลาปรุงอาหารดีๆกินทุกวัน ก็พยายามเลือกเฉพาะของดีมีประโยชน์มาไว้ในตู้เย็น เปลี่ยนขนมขบเคี้ยวเป็นผลไม้ ให้อยู่ในที่หยิบง่ายกินง่าย ใกล้มือ ใกล้ตา งดเว้นไม่ซื้อของที่ทำให้สุขภาพเสียหายเข้ามาในบ้าน เพื่อสร้างนิสัยการกินที่ถูกสุขลักษณะให้กับทุกคนในครอบครัว พยายามงดอาหารหวานจัด เค็มจัด อาหารมันๆ หากมีเวลาว่างในวันหยุดก็ช่วยกันทำอาหารกินเองบ้าง จะได้ไม่ต้องออกไปเผชิญกับสารพิษนอกบ้าน ประหยัดค่ารถ ค่าน้ำมัน ค่าแต่งตัว อีกทั้งยังเหลือเวลาออกกำลังกาย ดูแลบ้าน จัดบ้าน หรือจัดสวน ปลูกพืชผักสวนครัว ทำงานบ้านอะไรต่อมิอะไรให้ได้เหงื่อ แทนการเสียเงินออกไปเล่นฟิตเนสนอกบ้าน นอกจากจะทำให้เกิดประโยชน์กับบ้านแล้ว ยังทำให้ร่างกายแข็งแรง และผลจากการใช้เวลาว่างทำงานอดิเรกที่มีประโยชน์ร่วมกัน ก็ทำให้ความสัมพันธ์กับคนในครอบครัวก็จะพัฒนาดีขึ้นด้วย อีกทั้งยังเหลือเวลาเพียงพอสำหรับการพักผ่อนที่มีคุณภาพ ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เป็นเพียงตัวอย่างส่วนหนึ่งของปัจจัยง่ายๆที่ทำให้สุขภาพดีจากการใช้ชีวิตที่ถูกสุขลักษณะในบ้านของเรา ที่ใครๆก็ทำได้ และเริ่มต้นได้ตั้งแต่วินาที … เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีและชีวิตที่ยืนยาว
Text : Wannasiri Srivarathanabul, executive director