ในกระแสสังคมที่ให้ความสำคัญกับวัตถุมากกว่าคุณค่าทางจิตใจ คงมีคนจำนวนไม่น้อยทีเดียวที่มีความคิดว่า ความหมายของชีวิตที่สมบูรณ์พูนสุข ประกอบขึ้นด้วยรายละเอียดอันซับซ้อนยุ่งยาก และมีต้นทุนสูงลิบลิ่ว หรืออาจจะหมายถึงการประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน มีตำแหน่งสูง มีเงินทองมากมายมหาศาล หรือมีเกียรติยศชื่อเสียงโด่งดัง เป็นที่นับหน้าถือตาของใครๆ
แต่เชื่อหรือไม่ว่า หลายคนที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ประสบความสำเร็จในการแสวงหาลาภ ยศ สรรเสริญนั้น อาจไม่ประสบความสำเร็จในการแสวงหาความสุขที่แท้จริง เพราะเงื่อนไขของการมีความสุขอาจจะง่ายแสนง่ายเสียจนผู้คนส่วนมากเผลอมองข้ามไป หรือเล็กน้อยจนแทบมองไม่เห็น นั่นก็คือการทำจิตใจให้มีความสุข ซึ่งน่าจะมีโอกาสประสบความสำเร็จสูงมาก เพราะมีเพียงปัจจัยเดียวเท่านั้นที่ต้องควบคุมก็คือตัวเราเอง ไม่เหมือนกับการทำธุรกิจการงานต่างๆ ที่มีปัจจัยเสี่ยงหรือปัจจัยลบรอบด้าน
ณ ยุคสมัยที่เทคโนโลยีอำนวยความสะดวกทั้งหลายยกทัพเข้ามาเป็นส่วนประกอบของชีวิต การมีชีวิตเรียบง่ายโดยไม่ยึดกับ ‘ตัวช่วย’ ทั้งหลาย กลับกลายเป็นเรื่องที่ดูยากจนน่าขำ เราจึงเห็นปรากฏการณ์ที่องค์กรขนาดใหญ่บางแห่งถึงกับเป็นอัมพาตเมื่อระบบอินเตอร์เน็ตล่ม ไฟดับ หรือสัญญาณโทรศัพท์ขัดข้อง เรามักได้เห็นความเครียด ความกังวล ความทุกข์ของผู้คนอยู่บ่อยครั้งเมื่อเขาทำโทรศัพท์มือถือหายหรือแม้แต่ลืมไว้ที่บ้าน กลัวว่าจะขาดการติดต่อ เกิดความหงุดหงิดกระวนกระวาย บ้างก็สูญเสียความมั่นใจและสูญเสียความสามารถในการทำสิ่งต่างๆราวกับต้องสูญเสียอวัยวะ
หากเราลองพลิกมุมคิดสักนิด และเปิดโอกาสให้เหตุขัดข้องที่เกิดกับตัวช่วยทั้งหลายเป็นเครื่องเตือนสติให้ได้ตระหนักถึงความจริงว่า นานแค่ไหนแล้วที่เราปล่อยให้วัตถุสิ่งของ หรือเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ หรือแม้แต่การปฏิบัติของผู้คนรอบข้าง เข้ามากำหนดระดับความสุขในชีวิตเรา และเริ่มคิดหาหนทางที่จะมีความสุขอย่างแท้จริง ซึ่งไม่ได้หมายถึงการแสวงหาอะไรเพิ่มเติม แต่กลับหมายถึงการลดทอนสิ่งต่างๆ ที่เป็นส่วนเกินในชีวิตออกไปให้เหลือเท่าที่จำเป็น โดยฝึกการลดทอนความอยากได้โน่นได้นี่ ความอยากเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ลงทีละน้อย…ทีละน้อย จนจิตใจค่อยๆสงบเย็นไม่กระวนกระวายรุ่มร้อนอยากได้หรืออยากเป็นอะไรอีก แล้วเราก็อาจจะพบกับอิสรภาพและความสุขในอีกรูปแบบหนึ่งที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ซึ่งเป็นความสุขแท้ๆที่อยู่ภายในใจเรา ไม่ต้องเปิดสวิทช์ เสียบปลั๊ก ไม่ต้องต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ต ไม่จำเป็นต้องหัวเราะเริงร่าอยู่ท่ามกลางผู้คนที่ยกย่องสรรเสริญหรือรักใคร่เราตลอดเวลา … ก็สุขได้
เพราะจิตใจคนเราก็เหมือนร่างกายที่ต้องบริโภคของดีมีประโยชน์ ปลอดจากสารพิษ และหมั่นออกกำลังฝึกฝนให้แข็งแรงอยู่เสมอ ผิดกันตรงที่การฝึกใจนั้นไม่ใช่การไปเข้าฟิตเนส แต่เป็นการฝึกต่อสู้กับสิ่งยั่วยุต่างๆ ให้จิตใจมีความสงบนิ่ง ไม่สะดุ้งสะเทือนไปกับความอยากได้ อยากมี อยากเป็น รวมไปถึงความโลภ ความโกรธ ความหลง ที่ยกขบวนกันเข้ามาทดสอบความแข็งแรงของจิตใจเราอยู่ไม่ขาดสาย และส่วนมากก็จะมาล่อหลอกให้เราวุ่นวายไปกับการตกแต่งชีวิตของเราให้ยุ่งยากซับซ้อนด้วยความเข้าใจผิดว่ารายละเอียดที่ไม่จำเป็นต่างๆทั้งหลายคือองค์ประกอบที่ทำให้ชีวิตของเราสวยงามและมีความสุข แต่หากเราไม่ลุ่มหลงไปกับสิ่งเร้า ก็จะมองเห็นได้ว่า ชีวิตที่งดงามจริงๆ นั้นเรียบง่ายกว่าที่คิด และความสุขที่แท้นั้นก็อยู่ใกล้ๆ เกิดขึ้นได้ในใจเราเอง ด้วยตัวเราเอง ไม่ต้องซื้อหา หรือไปแสวงหาให้เหนื่อยใจอะไรเลย
+++++++++++++++++++++++++
TEXT : Wannasiri Srivarathanabul
Excecutive Editor
Editor@HiclassSociety.com
Thanks to image from http://favim.com/image/186282/